EP.04 การหายตัวไปของคนดัง

1259 คำ
EP.04 มวลอากาศเย็นลอยลงต่ำ บรรยากาศรอบตัวเย็นชื้น สายลมเย็นพัดปลายไม้ไผ่กวัดไกวล้อลม เช่นเดียวกับหน่อของมันที่กำลังแทงยอดโผล่พ้นผิวดิน ชื่นชมกับโลกที่แปลกใหม่ เหล่าไก่ป่าต่างกำลังคุ้ยเขี่ยพื้นดิน พื้นหญ้าหากิน ห่างจากตรงนั้นไม่มากนัก มีร่างของชายคนหนึ่งอยู่ในช่วงของวัยกลางคน บนหลังมีเข่งใส่ของซึ่งบัดนี้ในนั้นมีหน่อไม้หลากหลายขนาดวางนิ่งอยู่ ร่างนั้นกำลังก้มหน้าก้มตาขุดหน่อไผ่ ไม้ซางใหญ่ใส่ลงเข่งบนหลังของตนอย่างตั้งใจ เสียงตึง...ที่ดังขึ้นทำให้เขาหยุดชะงักด้วยความตกใจพร้อมกับสายตาที่สอดส่ายมองโดยรอบ แต่เมื่อสิ่งนั้นเงียบหายไป ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ และดูท่าว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเขาจึงหันมาสนใจกับงานของตนต่อไป โฮ่งๆ ๆๆ ผ่านไปชั่วครู่เสียงสุนัขก็ดังขึ้นมาอีก ชายคนนั้นเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสนใจเมื่อเสียงสุนัขที่ตนมักจะนำเข้าป่ามาด้วยทุกครั้ง ยังคงเห่าดังอยู่อย่างต่อเนื่องไม่มีท่าว่าจะหยุดเลย “ไอ้ดำกับไอ้ด่างมันเห่าอะไรของมันวะ” สำเนียงแปร่งแปลกของชนพื้นเมืองดังขึ้น เขาบ่นพึมกับตนเอง แล้วความสงสัยก็เข้าจู่โจม ชายคนนั้นกระชับเสียม อาวุธในมือแน่น แล้วรีบมุ่งตรงไปยังเสียงเห่าของสุนัขของตนในทันที “เฮ้ย!!” ชายคนนั้นร้องลั่น เหล่าสุนัขต่างหยุดเห่า และหันมาทางเจ้านายเหมือนจะช่วยกันบอกกับนายถึงสิ่งประหลาดที่เกิดขึ้น คน...เขาอุทานลั่นในใจและแปลกใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสูงเหนือทิวไม้ ก็เห็นภาพหนึ่งที่น่าเสียวไส้ติดอยู่บนปลายไม้อย่างหมิ่นเหม่ ทำให้เขาเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเสียงประหลาดที่ดังขึ้นเมื่อครู่ ‘อุบัติเหตุ’ คำนี้ลอยวนอย่างชัดเจน ข้างบนเป็นถนนเลาะเลียบชายเขา และหมอกที่ลงหนาก็คงจะทำให้ร่างเบื้องหน้าประสบอุบัติเหตุอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยความเอื้ออาทรชอบช่วยเหลือคน หรือว่าฟ้าได้ลิขิตเส้นทางให้เป็นไปก็ไม่อาจมีใครรู้ได้จึงดลใจให้ชายคนนั้นตัดสินใจเข้าไปช่วยเหลือ สภาพร่างตรงหน้าชุ่มโชกไปด้วยเลือด หายใจรวยรินเต็มที ถ้าหากเขาไม่ช่วยคงได้ตายแน่ ยังดีที่ชายคนนั้นอยู่ในชุดผ้าคลุมผืนหนา อาการบาดเจ็บจากการเกี่ยวกับกิ่งไม้ขณะตกลงมาจึงไม่มีมาก แต่กระนั้นมันก็ยังไม่พ้นขีดจำกัดของคำว่าสาหัสอยู่ดี จะเป็นใครก็ช่าง อย่างน้อยขอให้ช่วยเหลือ ให้รอดพ้นจากความทุกข์ทรมานก็ยังดี “อุบัติเหตุ!!” สาวมะลิถือหูโทรศัพท์ค้างอยู่เช่นนั้น ใบหน้าของเธอซีดเผือด สองตาคมมองหยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของเพื่อนสาวต่างเพศที่นั่งอยู่ภายในห้องเดียวกัน และกำลังสนใจกับการสนทนาของเพื่อนสาว “ค่ะๆ รถคันนั้นเป็นของดิฉันเอง กฮฮ. 000 กรุงเทพฯ ที่ไหนคะ ค่ะ ดิฉันขอร้องคุณตำรวจก่อนได้ไหมคะ ช่วยปิดข่าวนี้เอาไว้จนกว่าดิฉันและเพื่อนจะไปถึง ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เสียงวางหูเงียบไปนานแล้ว หากแต่ภายในห้องนั้นยังคงเงียบอยู่เช่นเดิม จะมีแต่สายตาของทั้งสองเท่านั้นที่หันมองกัน และสื่อความหมายให้รู้กันแค่สองคน จากเสียงที่ได้รับ จากภาพที่เห็น ทำให้ผู้หญิงข้ามเพศอย่างเบลรับรู้ได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักแสดงหนุ่มที่ตนและเพื่อนสาวเป็นผู้จัดการส่วนตัว และกำลังตามหากันอยู่ “ฉันว่าเราอย่ามานั่งหน้าซีดแบบนี้อยู่เลยนะแม่จัสมินของฉัน นั่งอยู่แบบนี้มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ไป้...ไปเก็บของ” กระเทยสาวลุกขึ้น พยายามจะไม่ให้เพื่อนสาวคิดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น มะลิหันมามองเพื่อนสาวด้วยสายตาที่เหมือนกับจะกำลังร้องไห้และตัดพ้อตัวเองกับการดูแลเด็กในอาณัติไม่ดี “เบล เธออย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้นะ แม้กระทั่งคุณพ่อคุณแม่ของน้องวิชญ์ จนกว่าเราจะพบเค้าจริงๆ” หญิงสาวโผเข้ากอดเพื่อนสาว แล้วปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไม่อาย ขณะที่เบลได้แต่ลูบหลังลูบไหล่เพื่อนสาวเป็นเชิงปลอบประโลม ทั้งๆ ที่ตนก็กำลังจะมีสภาพไม่ต่างกัน “ทำใจดีๆ เอาไว้เถอะมะลิ ฉันเชื่อว่าน้องวิชญ์จะต้องไม่เป็นอะไร ไปกันเถอะเราไปเก็บของกัน ยิ่งช้ามันก็ยิ่งเสียเวลานะ” หลังจากที่ปลอบใจกันอยู่เป็นครู่ ทั้งสองสาวจึงรีบไปเก็บของแล้วพากันไปที่สนามบิน มุ่งตรงสู่จังหวัดเป้าหมายตามที่ตำรวจได้บอกเอาไว้ในทันที กลางหุบเขาใหญ่ บริเวณโดยรอบมีแต่ความเขียวขจีของหมู่มวลต้นไม้หลากหลายชนิด ที่บัดนี้กำลังถูกม่านหมอก ลอยอบอวลแผ่ปกคลุมพื้นที่โดยรอบ พร้อมกับมวลอากาศเย็นที่ยังคงที่อยู่กับตัวเลขหลักเดียว จนทำให้หยดน้ำที่เกาะอยู่พร่างพรมตามยอดไม้ยอดหญ้าเกิดอาการแข็งตัวหรือที่รู้จักกันว่า ‘แม่คะนิ้ง’ ถึงจะสายเต็มทีแล้ว หากแต่บริเวณแห่งนี้กลับยังคงปกคลุมไปด้วยมวลอากาศเย็น ที่แห่งนี้มีบ้านหลังเล็กๆ สร้างกันอย่างตามมีตามเกิดอยู่ไม่ถึง 20 หลัง บัดนี้วิถีชีวิตของชาวบ้านพื้นเมืองกำลังดำเนินไปตามครรลองเช่นทุกวัน ที่บ้านหลังหนึ่ง มีสภาพไม่ต่างกับบ้านหลังอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน เป็นเพียงบ้านไม้ชั้นเดียวที่ยกพื้นสูงจากพื้นดินแค่เมตรกว่าๆ เท่านั้น หลังคามุงด้วยหญ้าคาที่ไพเป็นตับ วางสลับเรียงกันโดยมีเชือกตอกมัดติดกับไม้เท่านั้น ฝาของบ้านก็เป็นเพียงไม้ไผ่ที่นำมาสานด้วยลวดลายตามแบบฉบับของแต่ละคน หากแต่ก็ยังคงเป็นลวดลายที่สวยงามและประณีตไปอีกแบบ ส่วนพื้นนั้นก็เป็นพื้นที่ปูด้วยไม้ไผ่ผ่าซีก หากแต่ก็ไม่ได้ให้แยกออกจากกัน ดังนั้นไม้ไผ่ลำหนึ่งก็จะได้พื้นที่กว้างประมาณ 10 นิ้ว ชานเรือนของบ้านหลังนั้นยื่นออกมานอกชายคาของบ้าน ใช้เป็นที่วางของเล็กๆ น้อยๆ ลักษณะบ้านแบบนี้มักจะเห็นมากตามชนบท ที่บ้านหลังนั้น มีหญิงสาวคนหนึ่ง ใบหน้าหมดจดสวยงาม รูปทรงสูงระหง เธอกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้าอยู่หน้าเตาที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างง่ายๆ ควันกำลังลอยกรุ่น กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยไปไกล เวลาไม่นานหลังจากนั้น ความสนใจของหญิงสาวกับเตาตรงหน้าก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อเสียงเรียกของบิดา ที่รู้สึกว่าจะกลับมาก่อนเวลา ร้องเรียกดังมาแต่ไกล “จันทร์เอ้ย รอยจันทร์ ช่วยพ่อด้วยเถอะ” แววตาของหญิงสาวฉายอาการตระหนกอยู่นิดหนึ่งจากเสียงเรียกที่ร้อนรนของบิดา ถึงจะไม่ทันเห็นตัวเธอก็รู้ว่าพ่อคงจะต้องการความช่วยเหลือจริงๆ หญิงสาวจึงตัดสินใจทิ้งงานที่ทำแล้วรีบวิ่งมาที่หน้าบ้านในทันที “พ่อ เอาใครมาน่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม