แอด..
ประตูเปิด เธอชะงักหันมอง คราวนี้มีเพียงถาดอาหารวางไว้ แล้วปิดลงตามเดิม เธอเดินไปหยิบมา ตักใส่ปากแววตาเหม่อลอย ป่านนี้พ่อกับแม่จะเป็นเช่นไร คงเป็นห่วงเธอมากใช่ไหม มีใครรู้บ้างไหม ว่าเธอถูกจับตัวมา จบมื้ออาหาร รวบช้อนแล้ววางถาดไว้ตรงโต๊ะ
เดินมาตรงตู้เสื้อผ้า หยิบชุดคลุมออกมา แล้วเข้าห้องน้ำไป มองตัวเองในกระจกแววตาหม่นเศร้า ไม่มีหนทางเลย มืดแปดด้าน จะหาทางออกจากห้อง ยังทำไม่ได้ มองดูตรงหน้าต่าง ห้องนี้สูงมาก ขืนกระโดดลงไป ได้กลายเป็นศพไร้ญาติแน่นอน ชำระล้างร่างกายเรียบร้อย หยิบชุดคลุมสวม ก้าวออกมาด้านนอก
ดวงตาสองคู่สบกัน เห็นอีกคนยืนกอดอก ทอดสายตามองมา
“นี่คุณ! มาได้ยังไง!” เธอร้องถาม แล้วกระชับสาบเสื้อคลุม
“ลงทุนอาบน้ำรอกันเลยงั้นเหรอ ดีเหมือนกัน ฉันชอบกลิ่นหอมของสบู่อยู่เหมือนกัน”
“อะไรนะ คุณบ้าไปแล้วเหรอ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นสักนิด!”
“งั้นเหรอ?”
พิชญาภารีบมองหาอาวุธ เพื่อเอาตัวรอด ท่าทางของเขาในวันนี้ ดูไม่เหมือนปกติ ถ้าขืนไปทำอะไรไม่ถูกใจ เธอคงถูกฆ่าตายที่นี่แน่ อรัญกรณ์สาวเท้า หยุดยืนตรงตู้เสื้อผ้าตนเอง จังหวะนั้นอีกคนถอยฉากไปอยู่ตรงอีกจุด ซึ่งเป็นมุมเตียง เขายิ้มเย็น แววตาวาววับ ตกลงชายแปลกหน้าคนนี้หายไปไหนมา พอกลับมามีทีท่าราวกับว่าโกรธเธอมาร้อยชาติเสียอย่างนั้น
พอเขาหายเข้าห้องน้ำ เธอเดินวนเพื่อหาทางหนี ไปตรงหน้าประตู พยายามดึงให้มันเปิด แต่ทว่ามันกลับทำไม่ได้ ไม่เข้าใจอะไรเลย อยากกลับบ้านแล้ว ไม่อยากอยู่ที่นี่ เธอกลัวมากเหลือเกิน
ปัง! ปัง!
ทุบประตู แววตาไหวระริก เสียงน้ำพร่างพรม ยิ่งทำเอาหวั่นไหว ด้านนอกฟ้าเริ่มมืดแล้ว มีเพียงแสงสีส้มอ่อน กำลังลับเหลี่ยมเขา
“เปิดประตูนะ ได้ยินไหม ฉันจะแจ้งความ!” เธอร้องตะโกน หวังว่าคนด้านนอกจะได้ยิน
แอด...
ประตูห้องน้ำเปิดออก อรัญกรณ์ยืนกอดอก มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันกาย เธอหันมาสบตา ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้าง ยืนสั่นเทาน้ำตาคลอ
“อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา!” พิชญาภาร้องบอกเสียงสั่น “ถ้าคุณทำอะไรฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ เอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุด”
“เธอคิดว่าฉันกลัวงั้นเหรอ ถ้าฉันกลัวคงไม่ทำแบบนี้ กฎหมายถ้ามันศักดิ์สิทธิ์จริง ฉันคงไม่เลือกทำอะไรที่ฝืนความรู้สึกตัวเอง” เขาบอกเสียงเรียบ ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ไม่เข้าใจเลย ไร้คำอธิบาย ถูกจับตัวมาที่นี่ เพราะอะไรงั้นเหรอ พี่ชายเธอทำอะไรให้กับเขากันแน่ ความซวยถึงได้มาลงที่ตนเองเช่นนี้ มือยกขึ้นไหว้ น้ำตาอาบแก้ม เธอสังหรณ์ คราวนี้คงไม่รอดแน่
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันขอร้องล่ะ” พิชญาภาอ้อนวอนเสียงสั่น
“ตอนนั้น... มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำแบบนี้ ขอร้องอ้อนวอน แต่พี่ชายเธอกลับไม่สนใจ ปล่อยให้เธอคนนั้น ต้องตายทั้งเป็น!” อรัญกรณ์ขบกรามแน่น ความแค้นในอกมันกำลังพวยพุ่ง “คราวนี้ต่อให้เธอร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด หรือใช้คำพูดสารพัดมาห้ามไม่ให้ฉันทำ เหมือนที่พี่ชายเธอทำ ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เลือดต้องแลกด้วยเลือด แค้นก็ต้องชำระ ไม่ว่าทางไหน ฉันจะไม่มีวันให้พี่ชายเธอมีความสุขเด็ดขาด!”
ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้า คนตัวเล็กถอยหนีจนติดกำแพง ดวงตาคมกริบจ้องมองเหยื่อ ตรงเข้าหาคว้าเรียวแขน กระชากแล้วลากมาเหวี่ยงลงบนเตียง เธอทะลึ่งพรวดคลานหนีแต่เขากลับลากข้อเท้าพลิกกาย แล้วใช้ลำตัวทาบทับ มือบางยกดันแผงอก สีหน้าตื่นตระหนก
“ไม่นะ ไม่ ฉันกลัวแล้ว!” หญิงสาวร้องลั่น ตอนนี้สาบเสื้อคลุมมันกำลังแยกออก ที่สำคัญ ช่วงล่างกำลังแหวกจนเห็นเรียวขาขาวเนียน
หมับ!
เขาจับต้นขาแล้วลูบไล้ เจ้าของมันขนลุกเกรียว
“กรี๊ด!” พิชญภากรีดร้องในทันที “ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า ไอ้ชั่ว ไอ้เลว!”
ทว่าคนตัวใหญ่ไม่ฟังเสียง รวบข้อมือบางไว้เหนือศีรษะ อีกดึงเชือกชุดคลุมออก พิชญาภามองแววตาหวาดหวั่น เขาจับสาบเสื้อแยกจากกัน เผยให้เห็นเรือนร่างอรชร ทรวงอกอวบอิ่ม พอดีมือ ยอดงามกำลังแข็งชูชันเพราะอากาศอันหนาวเย็น
“อย่ามองนะ ไม่นะ ปล่อยฉัน ปล่อย!”
ดวงตาอรัญกรณ์เรียบนิ่ง แม้ความรู้สึกต้องการ กำลังพุ่งทะยานอย่างเต็มที่ ตัวตนกำลังแข็งขืน สะบัดผ้าพันกายออก โน้มกายเข้าหา
“ออกไป ไอ้บ้า อื้อ!” เสียงถูกกลืนหายในลำคอ
พยายามเอาตัวรอด ดิ้นรน ขัดยืน ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ไม่อาจสู้แรงชายคนนี้ เรือนร่างของเขา อุดมด้วยมัดกล้ามเนื้อ ราวกับคนออกกำลังกายประจำ ลิ้นร้อนตวัดควานหาความหวานในโพรงปาก ก่อนผละห่าง เห็นคนใต้ร่างหอบหายใจ ริมฝีปากบวมเจอ
เธอสะอื้นออกมา ทว่าอีกคนกลับทอดมองแววตาเย็นชา ต่อให้น้ำตาเป็นสายเลือด เขาก็ไม่อาจใจอ่อน ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปได้ ในเมื่อเดินมาจนขนาดนี้แล้ว น้องสาวไอ้สารเลวนั้น ทำเอาเขาแทบใจอ่อน
“ฉันกลัวแล้ว กลัวจริง ๆ นะ ถ้าคุณทำอะไรฉัน จากนั้นคงฆ่าทิ้งใช่ไหม”
เขากระตุกยิ้มมุมปาก “ก็แล้วแต่ว่า เธอจะทำตัวยังไง”
“อื้อ!”
ริมฝีปากถูกครอบครองอีกครั้ง คราวนี้มันเนิ่นนานจนแทบลืมหายใจ รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลูบไล้ไปทั่วเรือนร่าง กอบกุมทรวงอกคู่งามสลับกัน เมื่อถอนริมฝีปาก เขาผละมาดื่มด่ำกับยอดบัวเม็ดงาม จนเข้าของครางแผ่ว สะท้านไหวไปทั้งร่าง เรียวขาถูกจับแยกจาก มือสอดเข้าหานิ้วเคลื่อนไหวตามช่องทางรัก สัมผัสเกสรกระตุ้นหยอกเย้า เพื่อให้น้ำหวานรินไหลออกมา
“อ๊ะ! อ๊า! ยะ..อย่านะ ตรงนั้นไม่ได้!”
คนกระทำ แสร้งไม่ได้ยินเสียง มาถึงจุดนี้ ให้หยุดคงไม่ได้แล้ว เพราะอารมณ์กระเจิงเช่นเดียวกัน เลือดในกายสูบฉีด สอดนิ้วเข้าช่องทางรัก น้ำหวานเริ่มหยดย้อย เขากระตุกยิ้มมุมปาก ยกสะโพกจับเรียวขากดแยกจากกัน เผยให้เห็นดอกไม้งาม มีขนสีอ่อนปกคลุม
“จะทำอะไร ไม่นะ อย่า!” พิชญาภากรีดร้อง ด้วยความอับอาย เห็นหมดทุกอย่าง ไม่เคยมีใครกระทำกับเธอเลวร้ายเท่าเขามาก่อน ไม่เหลือแล้ว อับอายจนแทบไม่อยากหายใจ
เขาโน้มใบหน้าเข้าหา ลิ้นร้อนตวัดลากไล้
“อ๊ะ!” คนสวยส่งเสียงครางออกมา
มือสอดเขาเรือนผมหา หนีบขาเข้าหากัน ยิ่งเขาตวัดลิ้นหยอกเย้ามากเท่าไหร่ ร่างกายกลับเคลื่อนไหว ยกสะโพกมนเข้าหาใบหน้า ราวกับปรารถนาให้เขากระทำต่อ เธอส่งเสียงครางอย่างลืมอาย ความเสียวซ่านเช่นนี้ไม่เคยพบพาน มันแทบหลอมละลาย ใบหน้าแดงก่ำเพราะเลือดสูบฉีด มันคือความทรมานปนหฤหรรษ์
“ฉันไม่ไหวแล้ว มัน..”
“มันอะไรงั้นเหรอ?” เขาเงยหน้าเอ่ยถาม
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้” เธอส่ายหน้า จนเรือนผมนุ่มกระจาย
ร่างบางเกร็ง ยิ่งเขาตวัดลิ้นร้อนรวดเร็วเท่าไหร่ กายสาวกลับบิดเร่า ความเสียดเสียวพุ่งทะยาน แม้พยายามเก็บกลั้นเสียงร้องก็ไม่อาจทำได้
“อ๊า อ๊าย!” พิชญาภากรีดร้องออกมา น้ำหวานกำลังไหลเยิ้ม เขาสอดนิ้วแล้วดึงกลับ ยกยิ้มพึงพอใจ เมื่อเห็นสาวเจ้าพรั่งพร้อม