เซียวอัน

1818 คำ
ทารกที่ 4 เซียวอัน “อะไรนะ! เมื่อกี้ท่านแม่กล่าวว่าอะไร!” เมิ่งจื่อถึงกับสะดุ้ง เพราะท่านแม่บอกว่าจะแต่งเขยเข้าบ้าน แบบนี้นางต้องไม่ถูกสามีรังแกแน่นอน “เด็กโง่ แม่ย่อมคิดอ่านแทนเจ้า” นางเมิ่งซือลูบเส้นผมบุตรสาว กล่าวปลอบโยนนางต่อไปเรื่อยๆ อธิบายข้อดี บอกว่าแต่งแล้วก็ยังได้อยู่ที่บ้าน ทั้งยังไม่ต้องถูกพ่อแม่สามีจิกหัวใช้งาน “จื่อจื่อ เจ้ารู้หรือไม่ ครอบครัวพวกเราตามหลักย่อมไม่มีปัญญาแต่งเขยเข้าบ้าน” เมิ่งจื่อพยักหน้า ชื่อเสียงบุรุษมีค่าแค่ไหน หากไม่อับจนสิ้นหนทาง ผู้ชายดีๆ มีหรือจะลดตัวแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ยอมให้บุตรที่เกิดมาใช้แซ่ภรรยา “จื่อจื่อ เจ้ารู้สึกว่าเจ้าหนุ่มที่เจ้าช่วยไว้ดูดีหรือไม่?” เมิ่งจื่อฟุบอยู่ในอ้อมกอดมารดา นางผงกศีรษะอย่างโง่งม ตอบไปตามจริงว่า หล่อมากท่านแม่ “…” ในความคิดของเมิ่งจื่อ เขาหล่อกว่าพี่เสิ่นมาก นางเป็นคนปากกับใจตรงกัน พอท่านแม่ถามนางก็ตอบ ไม่มีท่าทีเขินอายอะไร นางเมิ่งซือคิดว่าหว่านล้อมบุตรสาวได้แล้ว จึงใช้ยาแรงในคำถามสุดท้ายทันที “จื่อจื่อ แม่จะให้เจ้าแต่งกับเขา เจ้ายินดีหรือไม่?” สาวน้อยกำลังมึนงงกับคำถามก่อนหน้า พอได้ยินพลันสั่นสะท้าน จากนั้นทิ้งตัวลงบนกองผ้าห่มคุดคู้ ก้นน้อยๆ กระดกขึ้น กล่าวเสียงเบาราวกับยุง บอกว่า แล้วแต่ท่านแม่ตัดสินใจ นี่เหมือนกับคนจมน้ำแล้วคว้าขอนไม้ได้ ความจริงคิดว่าคงต้องแต่งกับพวกกักขฬะในหมู่บ้าน ถูกแม่ผัวกดขี่ข่มเหง “เอาเช่นนี้ละ ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องออกจากบ้านบ่อยนัก ผ้าก็ไม่ต้องเอาไปซักแล้ว รอจนถึงวันปักปิ่น แม่จะจัดให้พวกเจ้าสองคนเข้าหอกัน” “เจ้าคะท่านแม่” เสียงเบาหวิวจากผ้าห่มดังลอยออกมา... ตำหนักเว่ยเฉียน “เพร้ง!เดือนกว่าแล้วยังไม่มีข่าว อยู่ต้องพบคนตายต้องพบศพ พวกเจ้าไม่ต้องอยู่ข้างกายข้าแล้ว ถ้าหาคนไม่เจอก็ไม่ต้องกลับมาให้ข้าเห็นหน้า!” จอกทองชั้นดีถูกขว้างปาลงพื้น ฮ่องเต้กริ้วมากจนหนวดสั่นระริก องครักษ์เงาสิบกว่าคนก็คุกเข่า หมอบกราบลงไปกับพื้น ร้องขอให้ฝ่าบาทใจเย็นๆ การไม่มีข่าวถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าจะให้พวกเขาออกจากวังไปสืบหาคงเป็นไปไม่ได้ ต่อให้ถูกตัดหัวก็ขอตายเป็นผีอยู่ข้างกายพระองค์ “…” ฮ่องเต้นั่งบนเก้าอี้จนโทสะคลายลง องครักษ์เงาแต่ละคนก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น กลัวจะถูกพระองค์ไล่ออกไปตามหาคน นี่เป็นห้องทรงอักษร แม้แต่ขุนนางใหญ่ฝ่ายใน พระองค์ก็ไม่อนุญาตให้เข้าพบในห้องนี้ หลายปีมานี้ฮ่องเต้ถูกปิดหูปิดตา แม้แต่หน่วยลับอย่างตงฉ่างและซีฉ่างยังไว้ใจไม่ได้ ข่าวสารจากเมืองห่างไกลถูกปิดกั้น ขุนนางในราชสำนักก็แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แม้ต่อหน้าจะปฏิบัติงานจงรักภักดี แต่ลับหลังสมคบคิดกันทำเรื่องเนรคุณ เซียวเฟิงความจริงเป็นหัวหน้าองครักษ์เงา แต่ครึ่งปีก่อนได้รับคำสั่งให้แฝงตัวสืบข่าว หาตัวสายลับตงฉ่างซีฉ่างที่ทรยศพระองค์ ข่าวสารจากเมืองต่างๆ จึงถูกบิดเบือน สองหน่วยลับนี้จัดเป็นหูตาฮ่องเต้ ตอนนี้ถูกแทรกแซงจากภายนอก จะให้พระองค์อยู่นิ่งได้ยังไง! เดือนต่อมา ข่าวจากเมืองหลวงเดินทางเร็วมาก การสอบจิ่นสือประจำปีจบลง อำเภอไท่หังมีหน้ามีตายิ่งนัก เพราะคุณชายเสิ่นถึงกับสอบติดทันฮวา กำลังอยู่ในขั้นตอนแต่งตั้งเข้าสู่สำนักฮั่นหลิน นับว่าสร้างชื่อเสียงให้กับชาวอำเภอไท่หังอย่างมากมาย ห่างไปไม่กี่สิบลี้ หมู่บ้านหลิวชิ่งก็มีข่าวซุบซิบนินทาเกิดขึ้น ในที่สุดทุกคนรู้แล้ว ไฉนเมิ่งจื่อถูกถอนหมั้น นั่นเพราะทันฮวาคนใหม่ กำลังจะแต่งเป็นบุตรเขยเสนาบดีหวัง คนในอำเภอพูดคุยไปทั่วแล้วตอนนี้ หวังเหยียนอายุเกือบห้าสิบ เขาปีนขึ้นสู่ตำแหน่งขุนนางขั้นสองตั้งแต่อายุยังน้อย เสียอย่างเดียวมีแต่ลูกชายไม่เอาไหน ไม่มีผู้สืบทอดตำแหน่งทางการเมือง ความจริงเขาหมายตาจอหงวนของปีนี้ แต่ก็ดำเนินการไม่ทันจวนติงกว๋อกง สุดท้ายจึงคว้าจับเอาเสิ่นทันฮวา ภายใต้การต่อรองผลประโยชน์ความก้าวหน้า เสิ่นจงแม้จะเสียดายเมิ่งจื่อ แต่ยังคงเลือกอนาคตขุนนางดีกว่า ตระกูลเมิ่งพอรู้ความจริงก็โกรธมาก แต่พวกเขาจะทำอะไรได้ นี่เป็นเพียงครอบครัวชาวบ้านยากจน ยังจะเรียกร้องอะไรได้อีกหรือ หนังสือถอนหมั้นก็เขียนแล้ว ของหมั้นหมายก็คืนหมด เมิ่งจื่อกลับกลายมาเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกครั้ง ทุกคนเยาะเย้ยนางว่าฮูหยินทันฮวา บอกว่าจะรอดูเกี้ยวแปดคนหาม ขบวนสินสอดยาวสิบลี้มารับ หัวเราะคิกคักสะใจในคราวเคราะห์ผู้อื่น น่าเวทนาเมิ่งจื่อยิ่งนัก นางร้องไห้กระซิกกระซิก ดึงผ้าห่มคลุมโปง รู้สึกอับอายเหลือเกิน… *** “ว่าไงนะ! เจ้าไปได้ข่าวมาจากที่ใดว่าสกุลเมิ่งจะแต่งเขยเข้าบ้าน!” ริมแม่น้ำ หญิงสาวสิบกว่าคนกำลังก้มหน้าก้มตาซักผ้า พวกนางแทบไม่อยากจะเชื่อที่สหายพูด จะเป็นไปได้ยังไงที่เมิ่งจื่อจะแต่งสามี ซ้ำยังเป็นการแต่งเอาฝ่ายชายเข้ามา “เหอ! ข้าว่าบิดานางคงหาผู้ชายดีๆ มาแต่งนางไม่ได้ เลยไปหาขอทานซักคนแต่งเข้าเสียมากกว่า!” “น่าจะเป็นเช่นนั้นละ ข้าสอบถามคนหมู่บ้านเราดูหมดแล้ว ไม่มีใครบอกว่าจะแต่งเข้าสกุลเมิ่งซักคน” การพูดคุยหัวเราะดำเนินไป แต่แล้วสิ่งไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น เมื่อเจ้าตัวที่ทุกคนกำลังพูดถึง เดินหอบถังผ้ามาตามทางน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งจื่อเอาผ้ามาซักในรอบเกือบสองเดือน “เมิ่งจื่อ เจ้าจะแต่งสามีเข้าบ้านจริงหรือ?” ท่านป้าผู้หนึ่งทำใจกล้า เพราะต้องการจะทราบความจริงจากปากสาวน้อย จึงพูดคุยกับนางด้วยน้ำเสียงปกติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ตุบ! ตุบ! ใช่เจ้าคะท่านป้าหง” เมิ่งจื่อทุบผ้าไปด้วยตอบไปด้วย นางทำใจได้แล้ว ดังนั้นจึงกล้าออกจากบ้านมาพบเจอผู้คน “เออ! สามีเจ้าเป็นใครมาจากไหนหรือ?” เมิ่งจื่อตอบกลับไปว่าเป็นญาติทางฝั่งมารดา เขาเดินทางมาจากเมืองเป่ยจิง แทบทุกคนได้ยินเต็มสองหู พวกนางสะกดข่มอารมณ์ไว้ หลอกถามเมิ่งจื่ออีกหลายเรื่อง สุดท้ายได้ความว่า ญาติผู้นี้ตระกูลตกต่ำ จึงยินยอมให้เขาเดินทางมาแต่งกับนาง ทุกคนย่อมทราบประวัติความเป็นมาเมิ่งผู้แม่ ได้ยินดังนั้นก็ไม่นึกสงสัย การจะขายลูกชายซักคนเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก หากยกให้แต่งเข้าบ้านญาติ แลกกับเงินจำนวนมากก็นับว่าพอจะยอมรับได้ เพียงแต่ตระกูลเมิ่งใช้เงินทองไปเท่าไรกัน? เรื่องนี้กลายเป็นที่ถกเถียงอีกหลายวัน เนินเขาไม่ไกลจากหมู่บ้าน ดอกไม้ใบหญ้างดงามถูกรังแกอย่างโหดร้าย ซ่งจูเอ๋อและสหายฟาดกิ่งไม้แห้งไปทั่ว ไล่ทำลายไปมั่วๆ ระบายอารมณ์คับแค้นใจ ที่เมิ่งจื่อกำลังจะได้สามีหน้าตาดี สาวๆ ทั้งหมดพบเห็นเซียวเฟิงแล้ว! พอรู้ข่าว จูเอ๋อที่บ้านอยู่ติดกันก็จับจ้อง เป็นอย่างที่คิดจริงๆ บุรุษผู้นั้นไปชายชู้ของหญิงร่าน แต่ไฉนพอรู้ว่าพวกเขาจะแต่งงานกัน นางถึงได้เจ็บปวดใจเช่นนี้ เซียวเฟิงถูกเมิ่งผู้พ่อแนะนำให้คนในหมู่บ้านรู้จัก เขาถูกเรียกว่าเซียวอัน ปกติขึ้นเขาล่าสัตว์ ดังนั้นจึงมีน้อยคนเคยเห็นหน้า แม้แต่จูเอ๋อได้เห็นเต็มตาก็เมื่อไม่กี่วันมานี้ แต่ก่อนเคยเห็นจากระยะไกล มองไม่ออกว่าหน้าตาอุบาทหรือดูดี ศักดิ์ฐานะเซียวอันคือญาติผู้พี่เมิ่งจื่อ อีกสามวันจะเป็นพิธีปักปิ่น และจึงเข้าหอในคืนนั้นเลย ชาวบ้านยากจนก็แต่งกันง่ายๆ เช่นนี้เอง ในวันงาน สกุลเมิ่งล้มวัวถึงสองตัว โต๊ะกลมถูกจัดตั้งไว้ลานหน้า เพื่อนบ้านหลายสิบคนดื่มสุราเฮฮาลั่น ฉลองพิธีปักปิ่นและรับเขยในวันเดียวกัน ภายในกระท่อมเมิ่งจื่อ ต้าเหนียงทั้งหลายหัวเราะคิกคัก ชมว่านางตัวเล็กน่ารัก ปักปิ่นเสร็จก็ได้สามีทันที ไม่เกินสิ้นปีต้องคลอดทารกอวบอ้วนออกมาได้แน่ “จื่อจื่อ ป้าดูไม่ผิด ก้นแบบเจ้าต้องคลอดลูกชายได้อย่างแน่นอน” เมิ่งจื่อเขินอายแก้มแดง หญิงชาวบ้านก็มีอนาคตเพียงเท่านี้ แต่งงานมีสามีและลูก ส่วนจะมีความสุขหรือไม่เป็นเรื่องในภายภาคหน้า อย่าว่าแต่สามีของนางหล่อมาก ทั้งยังเป็นการแต่งเข้า เมิ่งจื่อแม้จะพบหน้าเขาไม่มาก แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรชายผู้นี้ ตลอดเวลาสองเดือน เมิ่งผู้พ่อลากว่าทีสามีนางขึ้นเขาลงห้วย หกเจ็ดวันจะกลับมาบ้านซักครั้ง เมิ่งจื่อจึงยังมิได้พูดคุยกับเขา แม้กระทั่งวันนี้ นางก็ยังมิได้คุยกัน สายตาเมิ่งจื่อตกอยู่ในความมืด เพราะว่าตอนนี้นางถูกคลุมหน้า ทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน และไหว้บิดามารดา หัวใจเมิ่งจื่อแทบหลุดออกมา ในนั้นราวกับมีกวางน้อยกระโดดโลดเต้น เสร็จพิธีนี้นางก็จะกลายเป็นภรรยาคนอื่นแล้วหรือ เป็นภรรยาพี่ชายแปลกหน้า คนที่นางช่วยขึ้นมาจากแม่น้ำลำธาร... *** ค่ำคืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง แต่เมิ่งจื่อกับไม่รู้สมควรเริ่มยังไง ท่านแม่ก็เพียงบอกให้นางนอนอยู่นิ่งๆ เดียวสามีจะเป็นคนจัดการเอง คำว่านิ่งๆ ของเมิ่งจื่อก็คือนิ่งๆ ตั้งแต่เปิดผ้าคลุมหน้า ดื่มสุราคล้องแขน จากนั้นนางก็ปีนขึ้นเตียงไปนอนนิ่งๆ แม้แต่หายใจแรงยังมิกล้า นอนกะพริบตาปริบๆ เสียงหอบหายใจดังฟึดฟัด บนโต๊ะกลมกลางห้อง สามีหมาดๆ ของนางกรอกสุราหมดไปสองกา ผ่านไปครึ่งค่อนคืน เมิ่งจื่อง่วงแล้วนะ! นางหาวไปหลายสิบรอบ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าสามีจะทำอะไร “…” ***
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม