ผู้ชายในคืนนั้น 1

1952 คำ
ใบแจ้งหนี้ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และอีกสารพัดที่ปารวตีต้องหาเงินมาจ่าย หญิงสาวมองกองจดหมายใบแจ้งหนี้แล้วเกิดอาการท้อใจ “เฮ้อ~ เมื่อไหร่แม่จะเฉลยซะทีว่าบ้านเราเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านพันล้าน” เธอบ่นพึมพำ แต่ปารวตีถือคติที่ว่าท้อได้ บ่นได้ แต่ต้องเงยหน้าขึ้นแล้วทำมาหารับประทานต่อไปห้ามหยุด เพราะถ้าหยุด ครอบครัวเธอจะไม่มีกิน นักศึกษาจบใหม่เปิดแล็ปท็อปเพื่อกรอกใบสมัครงาน สองเดือนแล้วที่ก้าวขาออกจากรั้วมหาวิทยาลัย แต่ทว่ากลับยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง เธอไม่อยากจะกล่าวโทษโชคชะตา แต่บางครั้งมันก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมชีวิตของตัวเองไม่เคยได้อะไรมาง่ายๆ เหมือนคนอื่นบ้าง หนำซ้ำยังมีแต่ปัญหาประเดประดังเข้ามา แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะข้าสู้ตาย! ยังโชคดีที่ว่าพอมีรายได้จากการขายของออนไลน์เล็กๆ น้อยๆ พอประทังชีวิตและส่งให้วีรินทร์ไว้เป็นค่าใช้จ่าย ไม่อย่างนั้นชีวิตคงแย่กว่านี้มาก “สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าขา ถ้าท่านได้ยินหนู ขอให้หนูได้งานเร็วๆ ด้วยนะคะ” ปารวตียกมือไหว้ท่วมหัว ในเมื่อใช้ความสามารถตัวเองไม่ได้ งั้นใช้ไสยศาสตร์เข้าช่วยก็แล้วกัน ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนอีเมลเข้า หลังจากที่หญิงสาวเอ่ยปากขอพรได้ไม่ถึงห้านาที ปารวตียกมือปิดปากทำตาโตอย่างตื่นเต้นดีใจ หรือว่า.. “อร้ายยย! ในที่สุดพระเจ้าก็เห็นใจฉัน” เธอยังไม่เปิดอ่าน แต่ซ้อมเล่นใหญ่ดีใจไว้ก่อน เผื่อตอนเห็นข่าวดีจะได้ไม่ตกใจจนช็อกหัวใจวายตายก่อนได้เข้าทำงาน ทว่าเมื่อเปิดอ่านอีเมลฉบับนั้นแล้วกลับทำให้หัวใจที่เคยเต้นโครมครามเมื่อสามสิบวินาทีก่อน หยุดนิ่งกะทันหัน ปารวตีหน้าซีดตัวสั่นพลันน้ำตาจะไหล บริษัทที่เธอตั้งความหวังเอาไว้สูง ส่งข้อความมาบอกว่า.. ขอขอบคุณผู้สมัครที่ให้ความสนใจและเสียสละเวลา ทางเราใคร่ขอแจ้งว่า บริษัทได้ทำการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ได้เปิดรับสมัครเอาไว้แล้ว ขออวยพรให้ท่านได้รับข่าวดีในครั้งต่อไป ด้วยความนับถือ บริษัท Xxx.. จำกัด มหาชน “สรุปก็คือพรที่ขอไป ยังไม่ถึงคิวฉันสินะ” ปารวตีตัดสินใจปิดแล็ปท็อปแล้วลุกขึ้นหยัดยืนเต็มความสูง เธอมองตรงไปข้างหน้าแล้วทำท่าฮึดสู้ “ในเมื่อขอเรื่องงานแล้วไม่ได้ งั้นก็ประทานพรให้หนูได้ผัวรวยสักคนแล้วกันนะคะ” ทันทีที่พูดจบ เธอจึงหยิบผ้าขนหนูสีขาวซึ่งตอนนี้หมองยิ่งกว่าผ้าเช็ดเท้าขึ้นมาพาดบ่า ยังดีที่ว่าวันนี้เธอมีนัดพบปะกับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย จึงไม่ต้องนั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองคนเดียวที่ห้องเหมือนอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา “สู้นะมะปราง สักวันต้องเป็นวันของแก” ริมปากอิ่มระบายยิ้มบางเบาให้ตัวเอง   ปารวตีนั่งมองแก้วเหล้าในมือพลางคิดว่าตัวเองต้องเสียอะไรให้กับเรื่องนี้ไปแล้วบ้าง หัวใจบอบบางมันอ่อนแอมากถึงขนาดที่ยอมให้ผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอสักนิดมาทำร้ายได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ.. เรียวปากอิ่มเผยอยิ้มเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหวานหยดย้อยดั่งน้ำผึ้งเดือนห้า ยามนี้ฉายแววทุกข์ตรมจนเห็นได้ชัด ปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของปารวตีมันประเดประดังเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน หญิงสาวตัวเล็กๆ ด้อยประสบการณ์และผ่านโลกมาเพียงน้อยนิด จึงคิดหาทางพาตัวเองออกจากความทุกข์ใจยังไม่ได้ “มะปรางๆ แกมัวเหม่ออะไรอยู่” ช้องปีบสะกิดปารวตีเมื่อเห็นเพื่อนยังทำเฉยเมื่อพรพระพายมาถึง “ไอ้ปราง!” “จะตะโกนทำไมเนี่ย” ปารวตีหลุดจากภวังค์ เธอชำเลืองมอง ช้องปีบด้วยสายตาขุ่นเคืองที่ถูกเพื่อนตะคอกเสียงดัง ช้องปีบชี้ไปที่หญิงสาวหน้าหวานที่พึ่งขายออกคนแรกของกลุ่ม “กวางมาแล้ว” “ทำไมวันนี้มะปรางมันไม่ร่าเริงเลยวะ” พรพระพายรู้สึกผิดสังเกตตั้งแต่ที่เห็นปารวตีซึ่งปกติเป็นคนนิสัยเฮฮา แต่ทว่าวันนี้กลับปิดปากเงียบ ไม่พูดไม่จา ไม่ช่างจำนรรจาเหมือนเช่นทุกที ช้องปีบช้องนางมองหน้ากันแล้วยิ้มไม่เต็มปาก “ถามมันดูดิ” ช้องปีบทำปากบุ้ยไปทางปารวตี คนเริ่มรู้ตัวว่าทำให้บรรยากาศรอบโต๊ะกร่อย จึงพยายามปรับอารมณ์ของตัวเอง เพียงครู่ปารวตีคนเดิมก็คล้ายว่าจะกลับมา      หญิงสาวโปรยยิ้มให้เพื่อนสนิทแล้วเอ่ยปากพูด “นั่งก่อนเลยยัยกวาง หายหน้าหายตาไปนานจนนมยานหมดแล้วนะแกน่ะ” ปารวตีกวักมือเรียกเพื่อนแล้วตบลงบนเก้าอี้ที่ว่างข้างตัวเองเร่งพรพระพายให้รีบนั่งลง “เป็นยังไงบ้างจ้ะแม่ดาวมหา’ ลัย แต่งงานมีผัวเป็นตัวเป็นตนไปตั้งหลายเดือน มีหลานให้ฉันกับนังพวกนี้อุ้มหรือยัง” มือเรียวยาวราวกับถูกปั้นแต่งมาอย่างดีวางลงบนหน้าท้องแบนราบของเพื่อนสนิทแล้วลูบขึ้นลงอย่างสำรวจ “จะบ้าเหรอ ไม่มีทางซะหรอก” ขนอ่อนหลังคอของพรพระพายลุกซู่ด้วยกลัวว่าสักวันสิ่งที่ปารวตีพูดเมื่อครู่จะกลายเป็นความจริงขึ้นมา เพียงแค่นึกภาพเธอกับรัชชานนท์เลี้ยงลูกด้วยกันก็สยองแล้ว “ไม่มีทาง!” “มีผัวก็ต้องมีลูกสิยะ จะกลัวอะไรนักหนา หมอแบงค์ออกจะหล่อแถมรวยซะขนาดนั้น เป็นฉันหน่อยไม่ได้ แม่จะคลอดให้หัวปีท้ายปีเอาออกมาช่วยกันผลาญสมบัติพ่อมันเลยคอยดู” ปารวตีพูดพลางประคองแก้วเหล้ายกขึ้นกรอกปากด้วยว่าอยากลืมเรื่องราวของตัวเองกับอดีตแฟนหนุ่มที่คบกันมานานหลายปีตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย “ไอ้มะปรางมันเป็นอะไรของมันวะ ทุกทีเห็นมาร้านเหล้าสั่งแต่น้ำโค้ก แล้วทำไมรอบนี้แทบเอาเหล้ามาอาบ” พรพระพายเปลี่ยนเรื่องสนทนาเมื่อเห็นว่าหนึ่งในเพื่อนสนิทผิดแปลกไป “ไอ้ผู้ชายชั่วมันนอกใจฉัน ฉันเลยต้องพาตัวเองมากินเหล้าย้อมจายยย เพื่อลบผู้ชายเฮงซวยคนนั้นออกจากหัวใจ ออกจากความทรงจำ แต่แม่ง! เมาแทบตายสุดท้ายก็ลืมไม่ได้อยู่ดี” ปารวตีหันไปตอบคำถามของพรพระพายด้วยตัวเอง “ก็ตามนั้นแหละกวาง” “เล่ามา ไอ้พี่หนุ่มมันนอกใจยัยปรางไปหาชะนีคนไหน แม่จะตามไปลากไส้ออกมาให้ไก่จิกกิน” พรพระพายห่างหายจากกลุ่มเพื่อนไปนานหลายเดือนด้วยว่ายุ่งกับภาระงานและไม่สามารถปลีกตัวออกห่างจากสามีจอมป่วนได้ วันนี้ที่ได้เจอะเจอเพื่อนก็เพราะแอบหนีรัชชานนท์ออกมา “แล้ววันนี้แกออกมานั่งชิลล์กับพวกฉันได้ไงวะ พี่หมอแบงค์เขาไม่ว่าเหรอ” ทุกทีพรพระพายชอบอ้างว่าสามีของหญิงสาวไม่ยอมให้มา “ฉันหนีมา พี่แบงค์เขามีประชุมกับหมอศัลยกรรม” “ถ้าหมอจับได้ พวกฉันคงไม่โดนหางเลขไปด้วยหรอกนะ” ช้องนางเคยเจอนายแพทย์รัชชานนท์หนึ่งหนเมื่อครั้งงานวิวาห์ของเพื่อนสนิท แม้หน้าตาของนายแพทย์หนุ่มจะหล่อเหลาเอาการ ทว่าใบหน้าของเขานั้นไร้ซึ่งรอยยิ้ม มันบูดบึ้งเหมือนไปกินรังแตนที่ไหนมา “พี่เขาดุปะ” ดุ.. ดุแบบไหน? พรพระพายแอบยิ้มในใจเมื่อนึกถึงเรื่องที่รัชชานนท์ ‘ดุ’ “ใจดีบ้าง ดุบ้าง” “ไหนๆ วันนี้พวกเราสี่สาวแสนสวยก็มารวมตัวกันแล้ว ยกแก้วชนกันหน่อยเร็ว” ปารวตียกแก้วขึ้นเป็นคนแรก “ยกสิ รอฉันจุดธูปเรียกอยู่หรือไง” คนอยากดื่มให้ลืมเรื่องราวบัดซบรีบเร่งเพื่อนคนอื่นยิกๆ “อ้าววว ชน!” พรพระพายรู้ตัวดีว่ากลับบ้านไปจะโดนสามีของตัวเองสำเร็จโทษ จึงใช้ริมฝีปากแตะขอบแก้วเท่านั้น ไม่ได้ดื่มน้ำสีอำพันลงไปจริงๆ “ฉันว่าแกดื่มเยอะเกินไปแล้วนะมะปราง” ช้องปีบฝาแฝดของช้องนางเอ่ยปรามเพื่อน “เมาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็สร่างน่า แกอย่าคิดมากสิ คืนนี้ฉันขอกินไอ้น้ำสีเหลืองนี่ย้อมใจหน่อย ไม่งั้นได้กลับบ้านนอนร้องไห้จนถึงเช้าแน่” “แกนี่มันจริงๆ เลยไอ้ปราง” พรพระพายเห็นพฤติกรรมเพื่อนสนิทแล้วรู้สึกระอาปนสงสาร “แกไม่เข้าใจฉันหรอก ฉันกับพี่หนุ่มคบกันมาตั้งหลายปี จู่ๆ ก็มีชะนีที่ไหนไม่รู้มาฉกแฟนฉันไป” พูดแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ ทั้งที่เธอพยายามดื่มเพื่อกลบความเศร้าและความอ่อนแอเอาไว้เพราะไม่อยากให้ใครเห็น ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าผู้หญิงคนนี้แพ้พ่ายต่อผู้หญิงคนใหม่ของอดีตชายคนรัก พรพระพายวางมือบนไหล่เพื่อน “เอาน่าแก ถือซะว่าทำบุญร่วมชาติกันมาแค่นี้ แกสวยน่ารักแถมนิสัยดีขนาดนี้เดี๋ยวก็มีผู้ชายตาถั่วเดินเข้ามาติดกับสักคนละวะ” “เดี๋ยวนะกวาง แกไม่ได้หลอกด่าอะไรฉันใช่มั้ย ฉันว่าคำพูดแกมันฟังดูทะแม่งยังไงไม่รู้ว่ะ” พรพระพายหัวเราะร่วน “ฉันชมว่าแกสวยไงยัยปราง” ทั้งคู่กอดคอกันหัวเราะให้กับความบัดซบของชีวิตตัวเอง พรพระพายจำใจต้องแต่งงานเพื่อล้างหนี้ให้ครอบครัว ส่วนปารวตีโดนอดีตคนรักทิ้งให้เคว้งคว้างกลางอากาศทั้งที่แจกการ์ดแต่งงานออกไปแล้ว “พวกแกว่าฉันจะหาผัวใหม่มาเป็นเจ้าบ่าวได้ทันงานแต่งหรือเปล่าวะ” ปารวตีพูดเล่นๆ “แกก็ลองอ่อยเอาแถวนี้สิ ตอนที่แกเดินเข้ามาฉันเห็นผู้ชายมองตาเป็นมัน” ช้องนางยุ “แกอย่าพูดไป เดี๋ยวนังปรางเกิดเอาจริงขึ้นมาผู้ชายพวกนั้นจะซวยนะเว้ย” ช้องปีบรีบห้ามทว่าสายตากลับสื่อออกมาในทางตรงกันข้าม พรพระพายฟังบทสนทนาของเพื่อนในแก๊งแล้วหัวเราะคิกคัก “พวกแกนี่มันจริงๆ เลย มีสักคนไหมที่จะเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้เหมือนพรพระพายคนนี้” แฝดนรกหันมองเจ้าของประโยคเมื่อครู่แล้วพร้อมใจกันพูดออกมา “แกนั่นแหละ ตัวดี” “อย่ามาใส่ร้าย ฉันออกจะเรียบร้อย” พรพระพายยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบพอกรึ่มๆ “สวัสดีครับคุณกวาง” ชะนีทั้งสี่นางพร้อมใจกันเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง เพียงแค่ช้องนางและช้องปีบประสบพบพักตร์ชายหนุ่มที่เดินเข้าทักพรพระพายก็พาให้หัวใจแฝดคู่นี้เต้นตึกตักไม่เป็นส่ำ นางทั้งสองเขินจนหน้าแดง ตัวบิด ด้วยว่านานทีปีหนจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับผู้ชายหล่อขั้นเทพเช่นนี้ “บังเอิญจังเลยนะคะ” เฉินหมิงส่งยิ้มให้เธอ “โลกมักจะเหวี่ยงให้อะไรที่ใช่ให้ได้ใกล้กันเสมอครับ ผมเชื่ออย่างนั้น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม