ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
“โครม!...โธ่โว้ย!!”มาคัสผลักโต๊ะทำงานจนล้มโครม
ติดตามมาด้วยเสียงสบถที่เปล่งออกมาอย่างดัง เพื่อเป็นการระบายอารมณ์โกรธเกรี้ยวของตัวเองออกมา เมื่อการเดินทางมาประชุมที่บริษัทแม่เสร็จสิ้นลง และเขาก็ได้บอกกับมาดามแคทเธอลีนผู้เป็นแม่และคารอสผู้เป็นพ่อของเขาตั้งแต่วันที่มาถึงอังกฤษแล้วว่าจะขอย้ายไปประจำที่ประเทศไทยอย่างถาวรทันทีที่การประชุมในครั้งนี้เสร็จสิ้น และก็จะแต่งงานกับหญิงสาวชาวไทยคนรักของเขา ซึ่งคารอสผู้เป็นพ่อนั้นไม่มีปัญหา แต่แม่ของเขานั้นหาเห็นด้วยไม่ เพียงแต่ไม่พูดอะไรกับเขาในเรื่องนี้อีกเลย
และหลังจากนั้นอีกสองอาทิตย์มาดามแคทเธอลีนก็เข้ามาเอาพาสปอร์ตของเขาไปเก็บไว้เอง โดยที่ไม่ยอมให้เหตุผลใดๆ กับคนเป็นลูกเลยแม้แต่นิดเดียว และเขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเช่นกัน นั่นเพราะชายหนุ่มเองก็กำลังยุ่งอยู่กับการประชุมใหญ่ที่บริษัทฯ จึงไม่คิดสนใจในเรื่องนี้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่! เขาต้องการพาสปอร์ต! เขาต้องการกลับประเทศไทย! และต้องเร็วที่สุดด้วย!
เหตุเพราะว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มก็ไม่สามารถติดต่อกับหญิงคนรักได้ ยิ่งร้ายไปกว่านั้นเมื่อเขาโทรฯ เข้าบริษัทฯ และให้ต่อสายไปยังเพชรลดากลับได้รับคำตอบว่าหญิงสาวได้ขอลาออกไปแล้ว ทำให้มาคัสเหมือนโดนค้อนปอนด์ทุบเข้าที่หัวอย่างจัง
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเพชรลดาในระหว่างที่เขาไม่อยู่กันเนี่ย ทางเดียวที่จะทำให้เขารู้ถึงสาเหตุทั้งหมดได้นั่นก็คือ เขาต้องรีบบินกลับประเทศไทย แต่เขาก็ต้องมาเจออุปสรรค และมันก็เป็นอุปสรรคที่หนักหนาสาหัสสำหรับเขามากมายนัก เพราะมันเกี่ยวข้องกับมาดามแคทเธอลีนโดยตรงเสียด้วย
“นี่มันอะไรกันเนี่ยมาคัส!”เสียงคารอสผู้เป็นบิดาเอ่ยถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนน้ำเสียงเชิงตำหนิที่ทำลายข้าวของจนพังเสียหาย
“ผมโกรธมัม ทำไมมัมต้องทำแบบนี้ เพชรลดาเป็นผู้หญิงที่ผมรัก เธอเป็นคนดี” มาคัสพูดเสียงดังค่อนข้างห้วนบ่งบอกความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“มัมเขาก็บอกแล้วยังไงล่ะ ว่าขอดูคนรักของแกหน่อยว่าจะมีความอดทนมากแค่ไหน ถ้าหากแกจากเธอมานานๆ แล้วเธอจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า”
คารอสเดินเข้ามาเอามือตบลงที่บ่ากว้างของลูกชายเบาๆ อย่างเตือนสติและให้กำลังใจ
“แต่ผมเป็นห่วงเธอครับแด๊ด ตอนนี้เพชรลดาลาออกจากบริษัทฯ ไปแล้ว ผมไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ อยู่ๆ ก็ติดต่อไม่ได้ขึ้นมาเป็นเดือนๆ ผมร้อนใจอยากจะกลับเมืองไทย แด๊ดช่วยพูดให้กับมัมให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”
มาคัสพูดขอร้องต่อคนเป็นพ่อให้ช่วยตนอีกแรงหนึ่ง แววตาทอประกายด้วยความหวัง
คารอสเองเมื่อเห็นลูกชายเป็นทุกข์ก็ให้รู้สึกแย่ไปด้วยเช่นกัน เรื่องของความรักนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ แต่จะให้เขาไปช่วยพูดกับแคทเธอลีนให้ตัวเขาเองก็หนักใจ ด้วยตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาคารอสเองก็ไม่เคยขัดใจเมียรักเลยแม้แต่ครั้งเดียว และก่อนที่คารอสจะได้พูดอะไรออกไป ร่างสวยสมวัยของมาดามแคทเธอลีนก็ก้าวเข้ามาภายในห้องทำงานของลูกชายพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ถ้ามาคัสรักผู้หญิงไทยคนนั้นมากถึงขนาดนี้มัมก็คงต้องยอมแพ้กับความรักของลูกใช่มั้ย” มาดามแคทเธอลีนพูดเสียงเรียบ
มาคัสถึงกับฉีกยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาจากที่เคร่งขรึมพลันสดใสขึ้นมาอย่างทันตา ร่างกำยำของมาคัสโผเข้ามากอดมารดาเอาไว้แน่นด้วยความดีใจ
“มัมยอมให้ผมกับลดาแต่งงานกันแล้วใช่มั้ยครับ มัมพูดจริงๆ นะครับ” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“จริงสิ เพราะถึงยังไงสักวันหนึ่งลูกชายของมัมก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตัวเองอยู่แล้ว จะช้าจะเร็วยังไงวันนี้มันก็คงต้องมา เพียงแต่ว่าผู้หญิงที่ลูกรักไม่ใช่ผู้หญิงที่มัมเลือกให้ก็เท่านั้น”
มาดามแคทเธอลีนไม่วายพูดเหน็บอย่างน้อยใจ และมาคัสเองก็สัมผัสได้กับคำพูดแอบน้อยใจเล็กๆ ของมารดา
“มัมอย่าน้อยใจไปเลยนะครับ ความรักของผมที่มีต่อแด๊ดและมัมมันยิ่งใหญ่ไม่มีอะไรมาเทียบได้เลยนะครับ” มาคัสไม่วายปากหวานพูดอ้อนอย่างเอาใจ
“เชอะ ไม่ต้องมาทำปากหวานกับมัมเลย จะไปเมืองไทยก็ไปเถอะ เอ้านี่พาสปอร์ตของลูกมัมคืนให้ก็ได้รับไปสิ แล้วนี่ก็ตั๋วเครื่องบินมัมเตรียมไว้ให้แล้วด้วยเหมือนกัน”พูดพร้อมกับยื่นส่งพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบินให้กับลูกชายสุดที่รัก
มาคัสรับพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบินมาถือไว้ในมือ พลางฉุกคิดขึ้นมาอย่างสงสัย อยู่ๆ ทำไมมัมของเขาถึงได้ใจดีขึ้นมาซะอย่างนั้น ในเมื่อตลอดเวลาที่เขาประชุมเสร็จสิ้นและร้องขอหรืออ้อนวอนเพื่อที่จะกลับเมืองไทยอย่างไรมัมก็ไม่เคยรับฟังหรือยอมใจอ่อนให้เลยแม้แต่น้อย ก่อนจะพูดถามคนเป็นแม่ออกไปว่า
“มัมทำแบบนี้มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่าครับ”
มาคัสซักอย่างสงสัย พลางสังเกตสีหน้าของคนเป็นแม่ว่ามีอะไรผิดปกติไปจากเดิมหรือไม่ แต่ก็ไม่พบพิรุธอะไรแอบแฝงเลยแม้แต่นิดเดียว
“ทำไม แค่มัมคืนพาสปอร์ตและซื้อตั๋วเครื่องบินให้ลูกชายตัวเองบินกลับไปหาคนรักนี่มันผิดอะไรมากนักเหรอ”
น้ำเสียงของมาดามแคทเธอลีนที่เปล่งออกมาเชิงน้อยใจ ทำให้มาคัสตกใจ รีบเข้าไปโอบกอดรอบเอวของมัมเอาไว้อย่างเอาใจเป็นการด่วน เพราะกลัวว่าคนเป็นแม่จะเปลี่ยนใจไม่ยอมให้เขากลับไปหาคนรักเข้าเดี๋ยวจะเรื่องใหญ่
“ผมขอโทษที่ถามมัมออกไปแบบนั้น ผมคงจะคิดมากไปเอง มัมอย่าโกรธผมเลยนะครับ”
มาคัสเอ่ยเสียงอ่อย รู้สึกผิดกับคำถามของตนเองที่เอ่ยถามคนเป็นแม่ออกไปเช่นนั้น ก่อนจะหันไปหาคนเป็นพ่อที่ยืนยิ้มแป้นด้วยความดีใจแทนลูกชาย
“มัมเขารักลูกมาก อย่าระแวงกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้เลยมาคัส”
คารอสพูดย้ำอีกครั้งเพื่อให้มาคัสคลายความหวาดระแวง
“ครับแด๊ด มัม ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปเก็บของก่อนนะครับ”
“ไม่ต้องรีบนักก็ได้นะ”
มาดามแคทเธอลีนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่มันช่างต่างกับใบหน้าและดวงตาที่กำลังทอดมองตามหลังลูกชายสุดที่รักอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ รอยยิ้มร้ายที่ผุดขึ้นมาให้ได้เห็นบนใบหน้า เพราะนางแน่ใจแล้วว่าเพชรลดาจะไม่มีทางย้อนกลับมาหามาคัสลูกชายของนางอย่างแน่นอน เพราะนางได้จ้างนักสืบให้เฝ้าดูความเคลื่อนไหวของหญิงสาวมาตลอดหนึ่งเดือนเต็ม และอยู่ๆ นักสืบก็แจ้งกลับมายังนางว่าอยู่ๆ หญิงสาวก็ย้ายออกจากที่พักใหม่ที่ย้ายออกจากที่เดิม และตอนนี้ก็ไม่สามารถตามหาตัวหญิงสาวมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เหลือแต่ต้องยอมให้ลูกชายของนางได้ไปเผชิญกับความเป็นจริงที่แสนเจ็บปวดในครั้งนี้ และนางสัญญาว่านางจะไม่ทำแบบนี้กับมาคัสให้เจ็บปวดเช่นนี้อีกเลย
ในเวลาต่อมา
สายฝนที่กำลังสาดซัดกระหน่ำลงมาบนท้องถนนในเวลานี้ทำให้เกิดการจราจรที่ติดขัดยิ่งนัก รถยนต์คันงามที่กำลังแล่นทำความเร็วอยู่นั้นกำลังเร่งเครื่องยนต์ให้เร็วยิ่งขึ้นเพราะกลัวว่าจะไปขึ้นเครื่องไม่ทันเวลา
“ขับให้เร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ นี่มันใกล้เวลาเครื่องบินจะขึ้นอยู่แล้วนะเจสัน!”มาคัสไม่วายเสียงดังใส่คนขับรถที่คนเป็นแม่ส่งมาขับรถให้กับเขา
เจสันคนขับรถประจำตัวของมาดามแคทเธอลีนถึงกับสะดุ้งกับเสียงของเจ้านายหนุ่ม จึงรีบเหยียบคันเร่งฝ่าสายฝนที่ยังคงกระหน่ำลงมาไม่ยอมหยุดเพื่อมุ่งตรงไปยังสนามบิน
“ขับเร็วๆ เจสัน ฉันจะตกเครื่องอยู่แล้ว” มาคัสร้องบอกเสียงดังอีกครั้ง
“ขับเร็วมากกว่านี้จะเกิดอุบัติเหตุได้นะครับคุณมาคัส อีกอย่างฝนก็ตกหนักด้วย” เจสันบอกอย่างใจเย็น
“แต่ฉันรีบ ได้ยินมั้ยว่าฉันรีบ เร่งเครื่องอีกเดี๋ยวฉันตกเครื่อง”
มาคัสตะคอกเสียงดังใส่ไม่ยอมหยุดและนั้นทำให้เจสันถึงกับลนลานทำตามคำสั่งเจ้านายหนุ่มในทันทีและในจังหวะที่เจสันกำลังเร่งความเร็วเพื่อที่จะแซงรถคันหน้าอยู่นั้น รถที่ขับเร่งความเร็วทางเลนขวาก็ทำความเร็วขึ้นมาเช่นกัน
และเพราะสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างลืมหูลืมตามทำให้ทัศนวิสัยในการมองเกิดการคลาดเคลื่อน รถของมาคัสเกิดเฉี่ยวชนกับรถอีกคันเป็นผลให้รถของชายหนุ่มเสียหลักพลิกคว่ำในทันที
เอี๊ยดดดดดดดด!!!! โครม!!!!!
โรงพยาบาลเอกชน ณ กรุงลอนดอน
มาคัสนั่งนิ่งอยู่บนเตียงนอนภายในห้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน จักษุแพทย์กำลังทำการเปิดแผลให้ชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง หลังจากที่เอาผ้าก๊อซที่พันอยู่รอบๆ ดวงตาออกหมดแล้วนั้นมาคัสก็ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้าๆ โดยมีคารอสและมาดามแคทเธอลีนมายืนรอดูผลการรักษาในครั้งนี้อยู่ไม่ห่าง
ชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ พร้อมเอ่ยขึ้น
“แด๊ด... มัม...” มาคัสเรียกพ่อกับแม่ของตนเบาๆ
ทั้งคู่รีบเดินเข้ามาหาลูกชายที่เตียงทันทีพร้อมกับรอยยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนที่รอยยิ้มของคนทั้งคู่จะจางหายไปเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของลูกชายที่พูดออกมาว่า
“ทำไมผมถึงมองไม่เห็นอะไรเลย”
คนเป็นพ่อเป็นแม่ใจหายวาบ มาดามแคทเธอลีนถึงกับร้องไห้โฮออกมาทันทีที่ลูกรักพูดออกมาเช่นนั้น ทำให้คารอสต้องโอบกอดร่างสวยสมวัยเอาไว้เพื่อเป็นการปลอบโยน
“มัม! แด๊ด! ทำไมถึงไม่มีใครตอบผมเลย หมอ! หมออยู่ไหน!”
มาคัสไขว่คว้ามือสะเปะสะปะไปทั่วเตียง ก่อนที่คุณหมอในชุดกาวน์สีขาวจึงยื่นมือไปจับมือของชายหนุ่มเอาไว้
“ตรงนี้ครับ หมออยู่ตรงนี้”
“นี่ผมตาบอดเหรอหมอ ทำไมผมถึงมองไม่เห็น ตอบผมสิ
“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับคุณมาคัส ดวงตาของคุณไม่ได้บอกเสียที่เดียวหรอกครับ เพียงแค่สูญเสียการมองเห็นแค่เพียงชั่วคราว ซึ่งเกิดจากการได้รับอุบัติเหตุที่ค่อนข้างรุนแรง คุณมาคัสยังมีโอกาสจะกลับมามองเห็นได้อีกครั้งหากว่าคุณเข้ารับการผ่าตัดรักษาดวงตา” หมอหนุ่มอธิบายให้คนไข้ฟังอย่างใจเย็น
“ยังมีโอกาสถ้าหากผมผ่าตัดดวงตา หมอหมายความว่ายังไง? ถ้าผมไม่ผ่าตัดผมก็จะกลายเป็นคนตาบอดใช่มั้ยหมอ!” มาคัสถามย้ำด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“มาคัส! มาคัสลูก...”มาดามแคทเธอลีนพูดพลางรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดลูกชายเอาไว้แน่น นางไม่อยากให้มาคัสโวยวายใส่อารมณ์กับคุณหมอที่พยายามช่วยรักษาอาการของลูกชายของนางอย่างสุดความสามารถ
“มาคัส! อย่าพูดอย่างนั้นสิลูก ยังไงลูกของแม่ก็ต้องหายจริงมั้ยคะคารอส ลูกต้องหายใช่มั้ยคะ หมอสมัยนี้เก่งมากเลยนะ เชื่อแม่สิว่าลูกของแม่ต้องหาย ลูกของแม่ต้องกลับมามองเห็นได้อีกครั้งอย่างแน่นอน แม่มั่นใจ”
มาดามแคทเธอลีนปลอบเสียงสะอื้น มาคัสเองก็มีอาการสงบลงอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มน้ำตาคลออย่างสะเทือนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง และยิ่งได้ยินเสียงแม่ของตนนั้นร้องไห้ปิ่มจะขาดใจมาคัสก็ยิ่งใจเสีย
คารอสเองทำได้เพียงเดินเข้าไปขอโทษคุณหมอเจ้าของไข้ และบอกให้หมอช่วยออกไปก่อนแล้วเดินกลับมาหาลูกชายที่เตียงพลางตบเบาๆ ลงบนบ่ากว้างของลูกชายพร้อมกับพูดเบาๆ แต่หนักแน่นว่า
“มาคัส ลูกจะต้องเข้ารับการผ่าตัดดวงตา พ่อจะหาหมอที่เก่งที่สุดมารักษาลูกของพ่อ ลูกของพ่อต้องหาย อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ลูกต้องได้กลับมามองเห็นอีกครั้งหนึ่ง พ่อให้สัญญา”
มาคัสนิ่งงันไปกับคำพูดของคนเป็นพ่อ แต่ก็แสนเจ็บปวดกับคำว่า ‘สัญญา’ คำคำนี้เขาเองก็พูดเอาไว้กับเพชรลดาหญิงคนรักเหมือนกัน เขาสัญญาไว้ว่าจะกลับไปหาเธอ จะกลับไปแต่งงานกับเธอ แล้วเขามาเป็นซะแบบนี้เขาจะไปตามหาเธอได้อย่างไรกัน คิดมาถึงตรงนี้น้ำตาของลูกผู้ชายก็ให้หลั่งรินไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ที่โชคชะตาทำให้เขาต้องมาเป็นเช่นนี้