“เด็กบ้าเอ๊ย!!...เป็นน้องเป็นนุ่งพ่อจะฟาดก้นซะให้เข็ด...ปิ๊นๆๆๆ” เสียงสบถคำโตดังมาพร้อมๆ กับเสียงบีบแตรรถดังถี่ๆ หลายครั้ง คล้ายกับว่าจะเป็นสัญญาณเตือนให้สาวคนหนึ่งที่กำลังยืนพูดคุยหยอกล้ออยู่กับหนุ่มหน้าตาคมเข้มอายุอานามใกล้เคียงกันอย่างออกรส โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดใดทั้งสิ้น เขาจึงทำให้เธอรู้สึกตัวว่ามีคนกำลังรอเธออยู่ แต่ทว่าหญิงสาวนางนั้นก็หาได้สนใจเสียงแตรรถที่ดังสนั่นต่อเนื่อง เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิมต่อไปจนกว่าจะคุยเสร็จ
“ทำไมไม่คุยกับมันยันเช้าเลยล่ะ ไม่รู้หรือไงว่าพี่คอยอยู่”
เฟอเดอริโก เด เฟอร์ซี่ ผู้มีชื่อเสียงในวงกว้างคนหนึ่งของประเทศอิตาลีพูดขึ้นเมื่อร่างสาวสอดตัวนั่งในรถ หลังจากที่เสร็จสิ้นการสนทนาที่กินเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง
“รู้” วราลีตอบสั้นๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสีหน้าแทบอยากจะฆ่าคนของเจ้าของคำถาม
“รู้” เขาย้ำเสียงหนัก “รู้แล้วทำไมไม่รีบขึ้นรถ มัวแต่ไปยืนดมขี้ฟัน ยืนคุยกับมันอยู่ได้” ก่อนที่น้ำเสียงห้วนจัดของคนหน้าเข้มจะไหลตามมา
“ก็เบลล์ยังคุยไม่จบนี่นา อีกอย่างนะขี้ฟันของโทนี่ก็ไม่ได้เหม็นด้วย ตรงกันข้ามหอมจะตาย”
เธอลอยหน้าลอยตาตอบอย่างน่าหมั่นไส้ ปรายตามองคนที่แยกเขี้ยวใส่ด้วยรอยยิ้มบางๆ ประหนึ่งสะใจ คนที่นั่งทำหน้าราวกับยักษ์วัดแจ้งหูผึ่งทันทีที่ได้ยินคำตอบชวนโมโหของคนที่เป็นน้องสาวของเพื่อน
“ไปดมขี้ฟันมันตอนไหนล่ะถึงได้รู้ว่าขี้ฟันมันหอม เบลล์ มาเรียนนะไม่ได้มาแรดมีถึงได้ทำตัวแบบนี้”
เขาคิดไปไกลว่า วิธีดมขี้ฟันที่ว่านั้นคือการจูบ สีหน้าของเขาเข้มขึ้น ดวงตาสีเขียวมรกตจรัสแสงน่ากลัว น้ำเสียงที่เอ่ยไปนั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“มันเรื่องของเบลล์ เบลล์โตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ โตพอที่จะมีผัวแล้วด้วย แต่ถึงเบลล์จะแรดหรือว่าจะร่านก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ริโก้เลยแม้แต่น้อย แล้วที่สำคัญเบลล์รู้ว่าเบลล์มาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือไม่ได้มามีผัว แล้วไม่ต้องห่วงหรอกค่ะว่าเบลล์จะมีลูกก่อนเรียนจบ เพราะเบลล์ดูแลตัวเองอย่างดี นอนกับผู้ชายทุกครั้งต้องสวมถุงยางอนามัย” วราลีสะบัดเสียงตอบ
เขาถามนิดเดียวเธอร่ายยาวจนคนที่ฟังอยู่นั่งอ้าปากค้าง มองเจ้าของปากจิ้มลิ้มที่พูดเป็นต่อยหอยนิ่งงัน เฟอเดอริโกรู้ว่าวราลีแสบสัน แก่นแก้วมากแค่ไหน แต่ไม่คิดว่าจะแก่แดดแก่ลมมากขนาดนี้ อีกทั้งหัวใจจะเจ็บๆ แสบๆ คันๆ กับคำพูดที่ได้ยินอีกด้วย
“เรานี่ปากคอเราะร้ายขึ้นทุกวันเลยนะ พี่ถามนิดเดียวตอบซะโอเวอร์เชียว เดี๋ยวเถอะพี่จะฟ้องปัณณ์ว่าเบลล์อยากมีผัวก่อนเรียนจบ”
“เชอะ...ขี่ม้าสามศอกไปฟ้องเลย เบลล์ไม่กลัวหรอก”
หญิงสาวที่มีนิสัยเอาแต่ใจไม่แพ้ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ แถมยังส่งค้อนวงใหญ่ให้เขาอีกด้วย
“ถ้าเบลล์ไม่ใช่น้องสาวของปัณณ์พี่จะไม่สนใจเลยนะ ทำตัวให้มันดีดีหน่อยสิ ไม่ใช่ทำตัวเหลวแหลกแบบนี้ ถ้าปัณณ์รู้ว่าเบลล์เป็นอย่างนี้ปัณณ์จะมาว่าพี่ได้ว่าพี่ไม่ดูแลเบลล์” ตั้งแต่วราลีเดินทางมาเรียนอิตาลี เขาต้องพึ่งยาแก้ปวดศีรษะทุกวัน เนื่องจากต้องทนกับวีรกรรมชวนปวดหัวของเธอที่มีไม่ซ้ำวัน ไหนจะต้องกันหนุ่มๆ ที่แวะเวียนมาขายขนมจีบไม่ขาดสาย ไหนจะต้องตามไปรับไปส่งในบางครั้งบางเวลา แล้วที่เขาต้องทนปวดประสาทอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะ เธอคือน้องสาวของปัณณวิชญ์ เพื่อนสนิทของตนที่ฝากฝังให้ดูแลน้องสาวจอมแก่นระหว่างที่มาร่ำเรียนหนังสือในระดับชั้นปริญญาโทที่นี่
“เบลล์ก็แค่คุยกับเพื่อนมันจะอะไรกันนักกันหนา ไม่ได้นอนกันริมถนนซะเมื่อไหร่ ทำไมพี่ริโก้ต้องพูดให้มันดูแย่ขนาดนั้นล่ะ แล้วถ้าพี่ริโก้ฝืนทนมาดูแลเบลล์นักก็ไม่ต้องทน เบลล์ดูแลตัวเองได้”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจพรั่งพรูออกไป โดยมีน้ำตาแห่งความรู้สึกนั้นไหลคลอหน่วย ไม่เพียงแค่พูดเธอยังเปิดประตูรถยนต์แล้วก้าวลงไปอย่างรวดเร็ว ก้าวฉับๆ ให้ห่างรถยนต์คันหรูราคาแพงของมาเฟียรูปงาม
“เฮ้ย!!...อะไรกันวะเนี่ย กูอยากจะบ้าตาย”
เฟอเดอริโกสบถเบาๆ ในรถเมื่อได้ยินคำพูดน้อยอกน้อยใจของน้องสาวเพื่อน เกิดมาในชีวิตเขาไม่คิดจะง้อผู้หญิงคนไหน มีเพียงวราลีเท่านั้นที่ง้อแล้วง้ออีก บางครั้งง้อวันละสิบรอบ เพราะเธอขยันงอนเขาทุกชั่งโมง ราวกับเธอเป็นคนรักของเขาก็ไม่ปาน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วเธอเป็นเพียงน้องสาวของเพื่อนสนิทเท่านั้น แต่ทว่าเขากลับไม่เบื่อหน่ายที่จะง้อสาวจอมพยศคนนี้เลย เจ้าของรถรีบเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปเหยียบพื้นดิน สาวเท้าวิ่งไปหาร่างอรชรที่เดินลิ่วๆ ไปโบกรถแท็กซี่
“เบลล์ เบลล์..เดี๋ยวก่อนเบลล์” ปากของเฟอเดอริโกร้องเรียก เท้าก็วิ่งไปหาคนแสนงอน
คนที่ถูกเรียกหันมาส่งค้อนวงใหญ่ให้แล้วพูด “รำคาญเบลล์ไม่อยากดูแลเบลล์แล้ววิ่งตามมาทำไม” เสียงงอนสะบัดถาม
“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะ พี่เป็นห่วงเบลล์เท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มตัวโตพูดง้อสาวตัวเล็กที่ยืนอมยิ้ม แต่ก็ยังทำท่าทางมึนตึงต่อไป
“พี่ริโก้ไม่ต้องมาเป็นห่วงเบลล์ก็ได้ ถ้าติดที่ว่าพี่ริโก้รับปากพี่ปัณณ์ไว้ว่าจะดูแลเบลล์ระหว่างที่มาเรียนที่อิตาลี เบลล์ดูแลตัวเองได้ เบลล์ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว” คนที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่พูดขึ้น
“ถึงเบลล์โตแล้วพี่ก็เป็นห่วง กลับไปที่รถเถอะนะเดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงข้าว”
“ไม่กลับ เบลล์ไม่อยากกินข้าว” ความหมายของวราลีก็คือ ไม่ต้องการให้เขาพาไปทานอาหาร ทว่าต้องการให้เขาพาไปที่อื่นมากกว่า
“แล้วเบลล์อยากจะไปที่ไหนล่ะ” คำถามนี้เข้าแผนของสาวตัวแสบทันที
“เบลล์ซื้อชุดว่ายน้ำใหม่มา เบลล์กะว่าจะไปว่ายน้ำซะหน่อย” วราลีตอบชายหนุ่มรูปงามด้วยรอยยิ้ม
“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่พาไปว่ายน้ำเอง โอเคมั้ย”
เขาตอบอย่างคนแพ้ เฟอเดอริโกยอมแพ้ทางสาวตรงหน้า แต่หากเป็นหญิงคนอื่นอย่าได้หวัง เขาปล่อยทิ้งไว้ข้างทางตั้งแต่ทำท่างอนใส่เขาแล้ว
“โอเค” คนที่กำชัยชนะยิ้มสวย ก่อนจะนวยนาดเดินไปยังรถยนต์คันโก้ที่จอดอยู่ไม่ไกล
“กรรมเวรอะไรของกูวะเนี่ย เด็กบ้าอะไร เอาแต่ใจกว่ากูอีก”
เขาบ่นพึมพำไปตลอดทางที่เดินไปยังรถของตนเอง ที่มีตุ๊กตาหน้ารถหน้าตาสะสวยนั่งยิ้มระรื่นกับชัยชนะของตนเอง