"ลุง...ลุงมีหนมให้ภิณกินบ้างไหม...ลุง" ผ่านไปเพียงสิบนาทีน้ำเสียงใสๆ ก็ถามหาขนมจากคนตัวสูงที่นั่งสเก็ตช์ภาพเครื่องประดับคอลเลคชั่นใหม่ลงบนแผ่นกระดาษ เขาทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเอ่ยเรียกของคนตัวเล็ก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดที่ทำให้เขามานั่งทำงานพวกนี้แทนที่จะไปซ้อมที่สนามแข่งรถ เพราะวันแข่งขันก็ใกล้เข้ามาทุกที ทั้งที่ความตั้งใจแรกก่อนที่จะออกจากคอนโดมิเนียมคือสนามแข่งรถของเขาเอง แต่จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนใจกลางทางหักพวกมาลัยยูเทิร์นรถมายังที่แห่งนี้
"ลุงไปซื้อเค้กกันไหม เออใช่ ภิณยังไม่ได้คืนตังค์ลุงเลย" คนตัวเล็กเด้งตัวลุกจากโซฟาเปิดกระเป๋าเป้หากระเป๋าสตางค์ของตัวเอง แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
"หายไปไหนนะ...ต้องลืมไว้ที่โต๊ะอาหารแน่ๆ เลย" ภิณนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่จะออกมาเรียนกวดวิชาเธอเอากระเป๋าสตางค์ออกมาใส่เงินที่คนเป็นพ่อให้ขณะรับประทานอาหารเช้า แล้ววางไว้บนโต๊ะอาหารไม่ได้เอาใส่กระเป๋าเป้ไว้เหมือนอย่างเคย
"หิวอ่ะ...ลุง...ลุงได้ยินภิณไหม...ลุง" ภิณร้องเรียกคนตัวสูงที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่ขานรับเธอ
"ลุงวาดอะไร ลุงวาดรูปเก่งจัง วันหลังลุงสอนภิณบ้างสิ ลุง...ลุงไม่หิวบ้างเหรอ เราไปซื้อเค้กกันไหม แต่วันนี้ลุงต้องเลี้ยงภิณนะ ภิณลืมเอากระเป๋าตังค์มา ลุงขา ภิณหิ๊วหิว ลุงไปซื้อเค้กกันนะ ภิณกินแค่ชิ้นเดียวก็ได้ นะลุงนะ" คนตัวเล็กลุกเดินมายืนที่หน้าโต๊ะทำงานของคนตัวสูง โน้มตัวลงไปเท้าคางมองสิ่งที่เขากำลังกระทำ ก่อนจะเอียงศีรษะเล็กช้อนตามองใบหน้าหล่อเหลาที่ขมวดคิ้วยุ่ง เสียงใสเอ่ยอย่างออดอ้อน ทำตาปริบๆ
"นี่!! อยากโดนจับทุ่มออกไปข้างนอกใช่ไหม" คนตัวสูงตะคอกใส่คนตัวเล็กเสียงดังลั่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ดวงตาคู่คมฉายแววความกราดเกรี้ยวขึ้นมา
"ลุงอย่าดุภิณสิ แล้วลุงก็อย่าหัวร้อนด้วย ภิณไม่ได้อยากกวนลุง แต่ภิณหิว ภิณอยากกินเค้ก" คนตัวเล็กหาได้สะทกสะท้านกับความกราดเกรี้ยวนั้นไม่ เธอเดินเข้าไปหาคนตัวสูงสองมือเล็กจับที่ลำแขนแข็งแรง ซบใบหน้าลงบนไหล่แกร่งเหมือนอย่างที่เธอทำกับคนเป็นพ่อเวลาที่ออดอ้อนขอในสิ่งที่ต้องการ
"อยากกินก็โทรให้พ่อเธอมารับ แล้วก็กลับไปซะ อย่ามาทำตัวน่ารำคาญ" หัวใจของคนตัวสูงเต้นเป็นจังหวะที่ผิดแผกไป เป็นจังหวะระรัวเร็วขึ้นหลายจังหวะ ยิ่งได้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มที่ถูไถเขาอยู่ทำให้หัวใจของเขาพลันร้อนวูบวาบ มือหนาผลักใบหน้าจิ้มลิ้มออกพ้นตัว ก่อนจะบอกเสียงฉุนเฉียวกลบเกลื่อนความรู้สึกของหัวใจ
"ทำไมชอบไล่ ภิณไม่น่ารักเหรอ" คนตัวเล็กเชิดปากเถียงอย่างแง่งอน
"แล้วทำไมเธอต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉันนักห๊ะ"
"ก็ลุงปกป้องภิณไว้ไง"
"ฉันไม่ได้ปกป้องเธอ มันเป็นแค่ความบังเอิญ เข้าใจความบังเอิญไหม"
"เข้าใจ แต่ตอนนี้ลุงก็ต้องเข้าใจภิณด้วยว่าภิณหิว แต่ภิณไม่มีตังค์ แล้วภิณก็ยังไม่อยากกลับด้วย"
"เด็กอะไรวะ มึนฉิบ พ่อเธอไม่ได้สอนหรือไงว่าไม่ควรเข้าใกล้ผู้ชายแปลกหน้า"
"ว่าภิณเป็นเด็กอีกละ แล้วคุณพ่อก็สอนภิณแล้วด้วย แล้วลุงก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับภิณ เราเจอกันตั้งหลายครั้ง วันนี้ภิณยอมเป็นเด็กน้อยของลุงให้วันหนึ่งก็ได้ ลุงซื้อเค้กให้ภิณหน่อยนะ แค่ชิ้นเดียวก็ยังดี"
"เออๆ" รัณย์ตอบไปอย่างตัดความรำคาญ
"เย่! ลุงน่ารักที่สุดเลย" ภิณกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจแบบสุดๆ ก่อนจะวิ่งไปใส่รองเท้า
"ลุงไปร้านนั้นนะ ร้านที่ภิณเจอลุงวันนั้นน่ะ" ภิณเดินเกาะแขนรัณย์พลางเขย่าแขนแกร่งเบาๆ ด้วยท่าทีออดอ้อน พนักงานสาวทั้งสามคนละสายตาจากลูกค้ามองทั้งคู่ด้วยความประหลาดใจ
"เรื่องมาก ร้านไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น" รัณย์ว่าเสียงเรียบติดไปทางหงุดหงิด
"แต่ร้านนั้นเค็กช็อกโกแล็ตอร่อย เค้กชาเขียวด้วย ชีสเค้กก็ด้วย" เสียงใสเจื้อยแจ้วดังไปตลอดทางที่ทั้งคู่เดินไปยังร้านกาแฟชื่อดังภายในห้างสรรพสินค้าสุดหรูหรา
"หูยยย มีแต่น่ากินทั้งนั้นเลย" ดวงตากลมโตมองเค้กในตู้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
"Pikes Place drip coffee" รัณย์สั่งกาแฟสำหรับตัวเอง
"ลุง ภิณเอาชาเขียวปั่นด้วยได้ไหม" พอได้ยินเขาสั่งกาแฟเธอก็เอ่ยขอในสิ่งที่ชอบบ้าง
"อยากกินก็สั่ง" เขาบอกเสียงเรียบ
"ชาเขียวปั่นแก้วใหญ่ใส่วิปครีมเยอะๆ ค่ะพี่ แล้วเอาเค้กชิ้นนี้ด้วยค่ะ ...ลุง ภิณขอชิ้นนี้อีกชิ้นได้ไหม" ภิณสั่งน้ำแก้วโปรดของตัวเอง ก่อนจะร้องขอเค้กกับคนตัวสูงอีกชิ้นอย่างอดใจไม่ไหวกับความน่ากินของมัน
"ไหนบอกจะกินชิ้นเดียวไง"
"ก็มันน่ากิน นะลุงนะ"
"ถ้ากินไม่หมด ฉันจะจับยัดปากเธอ" พูดจบร่างสูงก็เดินไปนั่งที่โต๊ะที่ในมุมที่เงียบสงบของร้าน
"ดุจริงเชียว ...พี่คะเอาชิ้นนี้ค่ะ หูยยย ชิ้นนั้นก็น่ากิน พี่คะเอาชิ้นนั้นด้วย" ภิณว่าคนตัวสูงปากยู่ ก่อนจะหันมาตื่นตาตื่นใจกับเค้กตรงหน้า
ไม่นานกาแฟ ชาเขียวปั่น ขนมเค้กอีกสามชิ้นก็มาวางอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่ รัณย์มองจานขนมเค้กชิ้นโตทั้งสามชิ้นสลับมองใบหน้าจิ้มลิ้ม
"ก็มันน่ากิน ภิณอดใจไม่ไหวจริงๆ แค่นี้ขนหน้าแข้งลุงไม่ร่วงหรอกเนอะ" ภิณบอกใบหน้าระรื่น ต่างจากคนตรงหน้าที่มีสีหน้านิ่งเรียบ คิ้วขมวดยุ่งเล็กน้อย ก่อนจะยกแก้วกาแฟของตัวเองขึ้นมาดื่ม สายตาเย็นชาเสมองไปทางอื่น ไม่อยากมองคนตัวเล็กตรงหน้า
"ลุงกินด้วยกันไหม" ภิณถามหลังจากกินเค้กไปได้ครึ่งชิ้น เธอเห็นเขาดื่มแค่กาแฟแก้วเดียวจึงกลัวว่าเขาจะไม่อิ่ม
"ฉันไม่ชอบกินอะไรที่มันหวานๆ เลี่ยนๆ" รัณย์ตอบเสียงเรียบ
"แต่ถ้าลุงได้ลองอาจจะชอบก็ได้นะ อ่ะภิณป้อน ลุงลองชิมดู" ภิณตักเค้กขึ้นมาแล้วยื่นไปตรงหน้าคนตัวสูง
"ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ อย่ามาทำตัวน่ารำคาญ" ดวงตาคู่คมฉายแววกราดเกรี้ยวขึ้นมา และถ่ายทอดออกมาทางน้ำเสียงของเขาด้วย ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างหงุดหงิด
"ชิ ไม่กินก็ไม่กิน ภิณกินเองก็ได้" คนตัวเล็กทำปากขมุบขมิบ ก่อนจะจัดการเค้กคำนั้นใส่ปากตัวเอง แล้วตั้งหน้าตั้งตากินเค้กทั้งสามชิ้นจนหมด โดยมีสายตาคมกริบลอบชำเลืองมองอยู่เป็นระยะๆ
"อ่าาา อิ่มจัง เอิก!! อุ๊บ!" ภิณนั่งลูบท้องป่องๆ ของตัวเองขณะเอนหลังพิงเก้าอี้หลังจากเขมือบเค้กสามชิ้นกับชาเขียวปั่นไปจนหมดเกลี้ยง ก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเมื่อเผลอตัวเรอออกมาต่อหน้าคนตัวสูง
"ตะกละ" รัณย์ว่าก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินไปจ่ายเงินที่หน้าเคาน์เตอร์
"ภิณไม่ได้ตั้งใจนะ มันละ...เอิก! อุ๊บ!" ภิณรีบลุกตามคนตัวสูงก่อนจะยกมือปิดปากตัวเองอีกรอบ
"อิ่มแล้วก็โทรให้พ่อเธอมารับได้แล้ว" รัณย์บอกทันทีที่กลับมาถึงห้องทำงานของเขา
"ภิณขอนั่งพักก่อนนะ ลุงทำงานต่อเลย" ภิณหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาว โดยไม่สนใจสีหน้าดุดันของคนตัวสูง
รัณย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายพลันสะบัดตัวเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
ก๊อกๆ
"คุณอารัณย์ค่ะ มีลูกค้านำเพชรมาเสนอขายค่ะ" เสียงเคาะประตูดังขึ้น พนักงานสาวเปิดประตูเข้ามาแจ้งเรื่องต่อเจ้านายหนุ่ม
"อืม" รัณย์ตอบรับเสียงในลำคอ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน โดยไม่สนใจคนตัวเล็กที่มองตามเขา
"ทำไมคุณถึงต้องการขาย" รัณย์เอ่ยถามชายวัยกลางคนที่เขาเคยเห็นหน้าตามสื่อของแวดวงสังคมอยู่บ้าง หลังจากตรวจเช็คเพชรน้ำงามที่ส่องแสงประกายวิบวับทั้งแปดเม็ด
"ผมขอบอกคุณตามตรงว่าตอนนี้ผมประสบปัญหาทางการเงิน ถ้าผมไม่จนปัญญาจริงๆ ผมคงไม่ขายเพชรทั้งแปดเม็ดนี้" ชายวัยกลางคนบอกอย่างนึกเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ต้องขายของที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน
"ผมตกลงรับซื้อในราคาที่คุณเสนอมา" รัณย์ตอบตกลงรับซื้อเพชรทั้งแปดเม็ดในราคาที่สูงพอสมควรทันที
หลังจากทำเรื่องซื้อขายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รัณย์นำเพชรทั้งแปดเม็ดนั้นกลับมายังห้องทำงานแล้วใส่ตู้เซพไว้
ร่างสูงเดินไปหยุดยืนที่โซฟา ที่ตอนนี้กลายเป็นที่นอนของเด็กสาว
รัณย์ยื่นมือไปสะกิดคนตัวเล็กเบาๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เขามองจ้องไปที่ใบหน้าจิ้มลิ้ม ผิวขาวเนียนใสกับพวงแก้มสีชมพู องค์ประกอบบนใบหน้าที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ขนาดยังเด็กอยู่เค้าโครงหน้ายังฉายชัดถึงความงดงาม ถ้าโตมายิ่งไม่ต้องพูดถึง แพรขนตายาวที่กำลังหลับพริ้ม มุมปากเล็กๆ นั้นกำลังคลี่ยิ้มน่ารัก จนพานทำให้คนมองเผลอยิ้มตามไปด้วยอย่างลืมตัว
รัณย์มองจ้องไปที่แก้มของภิณสักพักใหญ่ ครั้นความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว ก่อนที่จะโน้มหน้าเข้าไปหาสิ่งล่อตาล่อใจ ทว่าจังหวะที่ปลายจมูกโด่งสันกำลังแตะสัมผัสกับพวงแก้มเด็กสาว ก็จำต้องผละถอยห่างอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น
"มีอะไร" รัณย์รีบปรับสีหน้าและท่าทีให้เป็นปกติก่อนจะเอ่ยถามพนักงานสาว
"คุณพ่อของน้องมาถามหาน้องค่ะ" พนักงานสาวเอ่ยบอก
"อืม ให้เขาเข้ามา" รัณย์ตอบ ไม่นานพนักงานสาวก็พาภูเข้ามา
"ฉันต้องขอโทษด้วยที่ลูกสาวของฉันมารบกวนนายที่นี่" ภูบอกขณะอุ้มลูกสาวที่หลับสนิทในท่าอุ้มเด็กน้อย
"ไม่เป็นไรครับ" รัณย์ตอบเสียงเรียบ
"อีกไม่กี่วันโรงเรียนก็จะเปิดเทอม ภิณคงไม่มาสร้างความรบกวนให้นายอีก" ภูบอกก่อนจะอุ้มลูกสาวออกไป
หัวใจแกร่งบีบตัวแน่นอย่างที่เขาเองก็หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ ว่าเป็นเพราะเหตุใดเขาถึงต้องรู้สึกใจหายเมื่อได้ยินว่าคนตัวเล็กจะไม่มาหาเขาอีก ก่อนจะรีบสลัดความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลออกจากหัว ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมาโดยที่เขาไม่รู้ตัวในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น