"ของกูเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยแล้วนะเว้ย ส่วนอมยิ้มกับลูกแก้วกูเอาวางไว้ให้ที่หัวเตียง เวลานอนจะได้นึกถึงหน้าหลาน" นิคเก็บของใช้ส่วนตัวรัณย์เข้าที่เข้าทาง หลังจากกลับจากโรงพยาบาล ก่อนจะกระเซ้าเย้าแหย่เอ่ยถึงเด็กสาวเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้ม
ปึก!
"หลานพ่องมึงดิ แล้วมึงจะเอามาทำไม กูบอกให้มึงทิ้งไปไง" รัณย์วางแก้วน้ำกระทบกับโต๊ะจนเกิดเสียงดังหลังจากกินยาเข้าไป ว่าอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงใบหน้ากวนประสาทของเด็กสาว
"หลานอุตส่าห์เอามาให้ เอาไปทิ้งหลานรู้เข้าจะเสียใจเอาได้ วางไว้ตรงนั้นแหละคงไม่เกะกะมึงหรอกมั่ง" นิคยังคงกระเซ้าแววตาเต็มไปด้วยความขบขัน
"กวนตีน มึงจะไปไหนก็ไปเลยป่ะ"
"เออๆ ไปก็ได้วะ แล้วเย็นจะกินไร"
"เดี๋ยวกูหากินเอง เย็นว่าจะเข้าไปซ้อมด้วย"
"พักสักวันสองวันให้แผลหายดีก่อนก็ได้มึง"
"กูเจ็บหัว ไม่ได้เจ็บขาสักหน่อย"
"ตามใจ เอาที่มึงสบายใจเลย แล้วร้านอ่ะเข้าไปดูมั่ง กูไปละ" นิค บอกก่อนจะออกจากห้องของรัณย์ไป
หลังจากนิคกลับไปรัณย์ทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวบนโซฟา และหลับไปด้วยฤทธิ์ยาที่กินเข้าไป
รัณย์เข้าไปอาบน้ำสักพักก็เดินออกมาพลางเช็ดผมไปด้วย ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อสายตาพลันหันไปเห็นกล่องดนตรีลูกแก้วหิมะกับอมยิ้ม คิ้วเข้มขมวดเป็นปมเข้าหากัน มือหนายื่นไปหยิบลูกแก้วหิมะกับอมยิ้มเดินตรงไปยังถังขยะตั้งท่าจะโยนของทั้งสองสิ่งลงไป แต่แล้วจู่ๆ ก็หยุดมือนั้นเมื่อใบหน้าจิ้มลิ้มกับเสียงใสๆ แววตาไร้เดียงสา เสียงร้องไห้ น้ำเสียงราวกับกลัวว่าเขาจะตายของเด็กสาวผุดขึ้นมาในหัว
"ลุงทำอะไร"
"ภิณไม่เด็กแล้วนะ ภิณอายุสิบสองแล้ว ว่าแต่ลุงทำอะไร"
"ฮือๆ ภิณเจ็บ ลุงลุกสิ เลือด! ลุงๆ ลุงตายแล้วหรอ ลุง!!"
"ลุงไม่ต้องดีใจที่เห็นหน้าภิณขนาดนั้นก็ได้..."
"มึงจะคิดถึงหน้าเด็กนั่นทำไมวะไอ้รัณย์" เสียงทุ้มต่อว่าตัวเอง ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกประหลาดอย่างอธิบายไม่ได้ สายตาคมจ้องมองไปยังสิ่งของในมือ ชั่งใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะข้างเตียงกว้าง เปิดลิ้นชักแล้ววางของทั้งสองอย่างลงไปในลิ้นชักแล้วปิดลง
รัณย์เข้ามาดูกิจการร้านจิลเวลรี่สาขาใหญ่ของเขาที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หลังจากเคลียร์งานเสร็จเขาตั้งใจว่าจะเข้าสนามแข่งรถเพื่อฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขันที่จะถึง ซึ่งเขาหวังกับการแข่งครั้งนี้มาก การแข่งครั้งที่แล้วเขาพลาดท่าให้กับนักแข่งหน้าใหม่วัยแค่สิบแปดปีเท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องที่หน้าเจ็บใจเป็นอย่างมาก ครั้งนี้เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อชัยชนะ
"รัณย์" เสียงหวานของหญิงสาวร้องเรียกอย่างสนิทสนมเมื่อเขาเดินออกมาหน้าร้าน
รัณย์หันไปมองก่อนจะลอบถอนหายใจเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของเสียงหวานนั้น
"ดีใจจังเลยที่วันนี้เจอรัณย์ แพรมาซื้อเพชรที่ร้านรัณย์ประจำเลยนะ แต่ก็ไม่เคยเจอรัณย์เลย" แพร พัตรพิมล ลูกสาวของนักการเมืองชื่อดังที่พึงพอใจในตัวรัณย์เดินนวยนาดเข้ามากอดลำแขนแกร่งของเขาอย่างมีจริตจะก้าน จนเนื้อนมขนาด 500 CC ที่ล้นทะลักออกมาของเธอบดเบียดกับแขนของเขาอย่างจงใจ
"ตกลงจะมาซื้อเพชรหรือมาเจอผมกันแน่" รัณย์ถามเสียงหน่ายๆ
อันที่จริงแพรก็เป็นผู้หญิงตามสเปคของเขาถ้าเธอไม่เสริมแต่งจนเกินความพอดีที่ดูก็รู้ว่าปลอม แล้วยังจะนิสัยที่เขาไม่ชอบเป็นที่สุดก็คือเธอมักจะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาอย่างน่ารำคาญ ถ้าตัดสองเรื่องนี้ไป เขาก็อาจจะให้ความสนใจเธอ เพราะพ่อของเธอก็ถือว่าไม่ธรรมดา สามารถเกื้อหนุนธุรกิจของเขาได้ และเธอกับครอบครัวของเธอก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของร้านจิวเวลรี่ของเขา
"ก็ตั้งใจจะมาซื้อเพชรนั่นละค่ะ แต่ก็อยากเจอรัณย์ด้วย เราไปหาอะไรดื่มกันไหมคะ นานๆ เราจะได้เจอกันที"
"อืม แต่ผมมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงนะ แพรเลือกร้านเลย" รัณย์ตอบรับเสียงในลำคอก่อนจะเอ่ยออกตัวไปตามมารยาท
"ร้านนั้นก็ได้ค่ะ" แพรยิ้มกริ่มด้วยความดีใจที่วันนี้รัณย์ยอมไปหาอะไรดื่มกับเธอ
แพรเดินควงแขนของรัณย์เข้าไปในร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่ไม่ห่างจากร้านจิวเวลรี่ของเขา
"ภิณ ไปซื้อเค้กร้านนั้นกัน" จูนเพื่อนสนิทของภิณเอ่ยขึ้น หลังจากที่ทั้งคู่เรียนพิเศษเสร็จแล้วก็ชวนกันมาหาอะไรกินในห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆ กับสถาบันกวดวิชา
"ไปสิ" ภิณตอบ ก่อนจะจูงมือพากันไปยังร้านกาแฟชื่อดัง
"จูน อันนี้น่ากิน อันนี้ด้วย อันนั้นด้วย" ภิณตาโตเมื่อได้เห็นหน้าตาเค้กที่สุดแสนจะน่ากิน
"ถ้าเป็นเค้กสำหรับภิณก็น่ากินหมดแหละ อยากกินก็สั่งเลยสิ"
"พี่ค่ะ เอาอันนี้ อันนี้ อันนี้ด้วย อันนี้อีกค่ะ อันนี้อีกชิ้น อันนี้ด้วยค่ะ นี่อีกชิ้นค่ะ นี่ด้วยค่ะ จูนเอาอันไหน" ภิณชี้ชิ้นเค้กในตู้ เรียกได้ว่าแทบจะเค้กทุกชิ้นในตู้เลยก็ว่าได้ ก่อนจะหันมาถามเพื่อนซี้
"เอาสองชิ้นนี้ค่ะ" จูนชี้เค้กชิ้นที่ตัวเองต้องการให้พนักงานหยิบ
"เท่าไหร่คะ" จูนเอ่ยถาม
"ของน้อง 215 บาทค่ะ" พนักงานแจ้งราคา
"ดีนะตังพอจ่าย ลืมไปเลยว่าพึ่งซื้อหนังสือไป นี่ค่ะพี่" จูนหยิบธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทสามใบขึ้นมาจ่าย และเป็นธนบัตรสามใบสุดท้ายในกระเป๋าสตางค์
"แล้วของหนูเท่าไหร่คะ" ภิณถามเสียงอ่อนเพราะตัวเองก็ซื้อหนังสือไปเหมือนกัน พลางมองเงินในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองกับเค้กที่พนักงานกำลังใส่กล่องให้สลับกันไปมา
"ของน้องเค้ก 8 ชิ้น 1,090 บาทค่ะ" พนักงานแจ้งราคาเค้กทำเอาภิณหน้าซีดเผือด เพราะทั้งกระเป๋าเหลือเงินอยู่แค่ 500 บาท
"ตังค์ไม่พอเหรอภิณ" จูนถามพลางชะโงกหน้ามามองกระเป๋าสตางค์ของภิณ
"อืม ทำไงดี กว่าคุณพ่อจะมารับก็อีกตั้งยี่สิบนาที...พี่ค่ะรอแป๊บนะคะ จูนรอตรงนี้ก่อนนะ" ภิณพยักหน้าตอบ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา พลางสอดส่ายสายตามองหาคนเป็นพ่อด้วยหวังว่าอาจจะมารับก่อนเวลา ก่อนดวงตากลมโตจะเห็นใครบางคน ไวเท่าความคิดเธอรีบเดินไปหาเป้าหมายทันที
"ภิณจะไปไหน" จูนร้องเรียกแต่ภิณก็เดินตัวปลิวเข้าไปด้านในร้าน
"ลุง" น้ำเสียงใสเรียกคนที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่กับหญิงสาวสวย
"เฮ้ย!" รัณย์หันมองตามเสียงแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของภิณยืนยิ้มแป้นอยู่จนแทบสำลักกาแฟ
"ทำหน้าดีใจอีกละเวลาเจอภิณ ภิณก็ดีใจที่เจอลุงที่นี่ บังเอิญจังเลยนะคะ แล้วลุงหายดีแล้วเหรอถึงมานั่งดื่มกาแฟกับป้านี่ได้แล้ว"
"ปะ...ป้าเหรอ ยัยเด็กบ้า ใครเป็นป้าแกห๊ะ รัณย์รู้จักยัยเด็กนี่ด้วยเหรอ" แพรพ่นคำด่าว่าออกมาทันที แต่ภิณก็ทำเป็นไม่สนใจ
"ลุง ภิณขอยืมตังค์ลุงหน่อยสิ พอดีภิณสั่งเค้กแล้วตังค์ไม่พอจ่าย กว่าคุณพ่อจะมารับก็อีกตั้งนาน ภิณเกรงใจพี่พนักงาน"
"เกรงใจพนักงาน แต่ไม่เกรงใจฉัน แล้วทำไมฉันต้องให้เธอยืมด้วย เงินไม่พอก็ไม่ต้องซื้อ แค่นี้คิดไม่ได้หรือไง"
"ก็ภิณอยากกินนี่ แล้วภิณก็แค่ยืมเอง เดี๋ยวคุณพ่อมารับภิณเอาตังค์ที่คุณพ่อคืนให้ นะลุงนะ" ภิณขอร้องเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมทั้งทำตาปริบๆ ออดอ้อนสุดฤทธิ์
"ทำหน้าเป็นลูกหมาอ้อนเจ้าของแบบนี้คิดว่าฉันจะใจอ่อนหรือไง" รัณย์ว่า ดวงตาคู่คมสบประสานสายตากับดวงตากลมโตที่เปล่งประกายวาววับแฝงไปด้วยความออดอ้อนและไร้เดียงสา
"เท่าไหร่ครับ" ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันใดทำให้เขามายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงินค่าขนมเค้กให้กับเด็กสาว
"1,090 บาทค่ะ" พนักงานแจ้งราคา
"นี่คือซื้อไปกิน?" รัณย์หันมองหน้าภิณเมื่อได้ยินราคาเค้ก
"ค่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วภิณขอชาเขียวปั่นแก้วใหญ่ใส่วิปครีมเยอะๆ ด้วยได้ไหมคะ" ภิณตอบหน้าระรื่น
"แบบนี้ก็ได้เหรอวะ"
"ได้สิ ถ้าลุงซื้อให้" ภิณตอบตาใส
"เออๆ ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ" รัณย์ตอบไปอย่างตัดความรำคาญ
"ทั้งหมด 1,340 บาทค่ะ" พนักงานแจ้งราคา รัณย์ควักเงินจ่าย
"ขอบคุณค่ะ นี่ค่ะ 500 บาท เท่ากับภิณยืมเงินลุง 840 บาท คุณพ่อมาภิณเอามาคืนนะคะ" ภิณยกมือไหว้ขอบคุณรัณย์ พร้อมทั้งยื่นธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทให้รัณย์ห้าใบ
"ไม่ต้อง ฉันจะไปแล้ว แล้วท่าจะให้ดีเราก็ไม่ต้องเจอกันอีก แล้วจำไว้ด้วยฉันไม่ใช่ญาติพ่อเธอ" รัณย์ไม่รับเงินจากภิณ พูดจบก็เดินจากไปทันที
"รัณย์ รัณย์รอแพรด้วย" แพรตวัดหางตา เบ้ปากใส่ภิณแล้วรีบวิ่งตามรัณย์ไปทันที
ดวงตากลมโตที่รับกับใบหน้าจิ้มลิ้มมองตามหลังของร่างสูงไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องหัวร้อนทุกทีที่เจอเธอ