ศรัณย์เลิกงานเร็วเพราะวันนี้เขาไม่ได้ขึ้นเวร แต่ต้องเข้าประชุมร่วมกับศาสตราจารย์ศลินป้าของเขาซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบีเจซีเพราะจะมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องร่วมทุนกับกลุ่มทุนฮ่องกงดรากอนที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ รวมทั้งเป็นบริษัทเกี่ยวกับเครื่องมือการแพทย์ด้วย
เขายังไม่ได้ตรงกลับคอนโดมิเนียมทันทีแต่เลือกมาห้างสรรพสินค้าแทน ยังไม่ได้โทรเช็กเด็กของเขาด้วยว่ากลับคอนโดหรือเปล่า เขาตั้งใจจะให้เวลาเธอปรับตัวทีละขั้น ไม่ได้เร่งรัดเกินไป เพราะเมื่อคืน ถึงแม้จะเมาและเรียกให้เธอมาอยู่ในอ้อมกอดทดแทนคนที่เขาไม่อาจกอดได้ แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าเธอเกร็งและหัวใจเต้นแรง จนนึกว่าจะช็อกคาอกเขาหลายหน แม้จะพยายามอ่อนโยนกับเธอให้มากที่สุด แต่เพราะเป็นครั้งแรกเธอก็ยังรับมันไม่ได้เต็มที่ก็ตามที เขาพยายามมองข้ามปัญหานั้นไป เนื้อตัวหอมหวานกอดนิ่ม ท่าทางว่าง่ายของเธอทำให้เขาเลือนๆ ปัญหาเรื่องที่ต้องทะนุถนอมเธออย่างกับไข่ในหินไปได้บ้างเหมือนกัน...
ศรัณย์ตั้งใจจะเดินมาซื้อหนังสืออ่านเล่นที่ร้านหนังสือ เขาเดินเรื่อยๆ แต่อยู่ๆ ก็สะดุดตากับบางอย่างที่ตัวเองเพิ่งมองผ่าน... เขาหันกลับไปมองอีกครั้ง หัวคิ้วเริ่มย่นเข้าหากัน
ภาพคนที่นั่งกินไอศกรีมอยู่ในร้านทำให้เขาคิ้วขมวด หน้าตาของเธอพร้อมกับรอยยิ้มในยามที่คุยกันกับกลุ่มเพื่อนไม่ได้เป็นประเด็นที่เขาชะงักเท่ากับชุดที่เธอสวมใส่...
ชุดนักศึกษา!
นี่ ปิ่นโตของเขายังเป็นนักศึกษาอย่างนั้นเหรอ
ดูเหมือนรังสีบางอย่างของจากเขาจะส่งถึงเธอ หญิงสาวเงยหน้ามาแล้วมองเขาตาโต เธอรีบบอกเพื่อนแล้วลุกพรวดออกมาหาเขาทันที
"คุณ" เธอเดินออกมาแล้วเรียกเขา เหมือนจะทำตัวไม่ถูก
"เธอเป็นนักศึกษาอยู่เหรอ" เขาเค้นเสียงที่เกือบจะหาไม่เจอของตัวเองเอ่ยถามหญิงสาว ที่ดูมีท่าทางกระอักกระอ่วน...
"ค่ะ"
"ปีไหนแล้ว"
"ปีสี่ค่ะ" ดูเหมือนหญิงสาวจะรู้ ว่าเธอตกเกณฑ์ของเขาไปอีกเรื่อง แต่มันสายเกินไปที่เขาจะปัดเธอออกจากตำแหน่ง "คุณเลิกจ้างฉันไม่ได้นะ... คุณได้ฉันไปแล้ว" เธอรีบออกตัวไว้ก่อน
คนที่ยังหาถ้อยคำพูดไม่ได้เพราะเอาแต่โกรธจนควันออกหู คนที่เถียงเขาฉอดๆ ตรงหน้า ทำให้ผมเขาหงอกเพิ่มไปกี่เส้นแล้วนะ
ศรัณย์ไม่อยากจะนับเลยจริงๆ
"คุณเลิกจ้างฉันไม่ได้นะ... คุณได้ฉันไปแล้ว" เธอรีบออกตัวไว้ก่อน
คนที่ยังหาถ้อยคำมาพูดไม่ได้เพราะเอาแต่โกรธจนควันออกหู คนที่เถียงเขาฉอดๆ ตรงหน้า ทำให้ผมเขาหงอกเพิ่มไปกี่เส้นแล้วนะ
ศรัณย์ไม่อยากจะนับเลยจริงๆ
นิ้วเรียวยาวเสยผมเหมือนจะหงุดหงิด
"พี่เอ้ไม่ได้บอกว่าคุณเป็นนักศึกษา" กว่าเขาจะหาเสียงของตัวเองเจอ ก็ต้องผ่านความโกรธจัดไปหลายนาที เครียดจนเซลล์ในตัวตายเป็นล้านเซลล์แล้วมั้ง
"คือ.... ฉันมีเรื่องจำเป็นที่เล่าให้คุณฟังนั่นล่ะค่ะ จริงๆ แล้วพี่เอ้ก็ไม่อยากโกหกคุณ แต่ฉันขอร้องให้พี่เอ้ช่วย" พี่เอ้ขาหนูช่วยแล้วน้า... หญิงสาวบอกกับอีกฝ่ายในใจ อันที่จริงพี่เอ้ก็ไม่รู้จะเลือกใครให้เขา เพราะศรัณย์ดูมาตรฐานสูง หาเด็กให้ยาก และแนวโน้มที่เด็กจะเกาะเขาไม่ยอมปล่อยมีสูง ดังนั้นเธอถึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะจากทางฝั่งพี่เอ้ แต่ว่าทางฝั่งศรัณย์เธอไม่มีคุณสมบัติที่ตรงที่เขาต้องการสักอย่าง...
เสียงศรัณย์ถอนหายใจยาวๆ แต่หน้าเขาไม่ได้ดีขึ้นเลย
"ฉันอายุมากกว่าเด็กนักศึกษานะคะ ไม่ได้โกงอายุตอนที่กรอกประวัติที่โรงพยาบาล เพราะว่าพ่อป่วยฉันเลยดร็อปเรียนดูแลท่านอยู่สองปี เพิ่งกลับมาเรียนค่ะ"
เขายกมือบอกให้เธอหยุดพูด
"ผมจะกลับไปที่คอนโดก่อน คุณจะทำอะไรก็ทำเถอะ ผมยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง"
คำพูดของเขาทำให้เธอตาโต เธอมาขนาดนี้แล้ว เขาจะยกเลิกทุกอย่างหรือเปล่านะ
"รอเดี๋ยวค่ะ ฉันจะกลับพร้อมคุณ" เธอบอก ไม่รอคำตอบของเขา เดินกลับเข้าไปในร้าน น้องๆ ทั้งสามคนมองที่เธอ สีหน้าเหมือนอยากถามหลายๆ อย่าง
"พี่แพร นั่นใครอ่ะ หล่อจัง" อิงฟ้าถามก่อน
"ไอ้อิง บ้าคนหล่อไปได้ เขาทำหน้าบึ้งใส่ขนาดนั้นมันมีอะไรหรือเปล่าพี่" พัดชาถามแทน
"เอ่อ..." เหมือนแพรที่เดินกลับมาเอากระเป๋าทำท่าคิด
"เขาเป็นแฟนพี่อ่ะ เพิ่งคบกัน พี่ไม่ได้บอกว่ามากับน้องๆ เขาเลยโกรธ เดี๋ยวพี่ไปเคลียร์ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันแล้วจะเล่าให้ฟังนะ พี่ต้องไปก่อน"เธอบอกเร็วๆ ก่อนจะควักธนบัตรสีเทาวางให้น้องๆ
"วันนี้พี่เลี้ยงเอง พี่ต้องไปก่อนนะ ไว้เจอกัน"
บอกแล้วเดินลิ่วๆ ออกมา...
หญิงสาวขอโทษศรัณย์อยู่ในใจที่เธอแอบอ้างว่าเขาเป็นแฟนของเธอ แต่เด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้รู้จักเขาทำให้เธอไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก...
ศรัณย์คงมีมารยาทดีพอ เธอกังวลอยู่ว่าเขาจะเดินหนี เพราะเขาไม่พอใจอย่างมาก แต่เขาก็ยืนรอ ลืมไปเลยว่าต้องเขินเขาหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ตอนนี้เธอร้อนใจมาก กว่าเขาจะเขี่ยเธอออกไปจากชีวิตเขา อะไรที่ว่าดี มันจะจะกลับไปสู่จุดเดิมอีกอย่างนั้นหรือ ไม่นะ...
"ร้องไห้ทำไมกัน" ศรัณย์ถามอย่างอ่อนใจ
"เปล่าค่ะ" ตอบแบบผู้หญิงสุดๆ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าร้องไห้ น้ำตามันไหลออกมาเองแน่ๆ
เพราะเห็นสายตาของเพื่อนๆ เหมือนแพรที่มองมาจากในร้านแบบสนอกสนใจเพราะเขากับเธอยังไม่ก้าวเดินไปไหน ศรัณย์เลยถอนหายใจ พยักหน้าให้เหมือนแพรเดินตามเขามา
หญิงสาวเช็ดน้ำตาป้อยๆ เดินตามเขาไป
"ไปที่รถ เดินห่างๆ ผมสักห้าเมตร" เขาหันมาบอกแล้วก็ก้าวยาวๆ ห่างออกไป
เหมือนแพรทำตามคำสั่งเขาอย่างเคร่งครัด ห้างนี้อยู่ใกล้โรงพยาบาลบีเจซี เธอเห็นบุคลากรของโรงพยาบาลเดินว่อนกันไปหมด ทุกคนต้องรู้จักเขาเป็นอย่างดี หากว่าเห็นเขาเดินกับนักศึกษาอย่างเธอเขาอาจจะเสียหาย... เพราะวันนี้รีบออกมาแท้ๆ เลยไม่ทันเปลี่ยนชุด ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เห็นและรู้ความลับของเธอ
พอเดินตามเขาไปเรื่อยๆ ไปยังจุดที่จอดรถโซนซูเปอร์คาร์ ศรัณย์เดินเข้าไปนั่งในรถก่อน หญิงสาวหันรีหันขวางไม่เจอใคร แล้วก็ค่อยเดินตามเขาเข้าไปในรถฝั่งข้างคนขับ
“มีอะไรอีกไหมที่ยังโกหก" คำถามแรกที่เขาถามทำให้ใจเธอหล่นวาบ...
ไหนๆ ก็ไหนๆ ต้องสารภาพให้หมด
"ไม่มีอะไรที่โกหกอีกแล้วค่ะ แต่ว่ามีอีกอย่างที่ยังไม่ได้บอก" หญิงสาวบอกอย่างกล้าๆ กลัวๆ "คือ ฉันบอกคนอื่นว่าคุณเป็นแฟน" เธอแอบหันไปมองเขาตาละห้อย
"ทำไมต้องบอกไปอย่างนั้น"
"ฉันเอาคุณไปอ้างว่าฉันมีแฟนที่มีฐานะแล้วก็มีอำนาจ แฟนใหม่ของแม่เลี้ยงจะได้เลิกตามตอแยเพราะกลัวคุณน่ะค่ะ"
ศรัณย์อึ้ง... ตกลงว่าเขายังได้ประโยชน์จากการมีเธอเป็นปิ่นโตอยู่ไหมนะ ดูเหมือนเป็นเธอต่างหากที่ได้ประโยชน์จากตรงนี้
"กลับไปอยู่อพาร์ตเมนต์เดิมคุณ ไปเรียนให้จบ ผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ทุนของน้องคุณ บีเจซีก็จะสนับสนุนแต่เขาต้องมาใช้ทุนที่โรงพยาบาล" เขาตอบเสียงเย็นชา... "ผมจะบอกพี่เอ้เองว่าผมต้องการคนที่ตอบโจทย์ของผม มากกว่านี้"
"..." หญิงสาวอึ้งกับคำตัดสินของเขา คราวนี้น้ำตาเธอไหลออกมาอีกครั้ง และเป็นครั้งที่ตั้งใจร้องจริงๆ
"ตะ แต่เมื่อคืน" หญิงสาวถามเสียงสั่น...
ศรัณย์เองก็พูดไม่ออก เรื่องที่เธอยังไม่เคยผ่านมือผู้ชายเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ แต่เขาก็แก้ปัญหานั้นแล้วเมื่อคืนนี้... แต่ว่าเรื่องที่เธอเป็นนักศึกษา เขาไม่สามารถแก้ปัญหานั้นได้แน่ๆ
"งั้นฉันจะดร็อปเรียนค่ะ ดร็อปพรุ่งนี้เลย ช่วงที่คุณจ้างฉัน ฉันจะไม่อยู่ในสถานะนักศึกษา" เธอรีบพูดแทรกขึ้นมา เหมือนเพิ่งนึกอะไรดีๆ ออกแล้วเสนอว่องไว เสียงดังฟังชัด...
มือใหญ่ๆ ของศรัณย์ยกขึ้นมาในท่าปางห้ามญาติแทบจะทันที
"หยุดความคิดของคุณไปได้เลย"
เพราะเธอยังเด็กอย่างนี้ไงเล่า ดูการคิดแก้ปัญหาแต่ละอย่างเถอะ เขาปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว...
"หรือคุณอยากให้ฉันลาออก ฉันลาออกไปเรียนมหาวิทยาลัยเปิดก็ได้ค่ะ"
"พอๆ" เขายังคงยกมือห้ามเธอ ก่อนที่ความคิดอันบรรเจิดในทางที่ไว้ใจไม่ได้ของเธอจะพรั่งพรูมากกว่านั้น...
"แล้วฉันต้องทำอย่างไง คุณถึงจะไม่ยกเลิก"
"ไม่ต้องทำอะไรแล้วเหมือนแพร ไม่ต้องทำอะไร" ศรัณย์บอกเสียงลอดไรฟัน... "เอาเป็นว่าไม่ยกเลิกเรื่องปิ่นโต แต่ตอนที่อยู่กับผมห้ามใส่ชุดนักศึกษา ถ้าคุณใส่ชุดนักศึกษาตอนที่เจอกันเหมือนวันนี้ ห้ามทำเป็นรู้จักกัน ให้ทำเหมือนมองไม่เห็นก็ได้ พอใจแล้วหรือยัง"
"ตกลงค่ะ ตกลง" หญิงสาวรีบตกลง... "ฉันจะเป็นคนว่าง่าย เชื่อฟังคุณทุกอย่างเลยค่ะ สัญญา"
หญิงสาวยิ้ม ดีใจขึ้นมาเมื่อไม่ต้องกลับไปอยู่ในจุดที่ไม่มีเขา เพราะไม่อย่างนั้นคนที่พยายามจะคุกคามเธอคงเข้ามาในชีวิตเธออีก แม้เธอจะเห็นว่าศรัณย์กลอกตาเหมือนระอา แต่ช่วงนี้ เธอเกาะเขาไม่ยอมปล่อยแน่ๆ
"ตอนเย็นผมมีนัดกับเพื่อน เดี๋ยวไปส่งที่คอนโดๆ ก่อน"
"คุณต้องรีบไปหรือเปล่าคะ เดี๋ยวฉันนั่งรถเมล์กลับก็ได้ค่ะ"
"ไม่เป็นไร ผมจะไปร้านกาแฟเพื่อน ผ่านคอนโดพอดี"
"งั้นก็ขอบคุณค่ะที่ไปส่ง คุณใจดีจังเลย ขอบคุณนะคะ" หญิงสาวรีบประจบในทันที ศรัณย์อดยิ้มไม่ได้ กับคำว่าใจดี จากที่ไม่คิดจะรื้อฟื้นอะไร เขาก็อดพูดไม่ได้...
"วันนี้ผมใจดีแล้วเหรอ เมื่อวานใครไม่รู้ยังบ่นว่าผมใจร้ายอยู่เลย"
พอเขาพูดแก้มของเหมือนแพรก็แดงแปร๊ดขึ้นมาทันที... ในหัวนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วอยู่ไม่สุขขึ้นมา เขาเข้ามาในตัวเธอ แม้จะอ่อนโยนและปลุกเร้าจนเธอพร้อมแล้ว หากแต่ความเจ็บปวดเหมือนมีดกรีดตรงที่เขารุกรานก็ยังบังเกิด มันร้าวและจุกไปหมดจนน้ำตาไหลซึมขอบตา เธอบอกเขาแล้วเขาก็หยุด หากแต่ไม่นานเขาก็ขยับต่อ แม้เธอจะอุทธรณ์ว่าเจ็บอีก หากแต่เขาหยุดไม่ได้ กระซิบบอกเธอว่าเดี๋ยวก็หาย เธอเลยบ่นว่าเขาใจร้าย แม้ว่าความเจ็บนั้นจะหายไปอย่างที่เขาบอกและความรู้สึกอื่นมาแทนที่แล้ว แต่ตอนที่เธอครวญคราง เธอก็ยังครวญว่าเขาใจร้าย ที่ไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหว ในตอนที่เธอกำลังเสียวซ่านเหมือนจะขาดใจ เธอพยายามขอให้เขาหยุด เธอได้ยินเขาพึมพำว่าเพราะอย่างนี้ถึงไม่อยากใช้งานคนที่ไม่เคย เธอถึงปิดปากสนิทเลิกบ่นไปเลย
"วันนี้คุณใจดีก็ต้องชมค่ะ" เธอบอกไปทั้งที่ยังเขินๆ
"แต่บนเตียง ผมคงไม่ใจดีนะ ถ้าคุณจะบอกให้ผมหยุดในช่วงเวลาที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มจนไปถึงดาวนั้น" เขาบอกยิ้มๆ "คนอื่นเขามีแต่บอกว่าอย่าหยุด ให้ทำไวๆ มีแต่คุณนี่ล่ะที่บอกว่าผมใจร้ายไม่ยอมหยุด"
เขายังพูดต่อหน้าตาเฉย...
"ไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหมคะ ขอร้อง" หญิงสาวแทบยกมือไหว้...
ศรัณย์ไม่ตอบ แต่หัวเราะน้อยๆ
"จะเป็นปิ่นโตก็ต้องหัดไว้ เรื่องแบบนี้จะไร้เดียงสาไม่ได้นะ"
"ไหนบอกไม่ให้ไปหัดกับใครยังไงล่ะคะ"
"ก็ไม่ได้บอกว่าหัดกับใคร ที่ให้หัด เดี๋ยวจะให้หัดกับผม... คืนนี้บทเรียนที่สอง"
"..." เหมือนแพรอึ้ง คอแห้งผาก... เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เขิน ได้แต่เก็บความรู้สึกเหมือนอยากจะกรี๊ดให้อกแตกเอาไว้ในใจ
ส่วนศรัณย์กลับหัวเราะชอบใจในความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเธอ...
เป็นปิ่นโตใครว่าสบาย โดยเฉพาะคนกินเป็นศรัณย์ บทเขาจะรุกเธอก็ถอยชนกำแพงอย่างแพ้ราบคาบอย่างที่เห็นนี่ล่ะ
ว่าแต่เขาบอกว่า คืนนี้จะมีอีกอย่างนั้นหรือ แค่คิดเหมือนแพรก็จะเป็นลมให้ได้