มือเล็กสั่นเทาบีบเข้าหากันวางไว้ระหว่างช่วงท้อง ดรุณีน้อยหน้าตางดงามเพิ่งผ่านพ้นวัยปักปิ่นมีทีท่ากระวนกระวาย นางสวมชุดฮั่นฝูเนื้อผ้าไหมชั้นดีสีขาวลวดลายดอกเหมยถักทอออกมาอย่างประณีต บ่งบอกถึงฐานะอันสูงส่งของเจ้าตัว ‘จ้าวเสวี่ยซิน’ ชะเง้อคอสอดส่องมิสอดส่องอยู่ภายนอกเรือนบุหงา อันเป็นที่พักของ ‘เฉินเฟยหยาง’ แม่ทัพหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดปีที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งยศแม่ทัพบูรพาจากหวงตี้ในช่วงค่ำวันนี้
พิธีแต่งตั้งถูกจัดขึ้นภายในพระราชวังเหลียวจิง และจบลงด้วยงานรื่นเริงแสดงความยินดีล่วงหน้าต่อแม่ทัพเฉิน เนื่องจากจบพิธีในวันนี้เฉินเฟยหยางจำต้องรับราชโองการเดินทางไปประจำยังหน้าด่านทิศบูรพาในอีกสามวันข้างหน้าทันที
ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าเฉินเฟยหยางเป็นหลานชายคนโปรดของถิงหลัวหวงตี้ผู้ปกครองแคว้นใหญ่หนึ่งในสามของยุทธภพ ‘แคว้นต้าฉิน’ ฉะนั้นแล้วไม่ต้องพูดถึงความสิ้นเปลืองในงานครั้งนี้ เพราะพิธีรีตรองถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติเสียยิ่งกว่าการแต่งตั้งแม่ทัพใหญ่เมื่อครั้งสิบปีก่อนเสียอีก
สุราหมักร้อยปีที่ถิงหลัวหวงตี้หวงแหนถูกนำออกมาต้อนรับแขกเหรื่อให้พวกเขาได้ลิ้มลองกันถ้วนหน้า พากันพูดถึงความเอ็นดูในตัวหลานชายคนนี้ของถิงหลัวหวงตี้นั้นมันมีสาเหตุอยู่
เมื่อครั้นยุคสมัยของจางหัวหวงตี้ ผู้คนต่างขนานนามว่าเป็นช่วงสมัยแห่งกลียุค ศีลธรรมเสื่อมทรามไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ จิตใจผู้ค**ำดิ่งสู่ความมืด ความเจริญมองไม่เห็น ผู้คนอดอยากขุนนางกลับมีกินใช้ไม่ขาดมือ จางหัวหวงตี้ปกครองด้วยความรุนแรง และการค้าทาสเหยียบย่ำความเป็นมนุษย์มีให้เห็นโจ่งแจ้ง ถิงหลัวในเวลานั้นมีเพียงยศบรรดาศักดิ์แค่องค์ชายสี่หาได้มีความเกี่ยวข้องกับบัลลังก์ไม่ ทว่าตัวเขามิอาจปิดตาเมินเฉยต่อความโหดร้ายเหล่านี้ต่อไปได้อีกและได้คิดที่จะก่อกบฏ
ยามนั้นถิงหลัวมีทหารเพียงหยิบมือ ถึงกระนั้นก็สามารถใช้ความเก่งกาจและวาทศิลป์อันเป็นเลิศโน้มน้าวดึงสองสกุลใหญ่ให้เข้าร่วม การปกครองที่โหดร้ายและการได้เสียในส่วนต่างทำให้สกุลจ้าวถืออำนาจอัครเสนาบดี และสกุลเสิ่นที่มีอำนาจทางทหารในมือยอมเข้าร่วมในการก่อกบฏครั้งนี้ ส่วนอีกหนึ่งสกุลใหญ่อย่าง สกุลเหอ ผันตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่เข้าร่วมฝ่ายใดทั้งที่ก่อนหน้านั้นเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับจางหัวหวงตี้ในการครองบัลลังก์ และข้อตกลงในการถอนตัวของสกุลเหอนั่นคือการไว้ชีวิตองค์ชายตัวน้อย ‘เหอตี้หลง’ เอาไว้
การก่อกบฏเกิดขึ้นภายในช่วงข้ามคืนหลังงานรื่นเริงราชสมภพของจางหัวหวงตี้ กองกำลังทหารกว่าครึ่งหนึ่งในเมืองหลวงถูกดึงตัวเข้าอีกฝั่ง ซึ่งได้กินเวลาไปทั้งสิ้นกว่าเจ็ดวัน ถิงหลัวสังหารพี่ชายของตนจนหมดสิ้น ในที่สุดก็สามารถประชิดตัวจางหัวหวงตี้ได้สำเร็จ ทว่าความเก่งกาจของจางหัวนั้นเป็นของจริงหาใช่คำกล่าวเลื่อนลอย ทางด้านถิงหลัวจึงมีความเสียเปรียบอยู่มากเพราะเขาไม่ได้ชำนาญดาบเท่า
การต่อสู้ผ่านไปแล้วถึงหนึ่งก้านธูป ความเหนื่อยล้าสะสมทำให้ถิงหลัวพลาดท่าถูกกระบวนดาบฟันเข้ากลางลำตัว ในจังหวะความเป็นความตายนั้นเอง กุ้ยเจียงพี่สาวเพียงคนเดียวจากบรรดาพี่ชายทั้งหมดของถิงหลัวใช้ตัวบังการโจมตีจุดตายของเขาจากคมดาบ ชิงความได้เปรียบให้ถิงหลัวตวัดดาบตัดผ่าขั่วหัวใจปริดชีพจางหัวลงได้
สมัยแห่งกลียุคยุติลงทันทีที่ลมหายใจสุดท้ายของจางหัวหยุดลง มันจบลงพร้อมกับสตรีร่างบางในอ้อมแขนของเขา คำขอสุดท้ายของนางไม่มีสิ่งใดมากมาย ขอเพียงฝากฝังลูกชายผู้น่าสงสารที่ต้องเสียทั้งบิดาในสงครามและมารดาในเวลาเดียวกัน
ด้วยความวุ่นวายหลังจากการก่อกบฏ ถิงหลัวไม่ได้มีเวลาใส่ใจเด็กชายมากนัก เขาวุ่นอยู่กับการจัดระเบียบในพระราชสำนักใหม่ทั้งหมด โดยมีสกุลใหญ่ทั้งสามคานอำนาจกันและกัน นั่นคือ สกุลจ้าว สกุลเสิ่น และสกุลเหอ เป็นสามอำนาจหลักในปัจจุบัน
ก่อนการกบฏนั้นถิงหลัวได้รับหญิงสาวจากสกุลเสิ่นเข้าอภิเษกเป็นพระชายาเอกและให้กำเนิดองค์ชาย ‘ถิงจุนเฟิง’ อายุพอไล่เลียกันกับเฉินเฟยหยางบุตรชายของพี่สาวที่ล่วงลับได้ฝากฝังเขาเอาไว้
ถิงหลัวหวงตี้รักเด็กชายทั้งสองเหมือนลูกของตน ทว่าเวลาในการเอาใจใส่นั้นมีไม่มากพอที่จะสอดส่องได้อย่างทั่วถึงถึงความเป็นอยู่ที่แตกต่างของเด็กทั้งสอง เฉินเฟยหยางใช้ชีวิตไม่ต่างจากทาสในเรือน ทว่าเด็กชายก็สามารถเติบโตขึ้นมาอย่างสง่าผ่าเผย เขามีทั้งความสามารถและครอบครองใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเซียนหากว่าใครพบเห็นเข้าเป็นต้องตกอยู่ในห้วงความหลงใหลเลยทีเดียว
ผ่านไปราวสิบสามปีในที่สุดเฉินเฟยหยางก็สามารถพิสูจน์ตนขึ้นรับตำแหน่งแม่ทัพภาคได้ด้วยอายุเพียงยี่สิบหนาวเท่านั้น เป็นเรื่องที่ร้อยปีจะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง
เบื้องหน้าชายหนุ่มเป็นคนเงียบและพูดน้อย ใบหน้าหล่อเหลามักมีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏอยู่เสมอ ทว่าไม่มีใครได้ล่วงรู้ถึงความจริงอันน่าสะพรึงกลัวภายใต้หน้ากากบรรจงปั้นรอยยิ้มของเขา เขาดูเหมือนจะเป็นคนที่อ่อนโยนก็จริงแต่ทว่าหากไม่พอใจขึ้นมาแล้วก็สามารถลงมือสังหารคนได้อย่างเลือดเย็น ความถูกผิดจะตัดสินบนมาตรฐานความพอใจและความสำคัญของเขาเท่านั้น
ดรุณีน้อยหน้าประตูยามนี้ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าตนกำลังก้าวขาเข้าไปยังขุมนรกข้างหนึ่งแล้ว งานรื่นเริงยังคงจัดอยู่ ทว่าท่านพี่เฟยหยางที่นางรู้จักมักไม่ชอบสถานที่ที่ผู้คนพลุกพล่าน ในไม่ช้าเขาจะต้องขอตัวกลับก่อน
ซึ่งเป็นดั่งที่จ้าวเสวี่ยซินคิด หญิงสาวผู้พ้นวัยปักปิ่นมาหมาดๆ ยกยิ้มกึ่งชอบใจและหวาดระแวง ปลายเท้าขยับไปมาอยู่หน้าบานประตูเรือนบุหงาด้วยความกระวนกระวาย รอฟังข่าวดีจากบ่าวใช้คนสนิทถึงเรื่องที่นางได้ใช้ให้ ‘อันลี่’ ไปจัดการ อีกใจหนึ่งก็นึกกังวลถึงความร้ายแรงของการกระทำครั้งนี้ การลอบวางยาปลุกกำหนัดเพื่อขึ้นเตียงถือเป็นตัวเลือกที่แย่ที่สุด ทว่านางไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว เมื่อตัวของเฉินเฟยหยางปฏิเสธการหมั้นหมายกับนางและทำท่าทีสนอกสนใจในตัวของหลานอี้หนาน บุตรสาวราชครูขององค์รัชทายาท สตรีที่มีดีแค่หน้าตากับบรรดาศักดิ์เล็กน้อยเช่นนั้นเหตุใดจึงเป็นที่หมายปองของบุรุษไปได้!
นางไม่ยอมเสียหรอก คนอย่างนางหากต้องการสิ่งใดย่อมต้องได้สิ่งนั้น ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีสกปรกแค่ไหนก็ตาม!
ระหว่างนั้นสายตาสอดส่องผ่านกระดาษไขปิดช่องว่างของประตู แสงเทียนยังคงไม่ถูกดับลงคาดว่าคนภายในห้องยังมิใคร่จะนอนในเวลานี้ หรือ..กำลังไม่ได้สติ
“คะ..คุณหนูเจ้าคะ”
“ชักช้านัก! ท่านพี่เฟยหยางจับเจ้าได้หรือไม่!”
นางหันไปตวาดอันลี่เสียงเบาเนื่องจากกลัวว่าคนภายในเรือนจะได้ยิน ภายใต้เสียงหงุดหงิดของเจ้านายน้อยของตน อันลี่มีสีหน้าตื่นตระหนกและรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นเชิงคำตอบ
“ทำได้ดีมาก เฝ้าหน้าประตูเรือนไว้หากมีสิ่งใดผิดปกติให้แสร้งทำว่าตามหาข้าก็พอ”
“เจ้าค่ะ!”
อันลี่ยกยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ได้ยินคำชมพร้อมกับพยักหน้ารับคำสั่ง หญิงสาวเบะปากยิ้มก่อนผินหน้ากลับมายังบานประตูเรือนบุรุษในดวงใจอีกครั้ง
นางยื่นมือผลักประตูเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ไม่คิดจะเคาะเรียกเจ้าของเรือนอย่างที่หญิงสาวที่ดีควรทำ กลิ่นกำยานตีขึ้นจมูกทันทีที่ประตูถูกเปิดออก เสวี่ยซินรู้ดีว่าหากสูดเข้าไปแล้วจะมีอาการร้อนรุ่มเช่นไรทั้งนี้ทั้งนั้นนางกลับไม่สนใจ ปล่อยให้ควันไหลเข้าสู่ลมหายใจจนเต็มปอด
หญิงสาวพ้นวัยแรกแย้มผิวพรรณสะอาดเดินนวยนาดเข้าไปยังห้องนอนของชายหนุ่ม กลิ่นหอมหวานยิ่งรุนแรงขึ้น ก่อเกิดมวลความร้อนรุ่มสุมอยู่ภายในและยิ่งทวีขึ้นมาทุกขณะที่ก้าวเดิน
ทว่าไม่ทันที่เท้าจะก้าวสู่ประตูห้องนอน ลำคอของนางก็ถูกจ่อด้วยปลายดาบเล่มยาวเสียก่อน และผู้ที่ชักดาบออกมานั้นไม่ใช่ใครอื่น เฉินเฟยหยางใช้สติที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดของตนชักดาบขึ้นมาจ่อยังคอของผู้บุกรุก นัยน์ตามังกรที่มักอ่อนโยนเสมอแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและดุดัน กดปลายดาบลงบนลำคอขาวจนเกิดรอยแผลสีแดงจางๆ
“ทะ..ท่านพี่เฟยหยาง ขะ..ข้าเสวี่ยซินเองเจ้าค่ะ”
“เป็นเจ้า”
จ้าวเสวี่ยซินตื่นตระหนกรีบเผยตน ทว่าปลายดาบที่คาดว่าจะถูกยกออกกลับกดลงมาประชิดลำคอมากขึ้นจนนางหวาดหวั่น เสียงตอบกลับจากชายหนุ่มรูปงามองอาจทุ้มต่ำในลำคอราวกับกัดฟันพูดนั้นสั่นเครือ เฉินเฟยหยางรู้ตัวแล้วว่าตนเองถูกวางยา และไม่แปลกใจมากนักที่เป็นนาง จ้าวเสวี่ยซินบุตรสาวของอัครเสนาบดีจ้าว หลงว่าตนเองสูงส่ง เป็นสตรีน่ารำคาญและมีจิตใจที่ต่ำทราม หากเป็นนางย่อมทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาแน่นอน
คนเช่นนี้พูดไปก็ไร้สำนึก ฆ่าๆไปเสียเลยดีหรือไม่จะได้จบๆ
“ท..ท่านพี่เฟยหยางเจ้าคะ”
จ้าวเสวี่ยซินเรียกชื่อชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นคล้ายจะร้องไห้ ลำคอของนางยังไม่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระจากปลายดาบ อีกทั้งใบหน้าของชายหนุ่มยามนี้ไม่ใช่สีหน้าของคนที่นางเคยคุ้นเคย ความอ่อนโยนและความใจดีอยู่เสมอจางหายไปหลงเหลือไว้เพียงความเย็นชาจับขั้วหัวใจและความน่าหวาดกลัวอะไรบางอย่างที่นางอธิบายไม่ได้
“...”
“ท่านร้อนหรือไม่เจ้าคะ ให้ข้าช่วยท่านดีหรือไม่”
แม้นางจะกลัวทว่าความกำหนัดในกายนางกำลังเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน มือเล็กยกขึ้นสัมผัสอกแกร่งอย่างจาบจ้วง สัมผัสแข็งเป็นมวลมัดกล้ามเนื้อภายใต้เสื้อผ้ายิ่งทำให้นางหลงใหลในตัวของบุรุษผู้นี้มากขึ้นอีกเป็นกอง
ชึบ
“โอ้ย!!”
“เจ้ายังไม่รู้จักข้าดีแม่นางเสวี่ยซิน” เสียงเยือกเย็นเอ่ย
ดาบถูกโยนทิ้งไป ส่วนข้อมือบางโดนกระชากด้วยแรงมหาศาลจนนางถลาล้มลง เข่ากระแทกลงกับพื้นไม้เกิดเป็นรอยช้ำห้อเลือด ในวินาทีถัดมาการกระทำของชายผู้ที่นางคิดเสมอว่าอ่อนโยนคือการลากร่างของนางไปกับพื้นจนถึงปลายเตียง นางถูกกระทำโดยไร้ซึ่งความทะนุถนอม
สิ่งที่นางกำลังเผชิญอยู่ทำให้คำพูดทุกอย่างจุกอยู่ในลำคอ น้ำตาแห่งความหวาดกลัวและความสะเทือนใจไหลอาบใบหน้า เฉินเฟยหยางสะบัดข้อมือของนางออกหันกลับมาสบกับน้ำตาของหญิงสาว เห็นเช่นนั้นเขาถึงกับหัวเราะออกมา เขานั่งยองๆ ลงสบเข้ากับดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำใสของนาง
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไรกันแน่หรือคุณหนูใหญ่จ้าว บุรุษอ่อนโยนรักหยกถนอมบุปผางั้นรึ”
“..ขะ ข้า..ฮึก” ชั่วขณะหนึ่งที่ใบหน้าของเฉินเฟยหยางเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน พลันในเสี้ยววินาทีก็ถูกแทนที่ด้วยความนิ่งเรียบและเย็นชาจนถึงที่สุด จ้าวเสวี่ยซินสะอึกน้ำตาในลำคอ คนตรงหน้าสามารถเปลี่ยนท่าทีได้อย่างรวดเร็วราวกับเขามีสองหน้า แต่ถึงกระนั้นความรู้สึกชมชอบในใจของนางไม่ได้ถูกลดทอนลงเลยสักเสี้ยวเดียว
“เห้อ ข้าเคยบอกแล้วมิใช่หรือว่าอย่าจุ้นจ้านกับข้าให้มาก ข้าเคยเอ่ยเตือนเจ้าร้อยครั้งพันครั้งทั้งทางอ้อมก็แล้วตรงๆ ก็แล้ว เจ้ามีหัวคิดบ้างหรือไม่ ข้าล่ะเกลียดคนที่ชอบจุ้นจ้าน หยิ่งยโส คิดว่าตัวเองสูงส่งอย่างเจ้าที่สุด!!”
“ขะ..ข้าชอบท่านจากใจจริงเจ้าค่ะ ไม่ว่าท่านจะเป็นเช่นไร ข้า ข้ารับได้ทุกอย่าง”
“เหอะ ดี เช่นนั้นตัวข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนาเอง สตรีชั่วช้า!”
“อ้ะ!”
เสื้อของนางถูกกระชากออกติดฝ่ามือหนา ทรวงอกขนาดพอดีมือคลอนสั่นเผยต่อหน้า ยามนี้ความกำหนัดที่เขาพยายามข่มไว้ตัวเขาไม่อาจต้านทานมันได้อีกต่อไป ในเมื่อนางเป็นผู้ถวายตัวมาให้เขาเอง เขาจะตอบรับความต้องการของนางหน่อยก็แล้วกัน
“อื้อ..”
“แต่ว่าข้ามีบางสิ่งจะเตือนเจ้า” เขากล่าวเสียงแหบพร่าขณะที่ฝ่ามือบีบเคล้นทรวงอกของนางจนเนื้อปริออกจากง่ามมือ ลำคอขาวถูกบีบแล้วดึงเข้าหาเพื่อให้นางยินคำพูดของเขาได้อย่างชัดเจนในทุกถ้อยคำ “อย่าได้คิดปีนป่ายขึ้นมา ตำแหน่งที่ว่างสำหรับเจ้ามีเพียงอนุหลังจวนของข้าเท่านั้น”
“ท่านพี่ อ๊า!”
เสียงหวานกรีดร้องเพราะถูกฝังรอยเขี้ยวไว้บนลำคอขาว มันขึ้นเป็นรอยชัดเจนทันทีที่เขาปล่อยลำคอของนางให้เป็นอิสระ ไม่รอให้นางได้พักหายใจ ชายหนุ่มออกตัวดันร่างบางลงบนพื้นเย็นเฉียบ ขณะที่มีความเจ็บแปล๊บแล่นผ่านบ่าเล็กวนลงเนินอกจากการถูกกัดฝังเขี้ยวในทุกจุดที่ใบหน้าคมคายเคลื่อนผ่าน
“บะ..บนเตียง อ้ะ.. ไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ”
“ไม่จำเป็น” คำตอบกลับของเขาช่างเย็นชาและห่างเหิน พาให้คนฟังเจ็บปวด
“อ๊ะ อื้ออ”
ใบหน้าหวานเชิดขึ้นหลับตาพริ้มรับความเสียวกระสันอันรุนแรงราวกับสัตว์ป่าของแม่ทัพหนุ่ม ยอดถันถูกดูดดึงและขบเม้มจนเจ็บปวด ขณะที่ฝ่ามือหนากำลังงุ่นง่านอยู่กับการปลดเปลื้องปราการชิ้นสุดท้ายจากกายนาง
“ท่านพี่เฟยหยางได้โปรดถนอมข้า”
ร่างเล็กสั่นเทิ้ม กัดฟันกล้ำกลืนฝืนทนเอ่ยออกมา เมื่อเห็นแล้วว่าเขาชักท่อนลำแข็งขื่อขึ้นมาต่อหน้านาง ขนาดของมันใหญ่กว่าแขนเด็กและยาวหลายชุ่น จ้าวเสวี่ยซินจึงตระหนักได้ว่าสิ่งนั้นหรือที่จะเข้าไปในร่างกายของนาง ตัวของนางจะปริแตกก่อนหรือไม่..
“อย่าคาดหวังสิ่งนั้นจากข้า หากเป็นเจ้าที่เล่นสกปรก”
“อ้ะ ท่านพี่!!”
สิ้นวาจาเยือกเย็นไร้เมตตา กายหนาก็กดตัวตนเข้าหาร่องที่กำลังปิดสนิทในทันที เฉินเฟยหยางบดสันกรามเนื่องจากช่องทางรักของนางมีเพียงน้ำหวานชโลมน้อยนิด ไม่สามารถแทรกตัวตนที่ใหญ่ของเขาเข้าไปได้ ทว่าเขาจำเป็นต้องใส่ใจนางด้วยหรือ หากนางคิดจะปีนขึ้นเตียงเขาโดยใช้วิธีนี้ ก็อย่าหวังให้เขาทะนุถนอมนางเลย
“ฮึก.. ช้าก่อน ขะ..ข้าเจ็บเจ้าค่ะ กรี๊ดด อ๊าาา!!”
ในจังหวะทิ้งทวนแม่ทัพเฉินกระแทกสวนเข้าไปยังช่องทางคับแคบอีกรอบ ครั้งนี้นางสามารถกลืนกินตัวตนเขาจนหมด จ้าวเสวี่ยซินกรีดร้องดังลั่นเมื่อนางสัมผัสได้ถึงความเจ็บแสบและอึดอัดจนทรมาน ร่างเล็กบิดเร้าไปมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งบางเบาในอากาศผสมกับกลิ่นหอมอ่อนของกำยาน
“อืม..”
เสียงทุ้มครางต่ำในลำคอราวกับพึงพอใจอย่างยิ่ง สัมผัสตอดรัดแทบทำให้เขาเสร็จสม เฉินเฟยหยางไม่สนเสียงสะอื้นใต้ร่าง เริ่มขยับสะโพกสอบเข้าออกถี่เร็วและรุนแรง
พั่บ พั่บ พั่บ
“อ๊ะ อื้ออ อ๊ะ อ้ะ”
ดวงหน้างามนิ่วหน้าขมวดคิ้วข่มความเจ็บปนเสียวกระสัน มือไร้ที่ยึดเกาะเพราะคนบนร่างที่กำลังสนุกกับร่างกายของนางกักขังข้อมือนางไว้เหนือหัวทั้งสองข้าง ร่างบางเกร็งไปทุกสัดส่วน ตัวคลอนรุนแรงตามการกระแทกกระทั้นราวกับสัตว์ป่าหื่นกระหายของชายหนุ่ม
จ้าวเสวี่ยซินผินสายตาเหลือบมองใบหน้าคมสัน ทว่าใบหน้าของนางกลับถูกคลุมด้วยผ้าผืนบางแทน นางย่นคิ้วด้วยความสงสัย
“หน้าตาช่างน่าสะอิดสะเอียนนัก ปิดไว้ซะ”
คำพูดราวกับรังเกียจของเขาตอบความสงสัยของนางให้กระจ่าง นางทำใจไว้แล้วครึ่งหนึ่งถึงความรังเกียจที่อาจได้รับ แต่ถึงกระนั้นการโดนปฏิบัติอย่างเย็นชาเช่นนี้ ไม่มีแม้กระทั่งการจูบ หรือกอดอย่างที่นางใฝ่ฝัน ตัวของหญิงคณิกาคงมีราคามากกว่าตัวของนางยามนี้เสียอีก
“ฮึก อ้ะ อื้ออ”
จ้าวเสวี่ยซินกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ ขณะที่ขาถูกเบะออกจนกว้าง ร่างหนายังคงขยับกายชักรูดเข้าออกตัวนางอย่างไม่ลดละ ความเสียวกระสันจากการสูดดมกำยานกำหนัดปลุกเร้าความเร่าร้อนในกายนางพาให้ลืมทุกอย่างที่ช้ำใจจนหมดสิ้น
“ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจเสียจริง”
นางกัดฟันแน่นรับคำพูดจาถากถางจากคนตรงหน้าด้วยความปวดใจ เฉินเฟยหยางแสยะยิ้มเหี้ยมพ่นวาจาแสนร้ายกาจเมื่อเรียวขาขาวตวัดรัดรอบเอวสอบ ขณะที่สะโพกกลมกลึงกระดกรับจังหวะเร่งรัดเข้าออกของเขาราวกับต้องการมากขึ้นอีก
ปึก ปึก ปึก
เอวหนาเน้นกระแทกจุดบอบบางเสียงดังเมื่อใกล้จะเสร็จสม เขาปล่อยมือนางให้เป็นอิสระก่อนจะรวบขาของนางไว้ด้วยฝ่ามือเดียว ลำตัวเต็มไปด้วยมัดกล้ามหยัดกายขึ้นตรงในท่วงท่าที่ถนัด ก่อนจะส่งท่อนเอ็นแข็งชักรูดร่องนางเข้าออกเร็วถี่และรุนแรงขึ้น
“อ๊ะ อ๊าาา อ้ะ!!”
“อืม..”
ร่างหนากระตุก ขยับเอวสอบเข้าสุดออกสุดสองสามที ก่อนจะพ่นน้ำสีขาวขุ่นเต็มร่องสวาทของนาง ทันทีที่ฤทธิ์ของยาถูกลดทอนลง ชายหนุ่มรีบดึงตัวตนของเขาออก ขณะที่ฝ่ามือกระชากร่างของนางจนติดมือ
“กรี๊ดด!”
จ้าวเสวี่ยซินร้องตกใจ ร่างบางโอนเอนปลิวติดมือเขาไปด้วยความเหนื่อยล้าไร้ทางสู้ เขาลากนางตรงไปยังหัวเตียง เปิดลิ้นชักออกหยิบเม็ดยาสีดำเม็ดหนึ่งขึ้นมา จับนางอ้าปากแล้วยัดยานั่นให้นางกลืนลงคอ
“กลืนมันลงไปเสีย ข้าไม่อยากมีลูกกับเจ้า”
“ดะ..เดี๋ยวเจ้าค่ะ อึก!”
มันคือยาห้ามครรภ์ เขาเตรียมมันไว้เผื่อสักวันหนึ่งจะได้ใช้ และมันได้ใช้จริงๆ เสียด้วย การโดนวางยาปลุกกำหนัดในครั้งนี้หากจะทำให้ฤทธิ์ยาหายไปก็ย่อมได้ แต่เขาไม่ใช่คนดีถึงเพียงนั้น ในเมื่อนางต้องการขึ้นเตียงเขาเขาก็จะสนองกลับ แต่ว่านางต้องนึกถึงผลที่ตามมาด้วย เพราะเขาไม่ใช่คนจิตใจดี อ่อนโยนยินยอมรับสตรีเข้าตบแต่งและตั้งให้เป็นฮูหยินเอกเพียงเพราะเรื่องแค่นี้หรอก หึ!
“ข้าถึงบอกไง ว่าเจ้ารู้จักข้าน้อยไปแม่นางเสวี่ย”
เสียงดุดันในคราแรกกลายเป็นเสียงทุ้มน่าฟังอย่างเคย เฉินเฟยหยางระบายรอยยิ้มอ่อนโยนให้แก่นางดั่งที่เขาชอบทำ
“แค่ก แค่ก”
นางไอจนตัวโยน มือเล็กลูบพวงแก้มที่ขึ้นสีแดงจากการถูกบีบไปมา น้ำตาไหลอาบแก้มทอดมองยังชายหนุ่มที่กำลังสวมชุดให้กับตัวเองจนเรียบร้อย
“ทะ..ท่านพี่ ท่านจะกลับมาตบแต่งกับข้าใช่หรือไม่ หรือว่าให้ข้า ให้ข้าตามไปที่ชายแดนได้ด้วยหรือไม่เจ้าคะ”
นางคว้าเสื้อขึ้นมาปกปิดร่างกายขณะเอื้อมมืออีกข้างคว้าเข้าที่ชายเสื้อของเฉินเฟยหยางเมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะเดินออกจากห้องไป
เฉินเฟยหยางเพียงเปรยตามองสตรีบนพื้นด้วยความรำคาญ
“อย่าริอาจร้องขอความเมตตาจากข้า หากอยากให้ข้ารับผิดชอบ มีเพียงเรือนหลังจวนของข้าเท่านั้นที่ต้อนรับเจ้า สตรีเคียงข้างข้างั้นรึ หึ อย่าคิดหวัง”
“!”
“และบอกไว้ก่อนเลยว่า ข้าไม่สนกฎเกณฑ์หรือขนบธรรมเนียม หากข้าว่าไม่คือไม่ และไม่มีผู้ใดสามารถบังคับข้าได้แม้แต่อัครเสนาบดีจ้าวหรือหวงตี้ก็ตาม”
เสียงฝีเท้าและแผ่นหลังกว้างหายลับไปจากสายตา ทั้งห้องเหลือเพียงร่างสะบักสะบอมของหญิงสาวคลอเสียงสะอึกสะอื้นแผ่วเบาเท่านั้น มือเล็กกำเข้าหากันแน่นด้วยความเสียใจและความแค้นสุมอก นางกำมือแน่นเสียจนเลือดสีแดงค่อยๆไหลออกมา ดวงตากลมโตแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนัก ฟันขาวขบเม้มเข้าหากันจนห้อเลือดเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น
“ข้าไม่ยอมหรอกท่านพี่ ท่านต้องเป็นของข้า ไม่มีสิ่งใดที่ข้าปรารถนาแล้วจักไม่ได้ ฮึก แต่ไม่ว่าใครก็ขัดขวางข้าไปเสียหมด!! ทั้งอี้หนาน ทั้งเฉียนยี่ ไม่ว่าใครก็พรากทุกสิ่งไปจากข้า! ข้าไม่มีทางยอม ไม่มีทาง..”
ภายในดวงตากลมโตฉายแววเคียดแค้นและเศร้าหมองในเวลาเดียวกัน..
แล้ว..นี่มันความทรงจำบัดซบอะไรกันวะค๊าาา!! ซินดี้ทึ้งหัวตัวเองสุดแรงเกิด