บทที่ 4 คิดบัญชีทีหลัง

3898 คำ
นางสบตากับเขาอยู่เนิ่นนาน แต่คนตรงหน้ากลับไม่มีท่าทีว่าจะยอมขยับเขยื้อนไปไหน สายตาของเขาดูเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังมองดูเหยื่อของตัวเองก็ไม่ปาน “อะ..เอ่อ” หญิงสาวกระอักกระอ่วน ก้มมองเชือกที่มัดตัวเองอยู่สลับกับมองหน้าหล่อจนใจเจ็บตรงหน้า แต่นางมองได้เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น เพราะทนความหล่อไม่ไหว ใจไม่สู้ค่ะ แง! “เจ้าอยากให้ข้าตัดเชือกให้เจ้างั้นหรือ” “เจ้าค่ะ ระ..เร็วๆ หน่อยได้หรือไม่เจ้าคะมันอึดอัดหน่ะ” นางรีบผงกศีรษะขึ้นลงเร็วๆ ทั้งร้องขอและเร่งเขาอีกส่วนเพราะคาดว่ายามนี้เฉียนยี่น่าจะต้องมาถึงแล้ว โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าชั่วขณะหนึ่งนัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวคู่นั้นมองนางวาวโรจน์ ภาพที่เฉินเฟยหยางเห็นเป็นเพียงนกตัวน้อยๆที่กำลังสั่นกลัวแต่กลับกางปีกขู่เขาอยู่ ดูไม่มีเล่ห์เหลี่ยมจนเขาแปลกใจ “หึ” “!” นางได้ยินเขาส่งเสียงหึในลำคอนะ! จ้าวเสวี่ยซินหันกลับมามองก็พบว่าใบหน้าคมคายที่อยู่ห่างในตอนแรกเข้ามาใกล้จนเห็นแพขนตางอนงามของเจ้าตัวอย่างชัดเจน ฮะ เฮือก! ริมฝีปากอวบอิ่มเผลอเม้มเข้าหากันแน่น หายใจไม่ทั่วท้องเพราะความหล่อที่เข้ามาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงของพ่อพระเอกตัวดี “คิดให้ข้าลงแรง เจ้ามีสิ่งใดมาแลกเปลี่ยนงั้นหรือ” “เจ้าคะ?” นางเอียงคอตอบด้วยความสงสัย แค่ตัดเชือกให้นางมันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันด้วยหรือ จ้าวเสวี่ยซินขมวดคิ้วกับคำถามของเขา ขณะที่สายตาเลื่อนผ่านเลยบ่าแกร่งไปยังด้านหลังและพบว่ามีจำนวนคนประมาณหยิบมือกำลังควบม้าตรงมาทางนี้ จำนวนคนแบ่งออกเป็นสองพวก นางคาดว่าอีกพวกหนึ่งคือคนเถื่อนที่กำลังตามเข้ามาสมทบ กับอีกพวกหนึ่งเป็นกองกำลังเสริมที่เข้ามาช่วยเหลือเนื่องจากสถานการณ์ยามนี้เริ่มบานปลายขึ้นเรื่อยๆ “นี่..ไยเจ้าจึงเมินเฉยข้าเล่า ไม่เปิดปากพูดดั่งเช่นที่เจ้าเทศนาพวกโจรเหล่านั้นหน่อยหรือ ข้าน้อยใจนัก” คนตรงหน้าตีหน้าเศร้าหากใครมาเห็นคงคิดว่านางรังแกคนหล่อ ตัวของนางที่รู้นิสัยพ่อพระเอกอยู่แล้วจากในนิยายก็รู้ได้ว่ามันเป็นสีหน้าที่ปลอมสิ้นดี แต่จะให้อภัยนิดหน่อยก็ได้เพราะหน้าหล่อๆของเขาหรอกนะ! แต่ยามนี้ควรเรียกสติพ่อพระเอกให้ทำตามบทในนิยายก่อน “ท่านแม่ทัพเฉิน ท่านลืมแม่นางอี้หนานไปหรือเปล่าเจ้าคะ” “หืม..” “นางถูกมัดไว้เช่นเดียวกันกับข้า ตอนนี้ยังไม่ได้สติ หากท่านช่วยแก้มัดให้ข้า ข้าจะสามารถช่วยดูแลนางแทนท่านได้ ท่านไม่ต้องคอยระวังหลังให้วุ่นวาย” โกหกหน่ะ สิ่งที่นางจะทำคือการไปช่วยเฉียนยี่ ไอต้าวไมโครเวฟของนางต่างหาก! เฉินเฟยหยางหยัดหลังเหยียดตรง สีหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่งขณะที่สายตามองไปยังสตรีอีกผู้หนึ่งเบื้องหลัง ทางด้านจ้าวเสวี่ยซินนั้นก็ร้อนใจและแปลกใจ นี่เขาจำไม่ได้หรือว่าต้องมาช่วยใครกันแน่ เอาแต่เสวนากับนางอยู่นั่นแหละ! “แม่นางเสวี่ยซิน เจ้าคงจะประเมินข้าต่ำไป ตัวของข้า เฉินเฟยหยางผู้นี้ ไม่จำเป็นต้องมีสตรีท่าทางอ่อนแอเช่นเจ้าคอยระวังหลังให้หรอก” นอกจากจะเมินเฉยต่อแม่นางเอกในดวงใจแล้ว ยังพูดผิดประเด็นอีก ประเด็นมันไม่ใช่ว่าใครต้องคอยระวังหลังหรือไม่ แต่เป็นเขาที่ต้องไปช่วยแม่นางเอกตามบทต่างหาก! "นางยังไม่ได้สติ ควรให้หลบไปในที่ปลอดภัยมากกว่า อีกอย่างแขนบางเป็นไม้แห้งเช่นนี้จะแบกคนไม่ได้สติได้อย่างไร สู้ให้คนพานางไปและผู้บัญชาการทัพเช่นข้าเข้าสู่สนามรบไม่ดีกว่าหรือ" “..เฮ้อ แล้วแต่ท่านแม่ทัพเลยเจ้าค่ะ” ตามบทไม่ตามบทก็ช่างแล้ว “นั่นเจ้าถอนหายใจ” คิ้วหนากระตุกข้างหนึ่ง เพิ่งเคยมีคนกล้าถอนหายใจต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรกก็นางเนี่ยแหละ “อะ..อย่าเพิ่งโมโหๆ! ข้าแค่เหนื่อยเพราะข้าถูกชักชวนให้พูดคุยตลอดทั้งทาง” เสียงของนางพูดตะกุกตะกักอีกทั้งไม่ยอมสบสายตา ยามเขามองนางทีนางก็หลบตาเขาที หึ นางกลายเป็นคนที่ถูกจับได้ง่ายเช่นนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่ท่าทางที่แสดงออกและใบหน้าของนางที่เผยออกมา เขาก็มองออกหมดแล้วว่านางคิดสิ่งใดอยู่ เฉินเฟยหยางระบายรอยยิ้มกว้างอ่อนโยนแต่กลับดูน่าขนลุกสำหรับจ้าวเสวี่ยซินเสียเหลือเกิน “หึ เจ้าแปลกไปจริงๆ ด้วย” “!” นางต้องตกใจซ้ำซ้อน เพราะเชือกที่พันตัวของนางอยู่ถูกตัดออกโดยที่นางยังไม่ทันเห็นเลยว่าเขาชักดาบออกมาตัดให้นางตอนไหน แม่ทัพเฉินขยับยิ้มเย็นเมื่อเห็นท่าทางงุนงงของนาง “อย่าทำหน้าตาเหลอหลาราวกับเด็กโง่เช่นนั้น ข้าปลดเชือกให้เจ้าตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก” “หะ..” “อืม.. ข้าลงแรงตามที่เจ้าร้องขอแล้ว เรื่องค่าตอบแทนข้าจะเก็บเอาไว้คิดทีหลังแล้วกัน” ชึบ “ว้าย! อั้ก!” พูดเอาเองเสร็จสรรพก็รวบตัวนางขึ้นพาดบ่าอย่างไว ตัวของนางถูกอุ้มจนตัวลอยและหล่นหมับลงบนบ่าแกร่ง จากแรงเหวี่ยงอย่างไม่คิดถนอมทำให้นางทั้งจุกทั้งตกใจ ชุดเกราะที่สวมอยู่บนบ่าของเขาช่างแข็งกระแทกท้องนางดีจริงๆ! “เอาล่ะข้าว่าเราคงมีเรื่องให้พูดคุยกันอีกมาก ทั้งเรื่องนี้และเรื่องนั้น …พวกเจ้า อุ้มบุตรสาวราชครูตามข้ามาด้วย เร็ว!” ยังไม่พอแค่นั้น คนที่ไม่เคยสนใจคนอื่นยังเร่งฝีเท้าเดินจนตัวนางกระแทกกับเกราะบนหัวไหล่ของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางจุกจนเกือบพูดไม่ออก น้ำตาปริ่มตรงหางตา อาการปวดหัวที่ปูดโนก็ยังไม่หายดียังต้องถูกเหวี่ยงร่างห้อยตัวไปไหนมาไหนอีกเหรอ! ด้วยความอึดอัดทั้งหลายแหล่ที่นางได้เผชิญมาตั้งแต่ต้นทำให้นางอดไม่ได้ที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา.. เล็กน้อย รึเปล่า.. “ฮึก..” “เจ้าจะสำรอกงั้นรึ” เฉินเฟยหยางชะลอฝีเท้าลง เอียงสายตาขึ้นมองสตรีบนบ่าของตนและถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ จ้าวเสวี่ยซินได้ยินก็ยิ่งช้ำใจ นางเป็นคนอดทนเรื่องอื่นๆ ได้ดี แต่นางขี้น้อยใจนะบอกเลย แงง! “ข้าเจ็บนะเจ้าคะ ท่านไม่รู้หรือว่าไอเกราะเฮงซวยนี่มันแทงข้า ฮึก หัวของข้าก็ปูดโนเป็นลูกมะนาวทิ่มตาท่านขนาดนี้ ท่านก็ยังคิดรังแกข้า ทำข้าแรงๆอีก ฮือออ ข้าไม่ได้อยากมาอยู่ในสภาพแบบนี้สักหน่อย ข้าเกลียดคนเช่นท่านที่สุดเลย แง!!” “..จะ เจ้า จะร้องไห้ทำไม หนวกหูเสียจริง” ตัวของแม่ทัพหนุ่มผู้คลุกคลีอยู่กับเพียงชายชาตรีไม่เคยได้เห็นน้ำตาของสตรีเริ่มทำตัวไม่ถูก ส่วนร่างเล็กเริ่มอยู่ไม่นิ่ง ดิ้นไปมาจนเขาต้องช้อนตัวนางลงมาไว้ในอ้อมแขนแทนการพาดบ่า คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนแน่นเป็นปม นัยน์ตาคมปนดุมองสำรวจใบหน้างามที่มีเนื้อปูดโนออกมาข้างหนึ่งจริงๆ ขณะที่นางหลับหูหลับตาร้องไห้ราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน จิตใจของจ้าวเสวี่ยซินตอนนี้ทั้งหวาดกลัว ทั้งเจ็บ ทั้งแค้นใจในเวลาเดียวกัน “ฮึก” “บอกว่ามันน่าเกลียดไง” คนที่ทำตัวไม่ถูกก็ยังเอ่ยวาจาไม่รื่นหูไม่หยุดหย่อน อารมณ์ทั้งหมดทั้งมวลเริ่มก่อตัว กลายเป็นโมโหในความโชคร้ายของตัวเองแทน จ้าวเสวี่ยซินหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งน้ำตาหันไปกล่าวกับเขาด้วยความหมั่นไส้ “ท่านก็เช่นกันเจ้าค่ะ ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย ฮึ่ย!!” เฉินเฟยหยางออกอาการอึ้งค้างเป็นรูปปั้น คำว่าไม่หล่อตรงไหนเลยของนางกระแทกซ้ำเป็นเสียงสะท้อนก้องอยู่ในหู ใบหน้าคมคายกระตุกถี่ยิบ ริมฝีปากอ้าออกกว้างราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง “จะ.. เจ้าว่าอย่างไรนะ!" “โอ้ย!” เสียงร้องดังของชายหนุ่มทำให้เสวี่ยซินเลิกสนใจเฉิยเฟยหยางแล้วหันไปมอง ใจกลางสนามรบขนาดย่อมนั้นปรากฏร่างของบุรุษรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าขาวสะอาดสะอ้านเจ้าสำอาง หากไม่ใช่ว่ามีคิ้วหนาทรงกระบี่กับดวงตาคมเฉี่ยวหรือสันกรามที่เด่นชัด นางคงคิดว่าเป็นสตรี เขาสวมชุดเกราะและดูสง่างามยามจับดาบ แต่ว่าการฟันดาบช่างดูงอกง่อยราวกับเด็กหัดเล่นปาหี่อย่างไรอย่างนั้น นับกับแสงออร่าระยิบระยับยามอยู่กลางดงดาบและคนเถื่อนเครารุงรัง องค์ประกอบทั้งหมดนี้นางบอกได้เลยว่า ชายที่กำลังแกว่งดาบเหมือนเล่นวิ่งไล่แปะอยู่นั้น ตัวของเขาจะต้องเป็นเฉียนยี่ พระรองในเรื่องอย่างแน่นอน! “ไอต้าวของมัมมี้!!” จ้าวเสวี่ยซินน้ำหูน้ำตาหดกลับที่เดิม ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นยิ้มจนตาหยี่ทำเอาคนที่อุ้มนางอยู่ตอนนี้ปรับตัวตามแทบไม่ทัน เฉินเฟยหยางละสายตาเลื่อนไปมองยังทิศทางที่นางมองไป และพบเข้ากับขุนนางหนุ่มน้อยที่เขานั้นก็รู้จักเป็นอย่างดี “นั่นเฉียนยี่นี่ เขามาทำอะไรที่นี่กัน” ดูจากสถานการณ์ที่มีกองกำลังเสริมเข้ามาช่วยแล้ว ขุนนางหนุ่มผู้นั้นคงตามมากับกองกำลังทหารเป็นแน่ เขาที่เคยได้ยินข่าวมาหนาหูว่าบุตรชายสกุลจ้าวปักใจรักแม่นางหลานอี้หนานเพียงใด ต้องนับถือจิตใจมุ่งมั่นในความรักของชายหนุ่มผู้นี้จากใจจริง แม้จะดูอย่างไรก็บอกได้คำเดียวว่าฟันดาบได้ห่วยแตกสิ้นดี แต่ก็ยังยอมจับดาบเพื่อคนที่รัก ช่างน่านับถือ.. เฉินเฟยหยางคิดและต้องการที่จะเตรียมตัวเพื่อไปปราบคนเถื่อนต่อ ซึ่งเขาต้องพาเสวี่ยซินไปหลบก่อน ทว่าทันทีที่เขาเอ่ยปาก นางก็สร้างเรื่องให้เขาจนได้! “เสวี่ยซินหากเจ้าสงบลงบ้างแล้ว อ้ากก!!” เสียงทุ้มตะโกนลั่น “กรี๊ด ท่านแม่ทัพรีบตรงไปช่วยเฉียนยี่ของข้าหน่อย!!” ลำคอแกร่งถูกรัดด้วยแขนเล็ก เส้นผมด้านหลังถูกดึงไปมาอย่างแรงจนเขาทั้งหงายหน้าขึ้นฟ้าและหงายหน้าลงดิน ไม่รู้ว่าสาวเจ้าไปเอาแรงมาจากไหน ตัวก็ดูอ่อนแอปวกเปียกแต่กลับลากคอเขาจนเกือบหน้าคะมำ! ทางด้านจ้าวเสวี่ยซินนั้นก็ตกใจเมื่อเห็นว่าเฉียนยี่ของตนเองกำลังถูกรุมอยู่ถึงสามคน อีกทั้งเจ้าตัวยังหลับหูหลับตาเหวี่ยงดาบไปมามั่วซั่ว ดาบไม่ได้โดนศัตรูเลยสักนิด เฉือนผ่านอากาศไปทั้งนั้น โถ่ ลูกแม่! ทางด้านเฉียนยี่ยามนี้เริ่มเข้าตาจน ลมหายใจหอบอย่างหนัก ความเจ็บปวดบนไหล่ข้างขวาและลำตัวยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เขาเป็นห่วงสตรีอีกสองนางเสียมากกว่า สายตาพยายามกวาดสอดส่องไปทั่วทั้งสนามรบก่อนจะพบเข้ากับใบหน้าพี่สาวแสนชังของตนเองบนอ้อมแขนของท่านแม่ทัพเฉิน เขาไม่ทันสังเกตว่าเสวี่ยซินมีสีหน้าเช่นไร เขาเลือกมองหาสตรีอีกคนหนึ่งต่อและพบว่าถัดไปด้านหลังตรงพุ่มไม้ใหญ่ ทหารนายหนึ่งกำลังอุ้มแม่นางหลานอี้หนานพิงหลบเอาไว้ เห็นเช่นนี้ชายหนุ่มจึงเริ่มเบาใจ ผ่อนแรงที่จับดาบแสนหนักลงหลายส่วน ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางอย่างไม่หยุดพักมาตลอดสามวันทำให้เขาเริ่มประคองสติตัวเองไว้ไม่อยู่ “พวกนางปลอดภัยแล้ว” คำพูดเบาใจถูกเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก สติยามนี้ดูเหมือนจะใกล้เลือนรางเต็มที ขาข้างหนึ่งพยายามยึดลำตัวไว้กับพื้นให้มั่นคง เขาเห็นภาพตรงหน้าในตอนนี้ได้ไม่ชัดมากนัก แต่หูของเขายังได้เสียงชัดเจน “เฉียนยี่!!! แม่ทัพเฉิน ลูกรักข้าจะโดนรุมฟันตายแล้วนั่น” ..เสียงของเสวี่ยซินนี่นา เหตุใดน้ำเสียงของนางจึงดูเป็นห่วงและร้อนรนถึงเพียงนี้ “โอ้ย หยุดกระชากผมข้าเสียที! ให้ตายเถอะ เจ้านี่มัน! ข้าจะคิดบัญชีทบต้นทบดอกเลยเชียว เตรียมตัวไว้เถิด” “อะไรก็ตามเถอะเจ้าค่ะ หากข้าจับดาบนี่ไหว ข้าออกไปสู้เองแล้ว!” “ต่อปากต่อคำเก่งนัก” ทั้งสองคนเถียงกันยกใหญ่เหมือนกับไม่รู้ว่าตัวเองอยู่กลางเสียงอึกทึกครึกโครมและเสียงกระทบของดาบที่ฟันกัน เฉินเฟยหยางเอ่ยเสียงเย็นและกำลังจะปล่อยนางลง แต่กลับต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีกเรื่อย ๆ เมื่อตัวของนางกลับเบียดเข้ามาใกล้ชิด สัมผัสนุ่มหยุนใหญ่เกินตัวที่เติบโตขึ้นมากกว่าห้าปีก่อนแนบลงเข้ามาหา ทำเอาเขาใบหน้าเห่อร้อนเล็กน้อย “ทะ..ท่านอย่าวางข้าลงนะ ข้ารู้ว่าท่านเก่งมาก ท่านสามารถสู้ไปด้วยอุ้มข้าไปด้วยได้แน่ๆ” อยู่ๆนางก็กลับคำ เมื่อสักครู่ยังบอกกับเขาอยู่เลยว่าจะจับดาบไปสู้! “เจ้าเอาสิ่งใดมามั่นใจ” “ท่านเก่งอยู่แล้วเจ้าค่ะ และหากท่านปล่อยข้า ข้าก็ตายน่ะสิ ตอนนี้ท่านเดินเข้ามาเกือบถึงใจกลางความวุ่นวายแล้ว ข้าไม่ยอมโง่ปล่อยมือจากคอท่านหรอกรู้ไว้ซะด้วย!!” นางจะปล่อยโล่ตีบวกระดับแรร์ไอเทมไปได้ยังไง เหอะ! นางหลับหูหลับตาพูดขณะดันตัวเองขึ้นเกาะบนลำคอของเขาเอาไว้ไม่ปล่อย มือของนางแปรสภาพเป็นตีนตุ๊กแกเกาะหนึบหนับ ต่อให้เอารถถังมาลากนางก็ไม่มีวันหลุด! เฉินเฟยหยางหลุบสายตามองคนตัวเล็กที่ปีนป่ายอยู่บนหน้าอกเขาด้วยความรำคาญใจ ตัวก็เล็กเพียงเท่านี้เหตุใดจึงซุกซนได้ขนาดนี้กัน เฉินเฟยหยางคิดก่อนจะลอบถอนหายใจออกมายาวพรืด เห็นแก่ที่นางชมเชยเขา จะยอมปล่อยไปสักครั้งแล้วกัน “แค่ครั้งนี้เท่านั้น หลังจากนี้เจ้าเตรียมตัวไว้ได้เลยเสวี่ยซิน” คำกล่าวของเขาทำเอานางหืดขึ้นคอ นางส่ายหน้าไล่ความกลัว ตอนนี้ความปลอดภัยของลูกรักต้องมาก่อน! ทางด้านเฉียนยี่ที่ฟังอยู่ตลอดคิดในใจว่า ทั้งสองคนสนิทกันถึงขนาดต่อประโยคยาวได้มากกว่าสองคำแล้วรึ.. เฉียนยี่สะบัดหัวไล่ความมึนงง ฝ่ามือใหญ่ทว่าเรียวสวยเพียงเพราะจับแต่พู่กันสั่นขณะที่ถือดาบ พวกคนเถื่อนเล็งเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะเย้ย “ท่านบัณฑิตรูปงาม ที่นี่มิใช่สนามเด็กเล่นสำหรับเจ้า จับดาบราวกับเด็กน้อยเช่นนี้คิดจะเข้าสู้รบงั้นรึ ฮ่าๆๆ ช่างน่าขันนัก!” “การช่วยเหลือคน ย่อมไม่สนว่าตัวเราต้องเป็นผู้ใด ต้องเก่งกาจหรือไม่ ขอเพียงแค่คิดอยากจะช่วยก็พอ” “ก่อนจะช่วยเหลือผู้ใดเจ้าควรช่วยเหลือตัวเองให้ได้ก่อน! หึ! เช่นนั้นก็จงลงนรกไปพร้อมกับความคิดเด็กน้อยนั่นแล้วกัน!” “!!” เฉียนยี่หลับตาแน่น คิดว่าอย่างไรตัวเขาก็คงไม่รอด แต่ผ่านไปแล้วชั่วครู่หนึ่งเขากลับไม่รู้สึกบาดเจ็บที่ใด ในตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงดาบตัดผ่าอากาศตามมาด้วยเสียงหายใจติดขัดเหมือนสำลักของเหลวเบื้องหน้าเขา ดวงตาเรียวพยายามประคองสติเพ่งมองก่อนจะตื่นตกใจสุดขีด เพราะลำคอของคนเถื่อนที่กำลังตรงเข้ามาทำร้ายเขา มันถูกเสียบไว้ด้วยดาบเล่มหนึ่ง! "!!" เมื่อมองไปยังเบื้องหลัง ได้ปรากฏร่างชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาล่มเมืองเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อนแต่หน้าตากลับดูอารมณ์เสียอยู่ในที คงเป็นเพราะสตรีร่างเล็กในอ้อมแขนที่ดูเหมือนจะสิงร่างเขาเอาไว้เป็นแน่ "พะ พวกเจ้ายืนทำบื้ออะไร จัดการมันสิ!!" คนเถื่อนผู้ถือดาบเล่มใหญ่ไว้ในมือเรียกสติพวกพ้องของตน ทว่าไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อนราวกับถูกความหวาดกลัวตรึงเอาไว้ แม้แต่วิธีหายใจพวกเขาก็ลืมมันไปแล้วเช่นกัน! จะไม่ให้พวกเขาหวาดกลัวได้อย่างไร เมื่อดูจากวิธีของดาบที่ถูกปามานั้นแล้ว มันมีทั้งความแม่นยำและไร้ความปรานี บอกได้เลยว่าคนผู้นี้มีฝีมือร้ายกาจยากจะจับตัว ด้วยความหวาดกลัว พวกคนเถื่อนกว่าห้าคนเผลอถอยหลังไปถึงสามก้าว ขณะที่มองมัจจุราชเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า เฉินเฟยหยางเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าคนเถื่อนที่เขาเพิ่งลงมือสังหารไป มือข้างหนึ่งดึงดาบออกมาจากร่างไร้วิญญาณบนพื้นโดยการเหยียบบนศพเพื่อดึงดาบออกได้อย่างถนัด พวกเขาทุกคนตรงนั้นต่างคิดเป็นเสียงเดียวกัน.. ช่างเป็นคนที่เลือดเย็นเสียเหลือเกิน "อึก!" สิ้นความคิดของพวกมันแค่นั้น ภาพตรงหน้าก็ดับมืดลงในทันที เฉินเฟยหยางไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเสียเปล่า ทันทีที่ดึงดาบออกมาได้ก็ตรงเข้าสะบั้นคอของคนเถื่อนนับอีกห้าคนด้านหน้าในทันที พวกมันล้มลงโดยมีบาดแผลถูกเฉือนเข้าที่จุดตายอย่างไม่คลาดเป้า “พอใจแล้วใช่หรือไม่” ใบหน้าคมคายเปื้อนเลือดสีแดงสดทว่าเจ้าตัวกลับไม่สนใจ เลื่อนสายตาไปยังสตรีร่างเล็กในอ้อมแขนแทน จ้าวเสวี่ยซินมีใบหน้าซีดเซียวคล้ายจะสำรอกมิสำรอกก็ไม่ปาน ได้เห็นคนถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาเป็นครั้งแรก และไอคนที่ฆ่าก็ฆ่าได้อย่างหน้าตายอีกด้วย แง! “ตัวเจ้ากำลังสั่น กลัวเป็นด้วยหรือ” เฉินเฟยหยางยกยิ้มอ่อนโยน นางเห็นแล้วอยากจะหยุมหัวพ่อพระเอกนี่อีกรอบ ไม่กลัวน่ะสิแปลก เห็นนางเป็นสตรีแบบใดกันแน่!! ในตอนนี้สถานการณ์เริ่มเข้าที่เข้าทาง ส่วนหนึ่งยอมจำนนแต่อีกส่วนมากถูกสังหารลงเพราะขัดขืน ตอนนี้จึงมีศพคนเถื่อนตายเกลื่อนกลาด นางที่เห็นก็พยายามไม่สนใจ แต่จะให้สนใจพระเอกที่เอาแต่ยิ้มน่าหวาดกลัวให้นางทั้งที่หน้าเปื้อนเลือดก็ใช่เรื่อง จ้าวเสวี่ยซินจึงเลิกสนใจพระเอกใบหน้าฟ้าประทานแล้วเลื่อนสายตากลับมามองเฉียนยี่ของนาง ถามเขาด้วยความเป็นห่วงแทน “ฉะ..เฉียนยี่ เจ้าไม่เป็นอะไรมากใช่หรือไม่ บาดเจ็บตรงไหนเป็นพิเศษหรือไม่” “....” คนฟังถึงกับตกใจตาเบิกกว้าง เขาได้ยินผิดรึเปล่า นางน่ะหรือกำลังเป็นห่วงเขา ภายในใจเสวี่ยซินกำลังกระดี๊กระด๊าเอามาก เมื่อสบเข้ากับดวงตาวาวใสราวกับกระจก และใบหน้าที่บึ้งลงเล็กน้อยด้วยความงุนงงของเฉียนยี่ ช่างดูน่ารักน่าชังในสายตาของติ่งผู้นี้เหลือเกิน! งู้ย ดูความน่ารักของเขาสิ หน้าตาน่าเอ็นดูยิ่งกว่าที่บรรยายไว้ในนิยายถึงร้อยเท่าพันเท่า! ถึงเขาจะมาหาแม่บัวขาวที่สลบมาทั้งตอนก็ตามเถอะ .. ฮึก แอบเศร้าเว้ย! “ดีจริงๆ ที่เจ้าปลอดภัย” นางยังคงกล่าวต่อแม้จะไร้การตอบจากเฉียนยี่ก็ตาม ทางด้านเฉินเฟยหยางนั้นเริ่มเกิดความไม่พอใจสายหนึ่ง คิ้วหนาพาดเฉียงขึ้นกระตุกถี่ มุมปากแสยะยิ้มส่งเสียงขัดใจในลำคอ เป็นเขาที่ช่วยนางและทำตามคำขอทุกอย่าง มองเผินๆคงดูเหมือนเขาถูกนางชักจูงจมูกไปมาก็ไม่ปาน คิดแล้วก็เจ็บใจและแปลกใจตัวเองเช่นกัน หรือเป็นเพราะไม่ได้พบเจอนางมาถึงห้าปี คำวิจารณ์ของจ้าวเสวี่ยซินนั้นเขารู้ดีจนท่องได้ขึ้นใจ หนึ่ง..ชอบใช้ความรุนแรง สอง..ไร้สมองแบบกู่ไม่กลับ สาม..ไร้พรสวรรค์ระดับที่ราชครูยังหนักใจ สี่..ไม่มีความสามารถอะไรให้ชมสักอย่าง และห้า..สิ่งที่เขาว่าไม่ดีและไม่ควรทำต่าง ๆ มากมายถูกรวมอยู่ในตัวนางทั้งหมดทั้งสิ้น แต่ยามนี้นางดูต่างจากคำวิจารณ์อยู่มาก.. ดูจากสายตาและการกระทำก็ไม่มีเค้าว่านางจะเสแสร้งเลยสักนิด ดูเหมือนว่าความเป็นห่วงเป็นไยน้องชายเลี้ยงที่นางแสนจะเกลียดชังคงเป็นเรื่องจริง "เฉียนยี่เจ้าลุกไหวหรือไม่ ให้พี่ช่วยเจ้านะ" "ไม่ต้องขอรับ" เฉียนยี่หันหน้าหนี เขาไม่ชินเลยกับการที่นางเปลี่ยนไปภายในสามวัน นางไปกินสิ่งใดผิดแผกมารึเปล่า หรือพวกคนเถื่อนนั่นตีหัวนางจนสติเลอะเลือนหรืออย่างไร! ตัวละครในดวงใจไม่ยอมตอบรับไมตรี ทำเอาติ่งตัวน้อย ๆ ผู้นี้ถึงกับใจเหี่ยวเฉา จ้าวเสวี่ยซินคอตก เพิ่งรู้ว่าความรู้สึกน้ำตาตกในเป็นเช่นไร ฮึก.. มันเป็นเช่นนี้นี่เอง แง เกลียดอีเด็กเปรตเสวี่ยซินนั่นมากเลยวุ้ย เจ้าทำให้ข้าดูแย่! "คือว่า.." “หมดเรื่องแล้ว ก็กลับได้” คนที่ถูกทำให้ไร้ตัวตนเริ่มหัวเสีย อยู่ๆน้ำเสียงที่พูดออกมานั้นก็ทุ้มและเยือกเย็น ขัดการสนทนาระหว่างเฉียนยี่กับนาง ทว่าเสวี่ยซินก็หาสนใจไม่ เพราะตอนนี้นางจะลงไปดูแลพ่อพระรอง น้องชายสุดน่ารักของนาง "เฉียนยี่.." "..." ได้ในเมื่อนางไม่ยอมเห็นหัวเขาเช่นนี้ เขาก็ไม่สนใครหน้าไหนเช่นกัน “อ่ะ ดะ เดี่ยวสิเจ้าคะ ตอนนี้ท่านปล่อยข้าได้แล้ว ข้าจะไปดูเฉียนยี่” นางเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจเพราะคนตัวสูงดันหันหลังกลับและก้าวฉับๆอย่างรวดเร็ว ทิ้งคนเจ็บอย่างเฉียนยี่ไปดื้อๆ "ท่านแม่ทัพเฉิน!" สตรีร่างเล็กพยายามใช้แรงที่แทบจะไม่มีของตนเองดิ้นให้หลุดจากฝ่ามือหนา ทางด้านเฉินเฟยหยางยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน อีกทั้งยังกล่าวคำยอกย้อนกลับไปหานางอีกว่า “จะขอเกาะคอข้าไว้ไม่มีวันปล่อยไม่ใช่หรือ” “!” “ถ้างั้นก็จงเกาะข้าอยู่เช่นนี้เนี่ยแหละเสวี่ยซิน หากเจ้าปล่อยล่ะก็.." คนตัวสูงครุ่นคิดคำพูดถัดไป พลันใบหน้าสะอาดสะอ้านของชายหนุ่มเมื่อสักครู่โผล่ขึ้นมาในหัว "..ข้าจะทิ้งน้องชายเจ้าไว้ตรงนั้นเสีย” และใช่.. เขาดันขู่นางได้ถูกจุดเสียด้วย ..ชั่วร้ายที่สุด!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม