ตอนที่ 7

1456 คำ
7 หัวใจบุษย์น้ำพราวเต้นระรัวเร็วราวกับจะหลุดออกมาจาก อีกนิดเดียว...นิดเดียวเท่านั้นเธอก็จะคว้ากระเป๋าคืนมาได้ หาก... หมับ! เพียงแค่มือเรียวยื่นไปใกล้จะถึงกระเป๋าอยู่แล้ว ร่างบอบบางก็ถลาไปนอนเก้กังอยู่บนตักกว้าง พร้อมกับมือใหญ่ที่ฝาดลงมาบนสะโพกกลมมลสองครั้ง แรงๆ จนบุษย์น้ำพราวถึงกับหน้าเบี้ยวน้ำตาคลอ “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ” “นี่เป็นโทษที่เธอสมควรได้รับจากการดื้อและคิดหนี” สีหราชพูดเสียงแข็ง เขาพยายามติดต่อพยัคฆ์หลายครั้ง โทรติดแต่ก็ไม่มีคนรับ มันทำให้เขาอารมณ์เสียขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็คิดได้ว่าทางครอบครัวปาศัยสุนัยและครอบครัวเกษมศิริกรณ์คงจะวุ่นวายตามหาว่าที่เจ้าสาวเสียให้วุ่น เสียดายที่เขาเอาตัวหญิงสาวมาเร็วไปหน่อย น่าจะเอามาในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะกลับ เขาจะได้ดูหน้าของคุณหญิงอมราและผู้เป็นหลานรักอย่างพยัคฆ์ ปาศัยสุนัย หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ เพราะเจ้าสาวหาย งานนี้คงจะเป็นข่าวดังในวงสังคมอยู่หลายวันเชียวล่ะ บุษย์น้ำพราวแกะมือใหญ่ออกจากแขน “นายทำอย่างนี้ทำไม ฉันไปทำอะไรให้นาย” หญิงสาวถามเสียงสั่นระคนโกรธเคือง “นายโกรธคุณเสือ ก็ไปลงที่เขาซิ มาลงที่ฉันทำไม” สีหราชยิ้ม เขามองไปทั่วร่างงามอย่างมีเลศนัย “เธอคิดไหม ถ้าเจ้าสาวหายไปในวันแต่งงาน พอสักอีกสองถึงสามเดือน ผู้หญิงคนนั้นกลับไปพร้อมกับ....” มือใหญ่ซ้อนกันวาดที่ท้องหญิงสาวจนมันนูนขึ้นมา บุษย์น้ำพราวอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นกลัวอย่างสุดขีด หญิงสาวรีบถอยออกมาชิดประตูรถ พร้อมกับคว้าล็อคสำหรับเปิดประตูมือไม้สั่นและเย็นเฉียบ ด้วยรู้เพียงอย่างเดียวว่าเธอจะต้องหนีจากผู้ชายบ้าๆ คนนี้ให้ได้ เธอก็เป็นผู้รับเคราะห์คนหนึ่งเหมือนกัน มาทำอย่างนี้เท่ากับซ้ำเติมให้ทุกข์ที่มีหนักขึ้นนะซิ ทำไมเขาไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจคนที่เดือดร้อน ที่ไม่ได้ปรารถนาจะแต่งงานกับพยัคฆ์เลย แต่เพราะความจำเป็นบังคับ ถ้าพ่อไม่ทำธุรกิจผิดพลาด ทำให้มีหนี้สิน จนเกือบจะล้มละลาย พ่อไม่มีวันให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นเพียงแค่ของใช้สิ้นเปลืองอย่างพยัคฆ์หรอก ชายหนุ่มคว้าร่างบางเข้ามาประชิดตัว จับมือที่เอื้อมขึ้นสูงไพล่ไปด้านหลัง “กลัวหรือ...แต่ฉันว่าไม่นะ อยู่กับไอ้เสือพอเข้าหอแล้วเธอก็ต้องนอนกับมันอยู่ดี แค่เปลี่ยนตัวคู่นอนมาเป็นฉันมันก็เท่านั้นเอง แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม...” ชายหนุ่มไล้มือไปบนใบหน้าหวานเรื่อยลงไปตามลำคอ ก่อนจะวกขึ้นไปที่ริมฝีปากอวบอิ่ม ที่เขาได้เชยชิมแล้วและก็ติดใจรสชาติหวานละมุนอยู่ไม่คลาย “อีกอย่างนะ ฉันก็ไม่ได้ชมตัวเอง แต่ฉันสามารถทำให้เธอมีความสุขยามที่เราสองคนกำลังทำอย่างว่ากัน จนเธอไม่อยากฉันไปเลยก็ได้” ชายหนุ่มแนบจุมพิตลงไปบนปากนุ่ม ปลายลิ้นร้อนลากไล้สอดแทรกเข้าไปกวาดเคล้า เกี่ยวกระหวัดกับเรียวลิ้นเล็ก เขาจูบราวกับว่าจะสูบเอาวิญญาณของบุษย์น้ำพราวออกจากร่าง มือเล็กที่ไม่รู้ว่าถูกปล่อยเมื่อไหร่ยกขึ้นดันบ่ากว้างสลับจิกปลายเล็บลงบนเนื้อผ้าหนา บุษย์น้ำพราวพยายามหันใบหน้าหนีปากหนาที่ตามติดจนแทบไม่ได้หายใจหายคอ แต่กลับถูกเขาตรึงท้ายทอยไม่ให้หันหนีปลายลิ้นอุ่นร้อนรุกไล่ตามติดเกี่ยวกวัดลิ้นเล็ก อีกมือก็รัดร่างบอบบางเข้ามาจนแนบชิดลูบไล้แผ่นหลัง และสอดมือเข้าไปในตัวเสื้อลูบไล้ผิวเนื้อเนียนราวกับแพรไหม ใบหน้าคมคร้ามซุกไซ้ใบหน้าลงไปจนถึงลำคอระหง ริมฝีปากอุ่นขบเม้มแอ่งชีพจร จมูกก็สูดกลิ่นหอมของผิวเนื้อที่มีแค่แป้งเด็กไร้ซึ่งเครื่องประทินผิวราคาแพง “ฉันจะให้เธอไปห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ก่อนที่เราจะเดินทางกันต่อ” ชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าขึ้นไปกระซิบเบาๆ ข้างหูนุ่มแต่กลับดังก้องในสมองและหัวใจบุษย์น้ำพราว “แต่ถ้าเธอหนี ฉันก็ไม่รับประกัน เรื่องที่ยังไม่ควรจะเกิดขึ้น จะเกิดขึ้นที่บนรถคันนี้หรือเปล่า เพราะฉันอาจจะบันดาลโทสะ เปลี่ยนห้องหอจากห้องนอนอันแสนสบายมาเป็นในรถคันนี้ก็ได้” คำพูดและเสียงหัวเราะของผู้ชายตรงหน้า ทำเอาบุษย์น้ำพราวถึงกับขนลุกซู่ด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ คิดเพียงอย่างเดียวว่าเธอจะต้องหนี! หนีไอ้บ้านี่ให้พ้น สีหราชมองหญิงสาวที่กระเถิบตัวหนีเขาไปจนชิดขอบประตูรถ ใบหน้าเธอขาวซีด แต่ริมฝีปากกลับแดงก่ำและบวมเป่ง ในแววตาใสๆ ที่เหมือนจะเป็นคนพูดง่าย แต่ถ้ามองให้ดีจะพบว่าแววตาคู่นั้นซ่อนความดื้อดึงเอาไว้ กว่าที่เขาจะปราบพยศให้อยู่หมัด ประตูรถเปิดออกจากด้านนอก บุษย์น้ำพราวหันรีหันขวางอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะวิ่งไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล เสียงหัวเราะของผู้ชายบ้าๆ คนนั้นยังคงติดอยู่ในศีรษะที่ทำให้เธอต้องเร่งรีบตัดสินใจทำอย่างที่คิด หญิงสาวชะเง้อคอมอง ตอนนี้คนร้ายทั้งสองคนอยู่ที่ไหนแล้ว เมื่อเห็นว่ารถที่นั่งมาเมื่อครู่ว่างเปล่า เธอก็รีบวิ่งไปหวังจะคว้ากระเป๋าใส่เงินและรีบหนีให้พ้นไปจากเรื่องบ้าๆ นี่สักที แต่... “ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วหรือบุษย์น้ำพราว” สีหราชถามแววตายิ้มๆ ด้วยความพอใจ ที่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้สาวน้อยตรงหน้าได้ ด้วยการเรียกชื่อของเธออย่างถูกต้อง น้ำเสียงของคนขับรถที่กระซิบบอกว่าคนที่วิ่งตัดหน้ารถเขาคือบุษย์น้ำพราว เกษมศิริกรณ์ หญิงที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าสาวของพยัคฆ์ ปาสัยสุนัย ผู้เป็นน้องชายต่างแม่ของเขา และหลานสะใภ้ยายคุณหญิงอมราใจร้ายที่ไล่เขาและแม่ออกจากบ้านอย่างเลือดเย็นโดยไม่สนใจว่าตอนนั้นแม่เขากำลังป่วยหนักเพียงไหน ชายหนุ่มกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เขาไม่สนว่าหนึ่งนั้นคือน้องชาย อีกคนคือย่าผู้มีสายเลือดเดียวกัน รู้เพียงอย่างเดียวว่า เขาจะต้องแก้แค้นในสิ่งที่พวกนั้นได้กระทำต่อเขาและแม่ ทุกคนจะต้องได้รับผลกรรมที่ก่อขึ้น! บุษย์น้ำพราวรีบวิ่ง วิ่งและวิ่งอย่างรวดเร็ว แต่เธอก็วิ่งไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว “ว้าย! กรี๊ด!! ... ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ไอ้คนสารเลว ปล่อย...” แต่ร่างบางกลับลอยขึ้นสูง ก่อนที่ท้องน้อยจะกระแทกกับบ่ากว้าง พร้อมกับ... เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!! ชายหนุ่มฟาดมือลงมาบนสะโพกกลมมลอย่างแรง จนคนถูกฝาดน้ำตาซึม เธอทุบแผ่นหลังกว้าง แต่เหมือนกับเอาไม่ซีกไปงัดไม้ซุง คนที่ถูกทำร้ายไม่มีอาการเจ็บปวด แถมยังเอาคืนด้วยการส่งแรงฝาดลงมาบนสะโพกหนั่นแน่นอีกไม่ยั้ง จนเธอต้องยอมแพ้ ปล่อยให้น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ตุบ! สีหราชวางร่างบางลงบนเบาะรถด้านหลัง พร้อมกับก้าวตามขึ้นไปด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราดไม่คิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะค่อนข้างดื้อและไม่เชื่อฟังคำสั่งเขาเอาเสียเลย “อย่าทำให้ฉันโกรธมากไปกว่านี้นะน้ำพราว เพราะฉันไม่แน่ใจว่าจะสะกดกลั้นโทสะและทำตามคำที่พูดไปเมื่อครู่ได้หรือเปล่า” บุษย์น้ำพราวที่ตอนนี้กลัวจนแทบจะไม่เหลือความกลัวอีกแล้ว รีบลุกขึ้นนั่นตัวตรงหน้าเชิด เธอหันมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความเกรี้ยวกราด เมื่อหนีไม่ได้ ตอนนี้ก็มีเพียงอย่างเดียวคือต้องสู้และสู้ให้ถึงที่สุด ผู้ชายคนนี้จะได้รู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะย่ำยีร่างกายและศักดิ์ศรีของเธอ! สีหราชยิ้มไม่คิดว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนความกลัวที่มีให้เป็นความกล้า ดูซิ หน้าเชิดขึ้นจนคอแทบจะหักแบบนี้ซิถึงจะเหมาะกับการเป็นหลานสะใภ้ของคุณหญิงอมราสักหน่อย ไอ้แบบที่อ่อนแอเหยาะแหยะนั่นไม่นานก็คงจะถูกไล่ออกจากบ้าน 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม