พอกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่ซินเหมยก็เริ่มเสนอข้อตกลงในการทำงานทันที นางนึกโกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่รู้จักคิด หลังจากจัดการสาวใช้ของคุณหนูปากร้ายแล้ว จึงค่อยตระหนักได้ว่า คงไม่มีใครคอยควบคุมดูแลเรื่องการดื่มยาของคุณชายเจ้าสำอาง และนั่นทำให้หน้าที่ดังกล่าว ตกเป็นของนางไปโดยปริยาย
“ข้าอยากจะตกลงเรื่องการทำงานให้เข้าใจตรงกัน ช่วงเช้าข้าจะแวะเข้ามาตรวจสอบดูแลให้คุณชายดื่มยา ทำหน้าที่แทนเสี่ยวถิงที่ข้าช่วยท่านกำจัดไปให้พ้นทาง แล้วจึงจะกลับไปช่วยพี่เหยียนทำงานที่แปลงผัก ก่อนหมดเวลาพักกลางวันก็จะแวะมาตรวจดูท่านอีกครั้งหนึ่ง ส่วนช่วงเย็นคุณชายคงจะต้องดูแลตนเอง...”
“ฟังดูแล้วมิค่อยเข้าท่านัก”
คุณชายโจวขัดก่อนที่นางจะกล่าวจบ
“ฟังดูแล้วมิเข้าท่า แล้วคุณชายอยากให้ข้าทำอย่างไรหรือเจ้าคะ” นางเอียงคอถาม ขมวดคิ้วเรียวสวยจนแทบจะจรดกัน
“ความจริงข้าเป็นคนกินยาก เสี่ยวถิงต้องคอยกดดันให้ข้ายอมกินอยู่ตลอด แต่วันนี้ได้นั่งกินข้าวกับซินเหมยแล้วกลับรู้สึกเจริญอาหารขึ้นหลายส่วน จากนี้ไปจึงอยากจะรบกวนเจ้าให้กินอาหารเป็นเพื่อนข้า ทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวัน ส่วนเรื่องงานก็ให้มาทำเสียในช่วงเช้า เพราะยาหลังอาหารกลางวันทำให้ข้ารู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น ตั้งสมาธิทำงานได้ไม่ดีนัก”
“เรื่องสลับเวลาให้ช่วยงานคุณชายในช่วงเช้า และช่วยงานพี่เหยียนในช่วงบ่ายนั้นข้าเห็นด้วย แต่เรื่องกินข้าวด้วยกันทั้งสองเวลา ข้าเห็นว่าไม่ค่อยสมควรนัก คุณชายอย่าลืมสิเจ้าคะ ว่าข้าเป็นเพียงคนสวน หาใช่สหายที่คู่ควรต่อการคบหาของท่านไม่”
“แค่มื้อเช้าได้หรือไม่ มื้อเช้าเจ้ามากินกับข้า”
โจวเล่อเทียนอยากจะกัดลิ้นของตนให้ขาด เพราะคำขอที่กล่าวออกไปนั้น สื่อความหมายได้มากกว่าการรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน แต่พอเห็นว่านางมิได้มีท่าทีเกรี้ยวกราด เขาก็ค่อยรู้สึกสบายใจ และรอฟังคำตอบอย่างมีความหวัง
“ย่อมได้ แต่แค่มื้อเช้าเท่านั้นนะเจ้าคะ ข้าไม่อยากให้คนอื่นติฉินนินทาเอาได้ว่าข้าตีตนเสมอนายจ้าง”
“ซินเหมย เรื่องเมื่อวานข้าต้องขอบคุณอย่างมาก หากเจ้าไม่ยื่นมือเข้าช่วย เสี่ยวถิงก็คงจะยังยืนจ้องข้า จนกินอะไรไม่ลงอีกตามเคย เรื่องของฮุ่ยเหอเองก็เช่นกัน ข้าต้องขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเปลืองตัว แสร้งแสดงว่าเป็นคนรักเพื่อให้นางยอมรามือ”
“เรื่องนี้คุณชายมิจำเป็นต้องขอโทษ เพราะข้ายินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อกวนประสาทนาง ความจริงข้ากับนางเคยพบกันมาก่อน และไม่ใช่การพบกันที่น่าประทับใจนัก”
หลี่ซินเหมยเล่าเรื่องที่นางขอทำงาน ตามประกาศที่ติดไว้หน้าร้านของเถ้าแก่สกุลหวัง แต่สุดท้ายกลับถูกตวาดไล่ ราวกับว่านางเข้าไปขอทาน มิใช่ของานทำ
ผู้ที่ตวาดไล่ก็มิใช่ใครอื่น คือคุณหนูหวังฮุ่ยเหอ
“หากคุณชายอยากจะกำจัดนางไปให้พ้นทาง ซินเหมยคนนี้ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อให้คุณชายได้สมหวัง ว่าแต่คุณชายมีเหตุผลอันใดที่ทำให้ไม่พึงใจในตัวนางหรือเจ้าคะ”
“นางเห็นแก่ตัวและชอบเอาเปรียบผู้คนที่กำลังลำบาก แต่ที่ข้ายังยอมให้นางเข้าพบทุก ๆ สิบห้าวัน นั่นก็เพราะท่านพ่อออกคำสั่ง ทั้งยังบังคับให้ต้อนรับขับสู้กันให้ดี เผื่อว่าจะได้ครองคู่กันในอนาคต แต่เรื่องหัวใจบังคับกันหาได้ไม่ เจ้าเองก็น่าจะทราบดีด้วยตนเองแล้วว่า หวังฮุ่ยเหอไม่ใช่สตรีนิสัยน่ารัก จะให้ข้าฝืนใจนิยมชมชอบนางก็คงจะทำไม่ได้โดยง่าย”
โจวเล่อเทียนเผยความในใจ ความจริงการกล่าวร้ายสตรีทั้งลับหลังและต่อหน้า ล้วนมิใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษสมควรกระทำ ทว่าเมื่อวานหลี่ซินเหมยเองก็เห็นชัดเป็นประจักษ์พยานแล้วว่า คุณหนูสกุลหวังมิใช่กุลสตรีนิสัยน่ารักดั่งที่เขาว่าจริง ๆ
“แต่ดูท่าทางคุณหนูหวังจะชอบคุณชายมากเลยนะเจ้าคะ หลายวันก่อนข้ากับพี่เหยียนแวะไปซื้อสมุนไพรที่ร้านในเมือง นางทำหน้าหยามเหยียดราวกับข้าและพี่เหยียนคือถังปุ๋ยสกปรก แต่พออยู่ต่อหน้าคุณชายแล้ว นางกลับอ่อนลงอยู่หลายส่วน”
ทว่าโจวเล่อเทียนกลับได้ยินแค่คำว่า...พี่เหยียน
“เจ้าดูท่าจะสนิทกับอาเหยียนมาก” โจวเล่อเทียนกล่าวเสียงเรียบ รับยาบำรุงจากบ่าวมาดื่มโดยไม่อิดออด
“เป็นดั่งที่คุณชายว่าจริง ๆ ในแปลงผักหลวงแห่งนี้ ข้าสนิทสนมกับพี่เหยียนมากที่สุดแล้ว จริงสิ ข้าขอตัวออกไปแจ้งต่อพี่เหยียนก่อนนะเจ้าคะ ว่าหลังจากนี้ข้าจะช่วยงานในแปลงผักเฉพาะช่วงบ่ายเท่านั้น” นางกล่าวขอบคุณสำหรับอาหารมื้ออร่อย ก่อนจะวิ่งแจ้นออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
หลี่ซินเหมยมิรู้ตัวเลยว่าได้ทำให้หัวใจของบุรุษเจ้าสำอางสับสนอย่างหนักเสียแล้ว
“เหตุใดข้าจะต้องสนใจ ว่านางจะเรียกอาเหยียนว่าอย่างไรด้วย เขาแก่กว่านางถึงห้าปี ขานเรียกกันว่าพี่เหยียนก็สมควรแล้วมิใช่หรือ” โจวเล่อเทียนพยายามใช้เหตุผล มิปล่อยให้ตนอารมณ์เสียเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เขาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง...คุณชายโจวรู้สึกน้อยใจในวาสนาของตนอย่างมาก
ทว่าพอหลี่ซินเหมยวิ่งกลับเข้ามาในบ้าน ความน้อยใจที่แล่นพล่านอยู่ทั่วทั้งอก กลับสงบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์!
นางสอบถามกับบ่าวว่าเก็บยาบำรุงของคุณชายไว้ที่ใดและต้องใช้ปริมาณเท่าใดบ้าง โจวเล่อเทียนสังเกตเห็นนางทำหน้าประหลาดใจ หลังจากดมกลิ่นยาสมุนไพรที่ปรุงโดยเถ้าแก่หวังโหย่งเจา แต่ในเมื่อนางมิได้กล่าวอันใด เขาจึงเดาเอาว่าโฉมงามมิค่อยชอบอยู่ใกล้ยาสมุนไพรที่มีกลิ่นแรงนัก
“วันนี้ซินเหมยลองดูสมุดบัญชีและบันทึกต่าง ๆ ให้ชำนาญก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานจึงจะเหมาะ”
“คุณชายจะให้ข้าทำงานที่ใดหรือเจ้าคะ”
หลี่ซินเหมยมองไปโดยรอบ ให้ทำงานในห้องครัวหรือห้องรับรองแขก ล้วนแต่ไม่เหมาะสม ไม่ต้องพูดถึงห้องนอนของคุณชายที่นางลืมตัวบุกเข้าไปเมื่อวาน การกระทำเช่นนั้นไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง และขัดต่อความเป็นกุลสตรีที่ดีอย่างมาก
“สมุดบัญชีพวกนี้สำคัญมาก คงอนุญาตให้นำออกนอกตัวบ้านไม่ได้” เขารีบหาเหตุผลเพื่อให้นางยอมอยู่ใกล้ ๆ กัน
“ไม่ต้องอธิบายยืดยาว บอกมาว่าต้องทำที่ใดก็พอแล้วเจ้าค่ะ” หลี่ซินเหมยเอ่ยเสียงเรียบ
“ในห้องทำงานของข้า” สตรียิ้มยากกวาดเอาสมุดบัญชีและบันทึกต่าง ๆ ตรงเข้าไปในห้องทำงานหลังจากได้รับคำตอบ
โจวเล่อเทียนถูกนางดุอีกแล้ว
ทว่าวันนี้เขากลับไม่รู้สึกขุ่นข้องหมองใจเลยแม้แต่น้อย...
ข่าวลือเรื่องคุณชายนิยมชมชอบในบุรุษเพศเริ่มมิใช่หัวข้อสนทนาหลัก หลี่ซินเหมยหายตัวเข้าไปทำงานกับคุณชายในบ้านตลอดช่วงเช้าได้ราวสองเดือนเศษแล้ว เหล่าคนสวนต่างก็พากันกล่าวว่าเสียดายความงามของน้องสาวซินเหมย เพราะหากคุณชายพึงพอใจในตัวนางจริง นั่นก็หมายความว่าโฉมงามขวัญใจแปลงผักหลวงคงจะได้คู่ครองที่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง
นอกจากความร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในเมืองเฉินหยาง