โจวเล่อเทียนตกใจที่ถูกตะคอกและข่มขู่ เขาถอยหลังราวสามก้าวเพราะถูกสตรีใจร้าย ใช้ความสกปรกบังคับให้ต้องหลบหนี และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง คุณชายเจ้าสำอางก็พลันลื่นตกลงไปในบ่อน้ำใสสะอาด ทว่าเขามิใช่คนเดียวที่ตกลงไปในนั้น
คุณชายเจ้าของแปลงผักคว้าตัวของหลี่ซินเหมยลงไปด้วย...
เสียงน้ำในบ่อแตกกระจาย เพราะสองร่างที่ตกลงไปพร้อมกันมิได้มีน้ำหนักเบา หลี่ซินเหมยสำลักน้ำอยู่ชั่วขณะ เพราะบ่อนั้นลึกจนเกือบจะท่วมศีรษะ นางรู้สึกได้ว่าคุณชายดึงตัวเข้าไปใกล้ และเอวคอดก็ถูกกอดเสียแน่น
เมื่อตั้งสติได้แล้ว หลี่ซินเหมยจึงหยุดดิ้นและยืนนิ่งบนรองเท้าของเพื่อนร่วมชะตากรรม
ใบหน้าของนางและคุณชายห่างกันเพียงเส้นขนตาเดียว...
หลี่ซินเหมยทราบดีว่าตนตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนมากเพียงใด นางจึงแกล้งตวาดเสียงดัง ก่อนจะขยับตัวออกห่าง
“ท่านปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” ทว่าขยับตัวเพียงนิดเดียวก็แทบจะจมน้ำ โฉมงามจึงจำยอมให้บุรุษตัวสูงกอดเอวนางไว้แน่น
โจวเล่อเทียนเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าไปยังทางขึ้นที่อยู่อีกฝั่ง ใบหน้าของเขาแดงจัด บอกได้ยากว่ากำลังป่วยไข้หรือเป็นอะไรแน่
“คอเสื้อของเจ้าจะหลุดแล้ว”
คุณชายเจ้าสำอางรีบเสมองไปทางอื่น ปล่อยให้หลี่ซินเหมยจัดการกระชับคอเสื้อให้เรียบร้อยดังเดิม
“เพราะความไม่รู้จักฟังใครของท่านผู้เดียวที่ทำให้เราตกอยู่ในสภาพไม่น่ามองเช่นนี้!” หลี่ซินเหมยถูกดันตัวขึ้นไปบนพื้นดิน นางอยากจะช่วยคุณชายให้ขึ้นมาบนฝั่ง ทว่าเขากลับไม่ต้องการความช่วยเหลือ และเหวี่ยงตัวเองตามขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว
“เจ้าเป็นผู้คุกคามข้าจนลื่นไถลตกน้ำแท้ ๆ ไยจึงยังกล้าโทษว่าข้าเป็นผู้ผิด” โจวเล่อเทียนมิยอมสบตาขณะโต้แย้ง
“คุณชายนั่นแหละที่ผิด ผิดที่คิดเองเออเองว่าข้าทำตามคำสั่งเพราะความสงสาร เหตุใดจึงไม่คิดบ้าง ว่าข้าอยากจะตอบแทนเรื่องการทำแผล หรือเรื่องที่ฝากให้พี่เหยียนคอยดูแล เหตุใดจึงไม่คิดบ้าง ว่าข้าอยากจะตอบแทนเรื่องที่ท่านยอมแบ่งพื้นที่บริเวณนี้ให้ข้าได้ปลูกสมุนไพรตามใจชอบ คุณชายเจ้าคะ สำหรับซินเหมยแล้ว คุณชายมิได้จัดอยู่ในกลุ่มคนที่น่าสงสารหรอกนะเจ้าคะ เพราะคนที่ลำบากกว่าคุณชายยังมีอีกมาก”
“เจ้าไม่สงสารข้าก็ดีแล้ว” โจวเล่อเทียนมองไปทางซ้ายสลับขวา ท่าทางคล้ายอยากจะกลับเข้าบ้านเสียเต็มที
“เป็นถึงคุณชายเจ้าของแปลงผักหลวง เหตุใดยามสนทนากันจึงทำตัวเสียมารยาท ไม่ยอมมองหน้าข้า”
“มองไม่ได้...”
“เหตุใดจึงมองไม่ได้! ข้าหน้าตาน่าเกลียดนักหรือเจ้าคะ!” หลี่ซินเหมยเริ่มมิพอใจ ต่อให้นางมิใช่หญิงงามล่มเมือง ทว่าก็คงมิได้อัปลักษณ์จนถึงขั้นทนมองหน้ากันมิได้กระมัง
“มิใช่เช่นนั้น! เจ้าแค่...”
“แค่อะไรกัน!”
ทว่ายังมิทันได้คำตอบ เสียงกรีดร้องโวยวายก็ดังลั่นแปลงผักหลวง หลี่ซินเหมยรีบยกมือปิดหูทั้งสองข้าง และคุณชายที่มีสภาพเปียกปอนไม่ต่างกันก็รีบหลับตาและยกมือปิดหูด้วยอีกคน
หวังฮุ่ยเหอได้รับรายงานจากสาวใช้ ว่าคุณชายโจวจ้างสตรีเข้าทำงานในแปลงผัก เดิมทีนางก็มิได้สนใจ เพราะอย่างไรตนเองก็เป็นคนโปรดของท่านอาโจวหงเหลียง และได้รับความไว้วางใจให้ดูแลสุขภาพของว่าที่คู่หมายมานานกว่าสามปีแล้ว
หวังโหย่งเจา รับทำหน้าที่ปรุงยาบำรุงร่างกายให้กับคุณชายโจว หลังจากอาการป่วยเริ่มทวีความรุนแรง ชายชราคือผู้ช่วยชีวิตคุณชายตัวน้อย ยามสิ้นสติอยู่หน้าร้านขายสมุนไพร
ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะเมินเฉย ทว่าพอสังเกตเห็นเครื่องแต่งกายก็เปลี่ยนใจให้ความช่วยเหลือ เพราะทราบดีว่าคุณชายที่กำลังลำบาก ต้องมาจากครอบครัวที่มีฐานะ
เขาจัดการปรุงยาราคาแพงบำรุงสุขภาพ และนำขึ้นมาส่งบ้านที่อยู่ในแปลงผักหลวงทุก ๆ สิบห้าวัน ทว่าหลายปีให้หลังสังขารร่วงโรย เดินไปไหนมาไหนก็มิค่อยสะดวก หวังโหย่งเจาจึงมอบหมายหน้าที่ให้กับบุตรสาวเพียงคนเดียวแทน และนั่นก็นับว่าสมกับความปรารถนาของนางอย่างมาก
ลูกสาวเจ้าของร้านขายสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเฉินหยางเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง เรื่องจะให้คบหากับพ่อค้าธรรมดาย่อมมิใช่ตัวเลือกของนาง กระทั่งสหายหรือก็มีน้อย เพราะนางเลือกคบหาคนอย่างมาก ฐานะต่ำกว่าก็มิยอมสนทนาด้วย หรืองดงามมากกว่าเพียงครึ่งส่วนก็มิอยากมองหน้าแล้ว
เรื่องคู่ครองย่อมต้องเป็นผู้ที่มีฐานะดีกว่าหรือเสมอนาง และในเมืองนี้ก็มีเพียงสกุลโจวเท่านั้นที่ร่ำรวยเหนือกว่า
หวังฮุ่ยเหอใช้มารยาออดอ้อนท่านอาโจวหงเหลียงจนใจอ่อน นางอ้างเรื่องสุขภาพของคุณชายและขออนุญาตให้เสี่ยวถิงคอยดูแลเรื่องดื่มยาให้ตรงต่อเวลา เพื่อมิให้อาการของเขาต้องทรุดหนักเฉกเช่นเมื่อหลายปีก่อน
แน่นอนว่าโจวเล่อเทียนยอมทำตามคำสั่งของบิดาอย่างมิเต็มใจนัก ทว่าก็บังคับให้เสี่ยวถิงรับค่าจ้างรายเดือนเช่นเดียวกับลูกจ้างของแปลงผัก เขากล่าวชัดเจนต่อหวังฮุ่ยเหอว่าไม่ต้องการติดหนี้บุญคุณกันต่อไปในอนาคต
พอได้ความว่าสตรีที่คุณชายโจวจ้างมานั้นมีความงามอยู่ในระดับหนึ่ง นางก็เริ่มมิค่อยไว้วางใจ ทว่าก็ยังต้องสงวนท่าที มิกล้าบุกไปยังแปลงผักเพื่อดูให้เห็นกับตา
หลายวันที่ผ่านมานางสบายใจอยู่มาก เพราะเสี่ยวถิงรายงานว่าคุณชายมิได้ก้าวขาออกจากบ้าน ส่วนลูกจ้างสตรีนางนั้นก็มิได้มีทีท่าชื่นชอบคุณชายอย่างที่คาดเดากันตั้งแต่แรก
แต่พอทราบเรื่องว่านางนั้นใช้เวลาส่วนมากเรียนรู้งานกับหัวหน้าคนสวนนามว่าอาเหยียน หวังฮุ่ยเหอจึงตระหนักได้ในทันทีว่า ลูกจ้างใหม่ของแปลงผักหลวง คือหญิงงามที่ถูกปฏิเสธและมิได้รับการว่าจ้าง ให้ทำงานในร้านสมุนไพรเมื่อหลายวันก่อน และพอนางย้อนกลับมาพร้อมกับอาเหยียนสามวันให้หลัง หวังฮุ่ยเหอก็กลั่นแกล้งจำหน่ายสมุนไพร ในราคาที่แพงกว่าเดิมเกือบสองเท่าตัว
ทว่าสิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือสตรีนางนั้นมีรูปโฉมที่งามเหนือคุณหนูสกุลหวังอยู่หลายส่วน!
“เหตุใดท่านพี่จึงเปียกปอนเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ” หวังฮุ่ยเหอข่มความโกรธ และสั่งให้เสี่ยวถิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไปจัดการเตรียมเสื้อผ้าให้คุณชายเจ้าสำอางได้ผลัดเปลี่ยน
“ไม่ต้องยุ่งกับข้าวของส่วนตัวของข้า ซินเหมย เจ้าช่วยไปเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้ข้าผลัดเปลี่ยนได้หรือไม่” โจวเล่อเทียนเปลี่ยนมายิ้มกว้างให้กับโฉมงามที่เปียกโชกไม่แพ้กัน
“ที่กล่าวขอมาล้วนเป็นเรื่องส่วนตัว คุณชายอยากได้เสื้อผ้าชุดใหม่ก็จัดการเองสิเจ้าคะ” หลี่ซินเหมยทำหน้าบูดบึ้ง นางไม่เคยเข้าไปในห้องของเขา จะไปรู้ได้อย่างไรว่าห้องของคุณชายอยู่ที่ใด หรือเก็บอะไรไว้ที่ไหนบ้าง
“ซินเหมย เจ้าทำข้าเปียกทั้งตัวก็ควรจะต้องรับผิดชอบมิใช่หรือ” คุณชายเจ้าสำอางกล่าวเสียงนุ่มทุ้ม พลางขยับตัวเข้าใกล้ เขาขยิบตาเป็นเชิงร้องขอให้นางเล่นไปตามบทบาท
หลี่ซินเหมยเข้าใจได้ในทันทีว่าคุณชายต้องการสิ่งใด ทว่ายังมิทันจะได้ตรงเข้าไปประคองคุณชายเจ้าสำอาง นางก็ถูกคำของแขกมิได้รับเชิญขัดขวางเข้าเสียก่อน
“ที่แท้เจ้าทำท่านพี่ตกน้ำ! หากท่านพี่ไม่สบายจะรับผิดชอบอย่างไรไหว เสี่ยวถิง! รีบตบสั่งสอนมันเดี๋ยวนี้!”
“บังอาจ! กล้าดีอย่างไรมาออกคำสั่งทำร้ายคนของข้า!”
โจวเล่อเทียนรีบหมุนตัวนางเอาไปซ่อนไว้เบื้องหลัง ป้องกันมิให้สาวใช้รูปร่างสูงใหญ่ทำร้ายร่างกายนางให้มีบาดแผล
การกระทำเช่นนั้นทำให้หลี่ซินเหมยหัวใจสั่นระรัว นางมิได้กลัวว่าจะถูกทำร้าย ทว่าก็ปลาบปลื้มใจที่คุณชายปกป้องกันให้พ้นจากปัญหา แม้ปัญหานั้นจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามที
“คนของข้า ท่านพี่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
คุณหนูสกุลหวังตวัดเสียงถามอย่างไม่เกรงใจ
“ข้าชอบนาง นางชอบข้า ที่เปียกกันทั้งคู่ก็เพราะว่าข้าอยากจะเล่นน้ำคลายร้อนกับนาง เจ้าควรจะสอบถามให้แน่ชัด ไม่ใช่เอะอะก็สั่งให้บ่าวไพร่ลงมือ ทำตัวไร้มารยาท”
น้ำเสียงเย็นชาฉบับคุณชายโจว สงวนไว้มอบให้กับสตรีอย่างหวังฮุ่ยเหอเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ท่านพี่จะหลอกเรื่องอันใดฮุ่ยเหอก็หลอกได้ แต่หากจะหลอกว่าท่านพี่ลดตัวลงไปคบหากับคนสวนชั้นต่ำ ฮุ่ยเหอไม่เชื่อหรอกนะเจ้าคะ” หวังฮุ่ยเหอยิ้มเหยียด ไม่เชื่อคำโป้ปดของคุณชายแม้เพียงครึ่งส่วน
“คุณชายอย่าใส่ใจเสียงนกเสียงกาเลยนะเจ้าคะ เราสองคนรีบกลับเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่า” หลี่ซินเหมยสอดแขนประคองคุณชาย พลางโปรยยิ้มที่คิดเอาเองว่าหวานที่สุดแล้ว
“สตรีหน้าด้าน ไม่รู้จักอาย!” หวังฮุ่ยเหอเห็นภาพบาดตา ย่อมอดทนมองมิได้อีก
“ผู้ที่ควรอายคือผู้ที่บุกเข้าบ้านของผู้อื่นโดยไม่ได้รับเชิญต่างหากเล่า” หลี่ซินเหมยยิ้มเยาะ
“นี่เจ้า!”
“เรียกเจ้า เจ้า อยู่ได้ ข้ามีนามว่าหลี่ซินเหมย และที่สำคัญ ข้ากับคุณชายมิได้หูหนวก เจ้า...จึงไม่จำเป็นต้องตะโกน!”
คุณชายเจ้าของแปลงผักตระหนักได้ว่าเหตุการณ์กำลังจะเลยเถิดไปไกล เขาจึงกระแอมเล็กน้อยเพื่อเตือนให้สตรีทั้งสองนางได้สติขึ้นมาบ้าง
ความจริงแล้วเขาควรจะแกะมือหลี่ซินเหมยออก เพราะการถูกเนื้อต้องตัวระหว่างชายหญิงที่มิใช่สามีภรรยากัน มิใช่เรื่องเหมาะสม ทว่าโจวเล่อเทียนกลับยังยืนนิ่ง มิได้ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณี
เขาชอบให้หลี่ซินเหมยถูกเนื้อต้องตัว...
“ฮุ่ยเหอ ยังมิทันครบกำหนดสิบห้าวัน เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่”
“ข้าผ่านมาทางนี้จึงแวะมาเยี่ยมเยียน ท่านพี่อย่าได้มีโทสะเลยนะเจ้าคะ”
หวังฮุ่ยเหอรีบเปลี่ยนน้ำเสียงเกรี้ยวกราดให้อ่อนลงราวเก้าส่วน บุรุษที่นางหมายปองควรได้เห็นแค่เพียงด้านดี มิใช่ด้านแย่ที่เผลอตัวแสดงให้เห็นเช่นเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“วันนี้ข้ามีธุระ ไม่สะดวกส่งแขก เจ้ากลับไปก่อนเถิด”
โจวเล่อเทียนตัดบทสนทนา เพราะเกรงว่าการอยู่นอกบ้านนาน ๆ จะทำให้อาการป่วยไข้กำเริบขึ้นได้
“เจ้าค่ะ เอาไว้โอกาสหน้าข้าจะมาเยี่ยมท่านพี่อีกครั้ง และหวังว่าจะไม่มีพวกเหลือบไรคอยรบกวน”
“จริงสิเจ้าคะคุณชาย ความจริงเราสองคนตั้งใจว่าจะแจ้งเรื่องสำคัญต่อคุณหนูหวังในอีกหลายวันข้างหน้า แต่ไหน ๆ คุณหนูก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนแล้ว เราควรจะจัดการธุระให้แล้วเสร็จ ถูกต้องหรือไม่เจ้าคะ”
“เรื่องสำคัญอันใดหรือซินเหมย” โจวเล่อเทียนตามความว่องไวนางมิทันแล้ว
“ก็เรื่องของเสี่ยวถิงอย่างไรล่ะเจ้าคะ”
นางไม่รอช้ารีบกล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้จะทำหน้าที่ดูแลคุณชายด้วยตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องรบกวนสาวใช้ของคุณหนูสกุลหวังอีก ทางด้านโจวเล่อเทียนก็รีบเออออพยักหน้าเห็นด้วย ทำราวกับว่าได้สนทนาเรื่องนี้กันอย่างถี่ถ้วนแล้ว
คุณหนูสกุลหวังทนฟังอีกมิได้ นางจึงรีบออกคำสั่งให้สาวใช้เสี่ยวถิงตามกลับบ้านด้วยทันที!
หลี่ซินเหมยยิ้มกว้างสะใจที่ได้แก้แค้นสตรีเห็นแก่ตัวอย่างหวังฮุ่ยเหอ นางเองก็ปลูกและจำหน่ายสมุนไพรมาก่อน ไหนเลยจะใสซื่อจนไม่รู้ว่าสมุนไพรที่จำต้องซื้อให้ท่านย่าในวันนั้น ถูกโก่งราคาอยู่หลายส่วน ยังไม่นับเรื่องการพูดจาหมิ่นเกียรติ ยามนางขอทำงานในร้านขายสมุนไพรนั่นอีก
“เจ้าปล่อยแขนข้าได้แล้ว” พออยู่ตามลำพังกับหลี่ซินเหมย โจวเล่อเทียนก็มิยอมสบตานางดังเดิม
“คุณชาย ท่านเป็นอะไรไป เหตุใดจึงหน้าแดงจัด แล้วเหตุใดจึงไม่ยอมมองหน้าข้าอีกแล้ว” นางยอมปล่อยแขนของคุณชายเจ้าสำอางให้เป็นอิสระ ในเมื่อคุณหนูมารยาททรามไม่อยู่แล้ว นางก็ไม่จำเป็นจะต้องแสดงละครอีก
“วันนี้เจ้าถามเก่งยิ่งนัก ที่ผ่านมาไม่เคยพูดจาสอบถามผู้อื่นหรืออย่างไร” คุณชายเจ้าสำอางกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าบ้าน อีกไม่เกินครึ่งชั่วยาม ฟ้าก็คงจะมืดแล้ว
“คุณชายอย่าเพิ่งไป ให้ข้าตรวจดูอาการก่อน”
นางวิ่งตามเข้าไปในบ้าน ความกังวลทำให้นางลืมระวังตัว ตามคุณชายเจ้าสำอางเข้าไปถึงห้องนอน เขาออกคำสั่งให้บ่าวชราช่วยเตรียมน้ำอาบเพื่อชำระร่างกาย พอได้อยู่กันตามลำพัง โจวเล่อเทียนก็ถูกลากให้ไปนั่งบนเก้าอี้
หลังจากตรวจสอบอาการตามที่บิดาเคยสอนสั่งอย่างละเอียด หลี่ซินเหมยก็สรุปได้ว่าคุณชายมิได้มีอาการน่าเป็นห่วง นางมองดูเขาเดินไปยังหีบเสื้อผ้าเล็ก ๆ ที่อยู่มุมห้อง ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าเก่าสองสามชุดมามอบให้
“เพิ่งจำได้ว่าเสื้อผ้าที่เจ้าสวม คือชุดของข้ายามอายุยังน้อย ซินเหมยเปลี่ยนชุดที่ห้องตรงนู้นแล้วรีบกลับบ้านก่อนจะมืดค่ำเถิด”
โจวเล่อเทียนวางชุดไว้บนโต๊ะ และสาวงามก็ไม่รอช้าที่จะหยิบคว้านำมาเป็นของตน
“ขอบคุณคุณชายสำหรับเสื้อผ้า แต่ข้าจะไม่กลับบ้าน จนกว่าคุณชายจะบอกว่าเหตุใดจึงมิยอมมองหน้ากัน”
หลี่ซินเหมยยามดื้อดึงก็ดื้อดึงมิเป็นรองผู้ใด นางยอมยืนรอคำตอบในห้องนอนของเขาทั้งคืน จนกว่าจะได้ฟังในสิ่งที่ต้องการ
“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว...”
“ก็ตอนนั้นข้าไม่ได้ยิน”
“เจ้าแค่...” โจวเล่อเทียนกระแอมเบา ๆ มิเข้าใจนักว่าเหตุใดจึงขัดใจนางมิค่อยได้
“ท่านเจ็บคอหรืออย่างไร เหตุใดจึงพูดเบานัก!”
“ซินเหมย เจ้าแค่งามมากเกินไป และข้าไม่สะดวกใจที่จะมองหน้าของเจ้า!”
โจวเล่อเทียนเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องนอนเพราะความอาย เขายอมยืนทนให้รอบ่าวจัดการเทน้ำจนกระทั่งแล้วเสร็จ แต่ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ คุณชายเจ้าสำอางก็ย่องเดินกลับเข้าไปมองในห้องนอนของตน
ปรากฏว่าโฉมงามที่เขาทนมองหน้ามิได้นั้นไม่อยู่แล้ว
หากหัวขโมยแปลงผักหลวงมิกลั่นแกล้งเขาจนตกน้ำไปด้วยกัน โจวเล่อเทียนก็คงมิทราบว่านางมีรูปโฉมที่งดงามอย่างมาก ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาประทับในตัวของหลี่ซินเหมยกลับมิใช่แค่เรื่องความงาม
ความหาญกล้าต่อปากต่อคำของนางต่างหากที่ทำให้หัวใจของโจวเล่อเทียนเต้นแรงแทบคลั่ง!