หลายวันที่ผ่านมาอากาศค่อนข้างดี บนท้องฟ้าปรากฏกลุ่มเมฆค่อนข้างหนาแน่น และนั่นทำให้แสงแดดมิได้ทรมานเหล่าคนสวนของแปลงผักหนักหนาเช่นตลอดฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยปกติแล้วช่วงเวลานี้คุณชายโจวมักจะออกมาดูงานในแปลงผัก ด้วยมิต้องกังวลเรื่องความเจ็บป่วยที่มีสาเหตุมาจากอากาศร้อนจัด ทว่าเหล่าคนสวนก็มิได้แปลกใจที่คุณชายเจ้าสำอางยังคงเก็บตัว เพราะหากพวกเขามีโอกาสก็คงจะเลือกใช้เวลาอยู่กับสาวงามไม่ต่างกัน
โจวเล่อเทียนสอบถามว่าแปลงปลูกสมุนไพรของนางคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว และก็ได้คำตอบว่าพื้นสำหรับการปลูกสมุนไพรนั้นกว้างขวางกว่าที่คิดไว้มาก เพราะคนสวนหลายคนชื่นชอบความขยันขันแข็งและความมีน้ำใจของหลี่ซินเหมย จึงอาสาช่วยกันลงแรงฟื้นฟูดิน ให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสำหรับการลงเมล็ดสมุนไพรนานาพันธุ์
โฉมงามเฉลยว่ามิกล้าใช้เวลางานทำเรื่องส่วนตัว จึงตั้งใจว่าวันหยุดในอีกสองวันข้างหน้า นางจะขอแวะเข้ามาลงเมล็ดพันธุ์ในช่วงบ่าย ซึ่งคุณชายโจวเล่อเทียนก็อนุญาต และถือโอกาสชักชวนนางให้รับประทานของว่างยามบ่ายร่วมกัน
‘เห็นแก่ความมีน้ำใจของคุณชาย ซินเหมยจะยอมดื่มชาเป็นเพื่อนสักหลายถ้วยนะเจ้าคะ’
‘เจ้าชอบชาอะไรหรือ ข้าจะได้ให้บ่าวไปจัดหาซื้อมาไว้ให้’
หากมิได้สนทนากันนอกเหนือจากเรื่องงาน หลี่ซินเหมยก็คงจะไม่ทราบว่าคุณชายใช้ชีวิตได้ไร้อิสระอย่างมาก อาหารการกินทุกอย่างถูกกำหนดโดยบิดา เพราะต้องระวังมิให้เขากินของที่มีฤทธิ์ร้อน กระทั่งการดื่มชาที่เข้มมากสักหน่อยก็ทำมิได้ พอได้ฟังเรื่องส่วนตัวของโจวเล่อเทียนมากเข้า โฉมงามจึงตั้งใจว่าจะช่วยทำให้คุณชายได้มีความสุขตามสมควร
เรื่องที่คุณชายเจ้าสำอางบอกว่าชอบนาง หลี่ซินเหมยมิได้ลืมและอมยิ้มได้อยู่เสียตั้งหลายวัน แต่จะให้ตอบรับไมตรีนั้นคงเป็นไปมิได้ นางตระหนักดีว่าคุณชายแค่ชื่นชอบกันเพราะความชิดใกล้ หาใช่เพราะความงามหรือความกล้าหาญดั่งปากอ้าง หากวันใดเขาได้พบสตรีอื่นที่คู่ควรก็คงจะลืมเลือนคำกล่าวไร้สาระนั่นไปเอง
ยามยังอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดเมืองนอน หลี่ซินเหมยก็พอมีคุณชายหลายบ้านแวะเวียนมาส่งจดหมายเกี้ยวพาราสีกันบ้าง ทว่าบิดาของนางกลับฉีกทิ้งเสียจนหมด หลี่ซือเฉินกล่าวว่าหากถึงเวลาที่บุตรสาวจะต้องออกเรือน เขาจะเป็นผู้จัดการหาเจ้าบ่าวที่เหมาะสมให้ด้วยตนเอง
ความจริงแล้วหลี่ซินเหมยควรจะออกเรือนตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน ทว่าชะตาชีวิตของคนเราไม่แน่นอน นอกจากนางจะไม่ได้แต่งเข้าสกุลดังแล้ว ยังต้องสูญเสียบิดาไปด้วยอีกคน
หลี่ซินเหมยน้อมรับตำแหน่งสาวเทื้อ เพราะมิต้องการให้ผู้ใดขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตของนาง
“เจ้าจัดการทุกอย่างเสร็จดีแล้วหรือ”
โจวเล่อเทียนเอ่ยถาม นางแวะเข้ามาจัดการแปลงสมุนไพรในวันหยุด ดั่งที่ขออนุญาตเอาไว้จริง ๆ
“เจ้าค่ะ วันนี้แค่หย่อนเมล็ดพันธุ์เท่านั้น มิได้มีเรื่องอันใดให้ต้องทำมาก” หลี่ซินเหมยวางห่อผ้าเล็ก ๆ ก่อนจะเอ่ยขอให้สาวใช้ นำน้ำร้อนมาให้สักหนึ่งกา
ความสุภาพของสาวงามทำให้ทุกคนในบ้าน ทำตามคำขอโดยไม่อิดออด ยิ่งทราบว่านางคือผู้ที่กำจัดเสี่ยวถิงไปให้พ้นหน้าพ้นตา บ่าวไพร่ในบ้านก็ยิ่งรักใคร่หลี่ซินเหมยมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
สาวใช้สกุลหวังมิใช่สตรีที่น่าคบหานัก
“ซินเหมย ข้า...ดื่มชาไม่ได้”
“คุณชายดื่มของที่มีฤทธิ์ร้อนไม่ได้ ชารสเข้มก็ดื่มมิได้ ซินเหมยจึงจัดการปรุงชาชนิดพิเศษให้กับคุณชายด้วยตนเอง”
“หากท่านพ่อทราบเข้าต้องเป็นเรื่องแน่”
โจวเล่อเทียนถูกตามใจแทบจะทุกเรื่องก็จริง ทว่านั่นมิได้รวมถึงเรื่องอาหารการกิน หรือสิ่งใดก็ตามที่จะทำให้อาการป่วยของเขากลับมาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง
“นายท่านห้ามคุณชายดื่มชารสแรง แต่มิได้ห้ามดื่มชาดอกไม้ที่ออกฤทธิ์เย็นมิใช่หรือเจ้าคะ”
“ชาดอกไม้หรือ” โจวเล่อเทียนคลายความกังวล เริ่มมองก้อนกลมเล็ก ๆ ที่นางนำมาอย่างสนใจ
“ความจริงซินเหมยตั้งใจว่าจะทำชาดอกไม้เก้าชนิดมาให้คุณชายลองชงดื่มดู ทว่าเวลากระชั้นอย่างมาก จึงทำได้เพียงสามชนิดเท่านั้น ลูกกลม ๆ สีขาวนั่นคือดอกโมลี่ฮวา สีชมพูอมแดงนั่นคือดอกเหมยกุ้ย ส่วนสีเหลืองนั่นคือดอกกุ้ยฮวา หากคุณชายชื่นชอบอันใดมากเป็นพิเศษ ข้าจะหาเวลาทำมาเพิ่มให้”
หลี่ซินเหมยอธิบายต่อไปอีกว่า หากลูกกลม ๆ ถูกน้ำสักครู่หนึ่งก็กลายเป็นดอกไม้ในบานในกาน้ำชา ทำเอาคุณชายผู้ไม่เคยเห็นอะไรแปลกตา ตื่นเต้นอย่างมาก
ยิ่งพอทราบว่าหลี่ซินเหมยชอบดื่มชาดอกไม้ด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งชื่นชอบและอยากดื่มมันมากกว่าเดิม
“ซินเหมยขอไปดูแปลงผักที่อยู่ฝั่งโน้นก่อนนะเจ้าคะ”
นางไม่รอคำอนุญาต รีบตรงไปยังแปลงผักที่อาเหยียนอนุญาตให้ทดลองปลูกพืชสวนครัวได้ตามใจชอบ
ราวสองเดือนก่อน คนสวนมือใหม่ลงเมล็ดพันธุ์พืชผักไม้เลื้อยหลายชนิด อันได้แตงกวา ถั่วลันเตา และบวบ พอเริ่มมีวี่แววว่าจะเจริญงอกงามดี หลี่ซินเหมยก็จัดการทำค้างผัก เช่นเดียวกับสมุนไพรหลายชนิดที่เคยปลูก และคาดหวังว่าจะได้ผลดีไม่ต่างกัน
มีเพียงอาเหยียนที่ทราบเรื่องว่าเมล็ดพันธุ์ที่นางนำมาปลูก คือเมล็ดพันธุ์ที่มีตำหนิและควรจะถูกคัดทิ้งไปเสียตั้งนานแล้ว ส่วนคุณชายเจ้าของแปลงผักนั้นมิได้ทราบด้วย จึงคิดไปว่านางต้องการตรวจสอบแปลงสมุนไพรอีกครั้ง ท่าทางตื่นเต้นกระตือรือร้นของนาง ทำให้โจวเล่อเทียนมีความสุขจนแทบกระอัก
ทว่าสุขใจอยู่ได้ไม่นาน นางมารร้ายก็ปรากฏตัว ทำลายความสุขของคุณชายเจ้าของแปลงผักหลวงจนได้
“เจ้ามาที่นี่มีธุระอะไร” เขากล่าวทักคุณหนูสกุลหวังอย่างเย็นชา มิเสียเวลาเหลือบมองสาวใช้ตัวอวบที่ตามติดมาด้วย
“เหตุใดท่านพี่จึงต้องทำตัวเหินห่าง ฮุ่ยเหอเพียงแค่หน้าที่คู่หมายที่ดี นำยาบำรุงมาให้ตามกำหนดเวลาก็เท่านั้น”
“ครบสิบห้าวันแล้วหรือนี่”
โจวเล่อเทียนส่ายหน้า ช่วงเวลาที่อยู่กับหลี่ซินเหมย ทำให้คืนวันเลื่อนผ่านเร็วกว่าปกติ เร็วจนกระทั่งลืมไปแล้วว่า วันนี้ครบกำหนดนัดหมายกับคุณหนูสกุลหวังแล้ว
“ท่านพี่เจ้าคะ อีกไม่กี่วันข้างหน้าท่านอาก็จะกลับมาแล้ว และท่านอาคงจะไม่พอใจนัก หากทราบว่าที่ท่านพี่มิยอมให้เสี่ยวถิงดูแล ข้าว่าท่านพี่รับนางไว้ดูแลดังเดิมจะเหมาะสมกว่านะเจ้าคะ”
“ข้ามีคนคอยดูแลดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรบกวนสาวใช้ของเจ้าอีก” โจวเล่อเทียนมองซ้ายขวา ใจหนึ่งก็อยากให้หลี่ซินเหมยจัดการพวกนาง อีกใจก็กลัวว่าโฉมงามจะทำเกินกว่าเหตุ
หลี่ซินเหมยมิใช่สตรีที่ยอมลงให้ผู้ใดโดยง่าย ยิ่งกับคุณหนูใจร้ายที่นางชิงชัง ยิ่งมิต้องเสียเวลาเอ่ยถึง
“ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ข้าแวะมาท่านพี่ถึงห้าครั้ง แต่กลับไม่พบเจอสตรีที่ทำหน้าที่ดูแลท่านพี่เลยแม้แต่เงา มิแน่ว่านางอาจจะไม่อยู่แล้ว มิแน่ว่าท่านพี่อาจจะ...กำลังโกหกข้า”
“หากมิลำบาก รบกวนคุณหนูถอนคำพูดกล่าวหาคุณชายด้วยนะเจ้าคะ” รอยยิ้มกว้างของนางนั้นโจวเล่อเทียนมิค่อยชอบ ด้วยปกติแล้ว ริมฝีปากบางได้รูปนั้นมักยิ้มน้อย ๆ เท่านั้น
หลี่ซินเหมยยิ้มกว้างเช่นนี้ มิใช่เรื่องดีแน่!
“เหตุใดจึงต้องถอนคำพูด ดูก็รู้ว่าพวกท่านทั้งสองมิได้รักใคร่ชอบพอกันจริง ๆ” นางหันไปยิ้มให้กับเสี่ยวถิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คล้ายต้องการคนช่วยยืนยันความเห็นของตน
หวังฮุ่ยเหอมิใช่คนโง่ เรื่องที่คุณชายมิปรารถนาที่จะตบแต่งกับนางนั้นมิใช่ความลับ เขาบอกชัดเจนว่าจะไม่มีวันแต่งนางเข้าสกุลโจว ยามนั้นคุณชายอายุยังน้อย และจำได้อย่างแม่นยำว่าตนได้รับการดูแลอย่างดี หลังจากเป็นลมล้มพับอยู่หน้าร้านขายสมุนไพรของหวังโหย่งเจา ทว่านั่นกลับมิใช่เรื่องเดียวที่โจวเล่อเทียนจำได้