ตุ๊บ ฉันวางจานข้าวก่อนจะเลิกคิ้วมองลูกปลาที่กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองโต๊ะข้างๆ
“แมวน้ำแกดูสิ” ฉันหันไปตามทิศที่ลูกปลาชี้ “นั่นพี่คินทร์กับพี่โยของดีคณะแพทย์เลยนะ กลุ่มนี้มีแต่งานดีเลย พี่ทีก็หล่อพี่ต้นรักษ์ก็เท่” ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นหนุ่มหล่อพันคะแนนคนนั้น
“เขาเป็นรุ่นพี่เหรอ”
“ใช่ พวกพี่เขาอยู่ปีสี่เป็นเพื่อนพี่ฉลาม” อย่าบอกนะว่านี่คือกลุ่มเพื่อนพี่ฉลามพี่ชายลูกปลา
“อ๋อ” ฉันเพียงพยักหน้าเข้าใจ ตรงข้ามกับหัวใจที่เต้นระทึกอย่างกับกำลังหนีเสือ
“พรุ่งนี้เป็นวันเกิดพี่คินทร์ฉันอยากไปจัง”
“ก็ขอพี่ฉลามไปด้วยสิ เขาเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
“เป็นความคิดที่ดี ลูกปลาจะยอมหน้าด้านวันหนึ่งคงไม่เป็นไร”
ขณะที่ฉันจะลุกเอาจานข้าวไปเก็บ รูปไอดอลเกาหลีที่ฉันดันเอาติดกระเป๋ามาด้วยปลิวไปตามแรงลม ไม่รอช้าฉันรีบวิ่งตามไปเก็บเมื่อรูปมันหล่นลงพื้น ระยะทางใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ ทว่า…
ในขณะที่ยื่นมือไปเก็บ มันเกิดอาการชะงักขณะที่จะก้มเก็บรูปดวงใจของฉัน สายตาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่บนรูปใบนั้นรองเท้าแบรนด์ดังที่ประทับอยู่บนหน้าดวงใจน้อยๆ มันทำให้อารมณ์พุ้งปรี๊ดทันที ฉันขบกรามแน่นเงยหน้ามองคนที่ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของดวงใจน้อยๆของฉันต้องเปื้อนไปด้วยดิน
“ขอโทษ ไม่ทันได้เห็น” ฉันอ้าปากค้างก่อนจะหัวเราะออกมาปกปิดด้านมืดของตัวเอง ผู้ชายตรงหน้าคือหนุ่มหล่อพันคะแนนคนนั้นและชื่อของเขาคือพี่คินทร์ที่ลูกปลาบอกเมื่อกี้
ฉันยกมือเกาปลายจมูกของตัวเองก่อนจะเผยยิ้มออกมาพร้อมกับกัดฟันพูด “ไม่เป็นไรค่ะ” พูดจบฉันก็ก้มเก็บรูปดวงใจน้อยๆของตัวเองก่อนจะยกขึ้นมาดู ก็พบว่ามันมีรอยรองเท้าของเขา ได้แต่กรี๊ดในใจแล้วกัดฟันยิ้ม
“มันคืออุบัติเหตุ ไม่ผิดค่ะ ไม่ผิดเลย”
ตกเย็น ฉันเดินขึ้นรถเมล์ตามปกติของการใช้ชีวิต ก่อนจะถูกเบียดไปชนกับใครคนหนึ่ง จนทำให้จมูกชนเข้ากับแพงอกกลิ่นหอมสะอาด ฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเจอพี่คินทร์ที่กำลังก้มมองมาที่ฉันเหมือนกัน นี่มันวันซวยของฉันใช่ไหม เจอเช้ากลางวันเย็นเลย อุตส่าห์ลืมเรื่องรูปแล้วนะ
ใจเย็นเข้าไว้ เขาหล่อมาก กุลสตรีไทยเขาไม่อารมณ์ร้อน
“ขอโทษค่ะ" ฉันผละออกจากเขาก่อนจะยืนจับเสาไว้แน่นเพราะจับราวไม่ถึง ว่าแต่ทำไมเขาได้ขึ้นรถเมล์ล่ะ ถ้าจะให้พูดในกลุ่มเพื่อนพี่ฉลามไม่มีใครจนเลยนะ โดยเฉพาะคนที่กำลังยืนจับราวตรงหน้าฉันที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของผู้หญิงบนรถตอนนี้ ค่ะ ยอมรับว่าหล่อ แต่คนอย่างแมวน้ำชอบผู้ชายยิ้มเก่งค่ะ อย่างเช่น แจ็คสันและพี่วีของน้อง
ฉันตื่นจากภวังค์ก่อนจะมองไปยังด้านหลังพี่คินทร์ ก็พบว่าเพื่อนของเขาที่ชื่อโยกำลังมองฉันอยู่เหมือนกัน มองแบบเหมือนจะฆ่าฉันอย่างงั้นแหละ รู้หน่า เห็นฉันเป็นแบบนี้แต่ฉันก็ฉีดยามาแล้วนะ ไม่ใช่สิ เราไม่ใช่หมาบ้าเสียหน่อย
เอี๊ยด หมับ!!
ในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จู่ ๆ รถก็เบรกกะทันหันทำให้ฉันเผลอปล่อยมือจากเสาแล้วเซไปตามแรงแบรกของรถ แต่มารู้ตัวอีกทีฉันยอมล้มไปนอนกลิ้งกับพื้นดีกว่าคว้าพี่คินทร์มากอด ฉิบหายแล้วยัยแมวน้ำ ดันเผลอไปกอดพี่เขา
เสียงกระแอมไอของพี่โยทำให้ฉันรีบก้มหัวเป็นเชิงขอโทษก่อนจะมองไปที่เสาของตัวเองแต่กลับว่ามีคนอื่นจับอยู่ ตอนนี้ฉันยืนโดยไม่ได้จับอะไรพยายามทรงตัวไม่ให้ล้ม คิดอะไรออก ฉันค่อย ๆ ขยับไปใกล้ ๆ พี่โยก่อนจะยิ้มให้พี่เขา
“ไหน ๆ หนูก็เป็นผู้หญิง พี่ไม่ชอบให้หนูอยู่ใกล้เพื่อนพี่ งั้นหนูขอจับแขนพี่แทนก็แล้วกัน” พี่เขาดูเหวอทันที ไม่รอช้าฉันรีบกอดแขนพี่โยทันที อย่างน้อยก็ได้เกาะแขนคนหล่อถือว่าเป็นกำไรก็แล้วกัน แต่ไม่ทันไร ฉันก็ถูกมือหนาของคนข้าง ๆ กระชากแขนออกจากการเกาะกุม ก่อนที่เอวฉันจะถูกรั้งให้ไปอยู่ในอ้อมกอด ฉันเบิกตากว้างมองพี่คินทร์ที่มีสีหน้าเรียบนิ่ง
“อะ เอ่อ…” ฉันพยายามผละออกจากแขนแกร่ง
“อยู่นิ่ง ๆ” ฉันหยุดดิ้นเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้น ดีเหมือนกัน ถือว่ากำไรชีวิตที่ได้ใกล้ชิดหนุ่มหล่อ
ชาร์ลอทมองเจ้าชายที่กำลังดึงผู้หญิงที่เกาะแขนของเขา ทำให้รุ่นน้องคนนั้นเซไปชนกับแผงอกของเจ้าชาย แต่ชาร์ลอทต้องเบิกตากว้างเมื่อเจ้าชายกำลังกอดเอวรุ่นน้องอยู่ เพราะเจ้าชายไม่ใช่สามัญชน หน้าที่ของชาร์ลอทก็คือปกป้องเจ้าชายจากภัยอันตราย
เขาสงสัยขึ้นมาทันทีผู้หญิงเข้าเสนอตัวให้เจ้าชายเป็นจำนวนมากแต่พระองค์กลับไม่ทอดพระเนตรมองเลยสักคน เจ้าชายไม่ชอบให้ใครถึงเนื้อถึงตัว แต่เด็กคนนี้มีอะไรน่าสนใจทำไมเจ้าชายถึงยอมให้ถูกเนื้อต้องตัว
ไม่นานรถก็หยุดก่อนที่มือหนาจะหลุดจากเอวฉัน ฉันพ้นลมหายใจออกจากปากก่อนจะเดินลงจากรถตามร่างสูงสองคนไป เดี๋ยวนะ พวกเขามาทำอะไรที่นี่
ฉันเดินตามร่างสูงสองคนพร้อมกับเล่นมือถือไปด้วย หล่อมาก ฉันเลื่อนรูปไอดอลยกยิ้มด้วยอาการเขินของคนเวลาเห็นว่าที่สามี สามีมะโน
“อ้ะ” ฉันร้องเสียงหลงลูบหน้าผากตัวเองเมื่อรู้สึกว่าเดินชนอะไรสักอย่าง ทว่า ปรากฏว่าเป็นแผ่นหลังของพี่คินทร์ เฮ้อ ฉันทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับพี่เขาเนี่ย
“เดินตามมาทำไม”
“เปล่า นี่มันทางกลับบ้านหนู” ฉันหันไปมองซ้ายมือก็พบว่าถึงบ้านตัวเองพอดี “นี่ไงบ้านหนู”
คนตรงหน้ามีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิมก่อนจะเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ตรงข้ามบ้านฉัน เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าบ้านที่ฉันไม่เคยเห็นเจ้าของบ้านเลย นอกจากคนดูแลบ้าน คือบ้านของพี่เขา
“แมวน้ำกลับมาแล้วก็รีบมาช่วยแม่เก็บร้าน” เสียงแม่ตะโกนดังจากด้านหลัง
“จ้าแม่” ฉันเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้างุนงง
“แม่ บ้านตรงข้ามกับเราเจ้าของเขากลับมาอยู่แล้วเหรอ” แม่พยักหน้าตอบ ก่อนจะเดินเอาจานไปเก็บ บ้านของฉันเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ เป็นกิจการของครอบครัว
“เขาย้ายมาตั้งแต่ต้นเดือนก่อนแล้ว”
“ทำไมแมวน้ำไม่รู้อ่ะ”
“ก็เราเคยสนใจใครที่ไหน วัน ๆ ตามกรี๊ดแต่ผู้ชายเกาหลี อปเป้อะไรนั่นนะ”
“อปป้าแม่ ไม่ใช่อปเป้” พูดจบฉันก็ช่วยแม่เก็บร้านก่อนจะขึ้นห้องไปอาบน้ำทันที
19:00 น.
“และแล้วเจ้าชายรูปงามก็ได้พบกับหญิงสาวสามัญชน ทั้งคู่เกิดตกหลุมรักกัน” ฉันนอนอ่านนิยาย ภายในห้องมีเสียงเพลงเคป๊อปเปิดคลอเบาๆประกอบกับเสียงของฉันที่กำลังอินกับนิยาย
“จนกระทั่งหญิงสาวผู้นั้นรู้ความจริงเธอจึงตีตัวออกห่างจากเจ้าชาย และ..”
“แมวน้ำ” ฉันชะงักเมื่อเสียงพ่อดังขึ้น
“จ๋าพ่อ”
“ลงมานี่หน่อย” ปิดนิยายก่อนจะเดินออกจากห้องไปหาพ่อ
“มีอะไรคะพ่อ”
“พ่อทำกล้วยบวชชีลูกช่วยเอาไปให้เพื่อนบ้านหน่อย” ฉันขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่
“เอาไปให้ยายสาเหรอคะ”
“ยายสาพ่อเอาไปให้แกแล้ว เหลือแค่บ้านตรงข้ามกับเรา” ฮะ บ้านตรงข้าม อย่าบอกนะว่าบ้านหลังใหญ่โตนั่น
“พ่อ แมวน้ำว่าไม่ต้องเอาไปให้เขาก็ได้ เขาออกจะรวย เขาไม่กินของแบบนี้หรอกค่ะ”
“เราเป็นคนไทย การผูกมิตรกับเพื่อนบ้านมันเป็นสิ่งที่ดีมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้”
เบะปากก่อนจะเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปบ้านตรงข้าม แต่แมวน้ำไม่อยากผูกมิตรด้วยเสียหน่อย คนอะไรยิ้มก็ไม่ยิ้ม ชีวิตนี้มีหน้าเดียวหรือไง
ฉันหยุดเดินก่อนจะมีผู้หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งเดินเข้ามาถาม “มาพบใครคะ” ภาษาไทยที่ไม่ค่อยชัดนักของคนตรงหน้าทำให้รู้ว่าอาจจะไม่ใช่คนไทย แต่เพราะอยู่ไทยมานานเลยพูดได้ ว่าแต่ก็ดีเหมือนกันจะได้ฝากกล้วยบวชชีโดยไม่ต้องเข้าไปในบ้าน
“พ่อทำกล้วยบวชชีค่ะเลยแบ่งมาให้” เธอยิ้มก่อนจะพายมือให้ฉันเดินไปในบ้าน ไม่ ไม่อยากเข้าไป จะรีบไปอ่านนิยาย
“เชิญค่ะ”
สุดท้ายฉันก็เดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบ สงบจนรู้สึกขนลุก บรรยากาศเหมือนในหนังผีเลยเงียบเกินไปแล้วภายในบ้านจัดตกแต่งด้วยของที่เป็นสีทอง รูปปั้นสิงโตตั้งอยู่ตรงทางเดินจนฉันไม่กล้าเฉียดเข้าไปใกล้เพราะกลัวเผลอไปเตะของเขาพัง
“เอ่อ เจ้าของบ้านเขาไปไหนกันหมดเหรอคะ”
“พระองค์…”
“คะ”
“เอ่อ คุณชายประทับอยู่บนห้องค่ะ”
ฉันกลั้นหัวเราะสุดขีดเมื่อได้ยินประโยคคำพูดที่แปลก พูดอย่างกับพี่คินทร์เป็นเจ้าชายงั้นแหละ บ้านนี้แปลกเว้ยเฮ้ย
“อ๋อ นี่ค่ะ”
ระหว่างที่ฉันรอภาชนะใส่กล้วยบวชชี นั่งรอที่โซฟาที่แสนนุ่ม จู่ ๆ ก็มีขนมวางตรงหน้าก่อนที่ฉันจะเลิกคิ้วมอง ก็พบว่าเป็นพี่โย สายตาที่เขาใช้มองฉันมันแปลก ๆ
“ทานเค้กก่อนกลับนะ” ฉันมองเค้กสีสันสวยงามก่อนจะตักเข้าปาก ด้วยความตะกระล้วน ๆ
“อร่อยมากเลยค่ะ” พี่โยยิ้มก่อนจะนั่งลงข้างฉัน แต่จู่ ๆ มันกลับรู้สึกเหมือนโลกหมุน ฉันสะบัดหน้าเมื่อรู้สึกมึน ๆ คล้ายอาการเมาทั้งที่ไม่ได้ดื่มเหล้า
หลังจากอ่านสารจากเสด็จพ่อจบ ร่างสูงหนุ่งลูกครึ่งเดินลงมาจากห้องก่อนจะเห็นชาร์ลอทองครักษ์คนสนิทเอาเค้กให้เด็กคนนั้น คนที่เขาเจอเธอวันนี้สามครั้ง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่กอดอกยืนดูเด็กคนนั้นที่มีท่าทีแปลกไปเพราะกำลังเมา ชาร์ลอทเป็นคนที่คอยปกป้องเขาไม่ให้เกิดอันตราย ถ้ามีคนเข้าหาเขา ชาร์ลอทจะหาวิธีพิสูจน์ว่าคนที่เข้าหาเขามาดีหรือมาร้าย
“โอ้ะ อปป้า อันยองฮาเซโย” เสียงหวานใสดังขึ้นก่อนที่เขาจะเดินไปหาชาร์ลอทที่กำลังนั่งขมวดคิ้วมองเด็กสาวที่กำลังพูดอะไรสักอย่าง
“ชาร์ลอทนายมอมเหล้าผู้หญิงงั้นหรือ”
“กระหม่อมแค่อยากพิสูจน์ว่าผู้นี้มาดีหรือมาร้าย เขาว่าคนเมาจะพูดความจริง กระหม่อมเลยใช้วิธีนี้”
“แล้วเธอพูดอะไรออกมาไหม”
“เธอพูดว่าอปป้า”
เขาเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางองครักษ์คนสนิทจนมุม หน้าหวาน ๆ ของเด็กคนนั้นแดงเหมือนมะเขือเทศ
“แล้วนายจะทำยังไง ถ้าพ่อเขารู้ว่านายมอมเหล้าลูกสาวเขา ชาร์ลอทนี่ไทยไม่ใช่อิลฟารา”
“หือ พี่ แมวน้ำอยากกินเค้กอีก” ร่างบางยกแขนกอดคอชาร์ลอทอ้อนวอนขอกินเค้ก ก่อนที่จะมองมาที่วัลดัสและเปลี่ยนไปมองชาร์ลอท
“เพื่อนพี่เหรอ ใครอ่ะ มองไม่ชัด แต่หล่อมากเลย อือ..” เสียงยานคางยังคอยส่งเรื่องเจียวจ้าว
“เดี๋ยวเราพาไปพักที่ห้องเรา แล้วนายไปบอกครอบครัวเธอว่าเธอจะอยู่ช่วยงานเราก่อน”
“ครับ”