"แม่แก้วมีอะไรให้มุกช่วยไหมคะ"
แม่แก้วหันไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัว ท่านมองสะใภ้ใหม่ด้วยความแปลกใจ
"ทำไมตื่นเร็วจังล่ะมุก นอนต่ออีกสักหน่อยก็ได้นะลูก" แม้งานแต่งงานของไข่มุกกับลูกชายคนเล็กของแม่แก้วจะเป็นงานเล็ก ๆ แต่ท่านคิดว่า คนเป็นเจ้าสาวน่าจะเหนื่อยและเพลียไม่น้อย ดังนั้นเช้าแรกหลังวันแต่งงาน ลูกสะใภ้ของท่านน่าจะนอนหลับพักผ่อนให้มากหน่อย
"มุกตื่นเวลานี้ประจำค่ะ พอตื่นแล้วก็นอนไม่หลับ แม่แก้วให้มุกช่วยทำกับข้าวนะคะ" ไข่มุกว่าพลางเดินเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์ที่แม่แก้วกำลังเตรียมวัตถุดิบปรุงอาหารอยู่
"แม่แก้วจะทอดปลาสลิดเหรอคะ"
“ใช่จ้ะ แม่จะทำข้าวปลาแกะ กับแกงจืดฟักใส่หมูสับ”
“มุกช่วยทำแกงจืดนะคะ” ไข่มุกอาสาอย่างกระตือรือร้น
แม่แก้วยิ้มอ่อนโยนแล้วพยักหน้า
พอได้ทำกับข้าวช่วยแม่แก้ว ไข่มุกก็รู้สึกดีขึ้น เพราะไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ถ่วงให้ใจหนักอึ้งอยู่ตอนนี้
แม่แก้วและคนในครอบครัวนี้ดีกับเธอมาก
...เมื่อก่อนพี่กรก็เคยดีกับเธอ
พอทำกับข้าวเสร็จ พ่อวัตก็ลงมาที่โต๊ะรับประทานอาหารซึ่งอยู่หน้าห้องครัวเป็นคนแรก ไข่มุกตักข้าวใส่จานและจัดจานข้าวโดยวางปลาสลิดทอดที่แกะก้างแล้วลงในจานข้าว ชิ้นปลาสวยงามน่ารับประทาน แถมเธอยังตกแต่งด้วยผักต้ม มีฟักทอง แครอตและบรอกโคลี แล้วจึงนำไปวางลงบนโต๊ะตรงหน้าพ่อวัต พร้อมกับถ้วยแกงจืดฟักใส่หมูสับ ซึ่งแกงจืดฝีมือของเธอก็ได้รับคำชมจากแม่แก้วว่าอร่อยกลมกล่อม
“กับข้าวหอมฉุยขึ้นไปถึงบนบ้านเลย อื้อหือ ! น่ากินขนาดนี้ พ่อไม่รอใครแล้วนะ”
คนทำกับข้าวยิ้มกว้างดีใจที่พ่อวัตชอบ
พ่อวัตตักน้ำแกงซดหนึ่งคำ พอกลืนน้ำแกงลงท้องก็เลิกคิ้วเข้มสองข้าง พยักหน้ายิ้ม ๆ
“น้องมุกเป็นคนทำค่ะ” แม่แก้วบอกพลางนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งซ้ายมือของสามี
“อร่อย กลมกล่อมมาก ๆ”
คนถูกชมยิ้มแก้มปริ
ไข่มุกจัดจานและตักแกงจืดใส่ถ้วยเพิ่มอีกสองชุด สำหรับแม่แก้วและตัวเอง พอเธอนำอาหารมาวางให้แม่แก้ว ท่านก็บอกเธอว่า
“น้องมุกนั่งตรงนั้นนะลูก ให้พี่กรเขานั่งข้างคุณพ่อ” แม่แก้วพยักพเยิดบอกลูกสะใภ้ให้นั่งลงที่เก้าอี้เยื้องกับตน เว้นที่ว่างข้างขวามือของพ่อภวัตไว้ให้ลูกชายเธอนั่ง
ไข่มุกจึงถือจานข้าวและแกงจืดของตัวเองไปนั่งลงตรงที่แม่แก้วบอก เธอชำเลืองมองเก้าอี้ข้าง ๆ แล้วก็รู้สึกหวั่นใจยังไงก็ไม่รู้
“กินเลยนะลูก ไม่ต้องรอ ใครมาทีหลังก็กินทีหลังไป” พ่อภวัตบอก แล้วยิ้มให้ลูกสะใภ้
“ค่ะ พ่อวัต” ไข่มุกจับช้อนส้อม ลงมือรับประทานอาหารพร้อมผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน
“ยัยดาก็คงไม่ตื่นง่าย ๆ หรอก เมื่อคืนก็ใช่ย่อย ทั้งพี่ทั้งน้องเติมแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดแข่งกันหรือยังไงก็ไม่รู้” แม่แก้วบ่นไปตามประสาคนเป็นแม่ ไม่ได้ห้ามเรื่องดื่ม แต่บางทีอะไรที่เยอะเกินไปก็อดบ่นไม่ได้ บ่นก็เพราะเป็นห่วงสุขภาพลูก แต่พอบ่นทีไร เจ้าสองคนนั้นก็ลุกหนีทุกที เพราะแบบนี้ บางทีแม่แก้วก็อยากให้ลูกกลับไปตัวเล็ก กลับไปเป็นเด็กเหมือน เพราะตอนนั้นบอกสอนอะไรก็ดูจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังแม่ทุกอย่าง
พ่อวัต แม่แก้ว กับลูกสะใภ้กินข้าวจนใกล้จะอิ่มแล้ว ลูกชายของพวกท่านจึงเดินลงมาจากห้อง
ภากรสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงสแลกซึ่งเป็นชุดทำงาน พ่อวัตกับแม่แก้วจึงมองลูกชายด้วยความแปลกใจ
“วันนี้หยุดไม่ใช่เหรอ กรเคยบอกแม่ว่าลาพักผ่อนหลังวันแต่งงานห้าวัน”
คนถูกถามชำเลืองตามองคนที่นั่งข้างเก้าประจำของเขา
“ก็ไม่ได้แต่งกับคนที่อยากแต่ง ไม่รู้จะหยุดทำไม” ภากรพูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้ประจำของตัวเอง
“กร !” แม่แก้วเรียกเสียงดุ ท่านมองลูกสะใภ้ด้วยความเห็นใจ
ไข่มุกฝืนยิ้มให้แม่แก้ว รวบช้อนส้อมวางลงบนจาน แล้วลุกขึ้นยืน “มุกไปตักข้าวให้พี่กรนะคะ”
แม่แก้วยิ้ม พยักหน้าให้ลูกสะใภ้ พอไข่มุกเดินเข้าไปในครัวแล้ว พ่อวัตจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่ากึ่งดุอยู่ในที
“ไม่ว่ายังไง น้องก็แต่งเป็นเมียของแกแล้ว จะพูดจะทำอะไรก็รักษาน้ำใจน้องบ้าง”
“ผมแค่จะไปทำงาน ผมต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงเมียไงครับ”
ภากรเป็นวิศวกร เขาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัทรับตรวจสอบอาคารและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบริษัทที่เขากับเพื่อนเพิ่งร่วมกันก่อตั้งได้ไม่กี่ปี แม้เป็นบริษัทเล็ก ๆ แต่ก็มีงานเข้ามาตลอด ด้วยผลงานและฝีมือของพวกเขา ทำให้ตอนนี้บริษัทของภากรและเพื่อน ๆ เริ่มมีชื่อเสียงในวงกว้าง
“แต่นี่มันเป็นวันแรกหลังแต่งงานนะ แม่ว่า กรควรจะอยู่บ้าน จัดข้าวของช่วยน้องมุก” เสียงของแม่แก้วก็ดุไม่น้อยไปกว่าพ่อวัต เพราะไม่พอใจลูกชายที่จะทิ้งเมียให้อยู่บ้านคนเดียว ทั้งที่วันนี้เป็นวันแรกหลังวันแต่งงาน
“เก็บของอะไรกันครับแม่ บริษัทออแกไนซ์ที่รับจัดงานแต่ง เขาจัดการเรียบร้อยแล้วนี่ครับ”
“อย่างน้อยก็ควรไปขนของจากบ้านโน้นมาบ้านเราช่วยน้อง” แม่แก้วไม่ชอบใจเท่าไรที่ลูกชายจะหาเรื่องออกจากบ้าน
“อยากมาอยู่นักก็ขนเองสิครับ”