ท้องฟ้าสีครามในเช้าวันนี้สดใสแตกต่างจากเมื่อวานซืน ร้านเดอะโมเมนโตยังคงเปิดให้บริการตามปกติ เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของหญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลังเดินเข้ามาในร้าน เธอสวมเสื้อโปโลสีดำกับกางเกงยีนส์กำลังมองสำรวจรอบๆ จนสายตาสะดุดเข้ากับของในตู้กระจกวางของ เธโอในชุดเสื้อเชิ๊ตสีน้ำตาลกับกางเกงผ้าสีดำยืนอยู่ที่โต๊ะเคาน์เตอร์มองดูลูกค้าเป็นระยะก่อนกล่าวต้อนรับอย่างสุภาพ
“ยินดีต้อนรับครับ มีอะไรสอบถามเรียกได้นะครับ”
หญิงสาวยิ้มพลางกล่าวตอบ “ขอบคุณค่ะ”
เธอเดินสำรวจตู้ด้านหน้าอยู่พักใหญ่จึงเริ่มเดินไปยังตู้กระจกติดมุมในสุดของร้านซึ่งเป็นที่วางเครื่องประดับรูปทรงต่างๆ มีทั้งต่างหู สร้อยคอ กำไล เข็มกลัด แหวนหรือแม้แต่เครื่องประดับผม ไม่นานนักเธอก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจทำให้เธโอรีบเดินเข้าไปหาเธอ
“เป็นอะไรไปครับ”
หญิงสาวชึ้ไปที่เข็มกลัดขนาดเท่านิ้วโป้งในตู้กระจก แสงสะท้อนหลากสีจากคริสตัลรูปผีเสื้อทอประกายสีรุ้งในขณะที่ไข่มุกสีขาวเม็ดใหญ่ตรงขาของผีเสื้อสะท้อนเงาของคนที่กำลังยืนจ้องมองมัน
“ของสิ่งนี้ ทำไมมาอยู่ในร้านคุณได้”
“รู้จักมันหรือครับ” เธโอลอบสังเกตท่าทีของหญิงสาวอย่างสนใจ “ไข่มุกและคริสตัลเป็นของแท้ครับ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสิ คุณไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเข็มกลัดนี้เมื่อราวๆ สิบกว่าปีก่อนหรือ” หญิงสาวย่นคิ้วเหมือนเริ่มตั้งสติได้ “หรือว่าเป็นคนละอันกัน”
เธโอยิ้มบางๆ พลางอธิบายอย่างใจเย็น “คุณอาจเคยเห็นภาพมันตอนที่ติดบนเสื้อศพของเหยื่อรายสุดท้ายในคดีฆาตกรรมเมื่อสิบกว่าปีก่อนจริงๆ นั่นแหละ”
สีหน้าของหญิงสาวซีดลงราวกับภาพนั้นปรากฏอยู่ตรงหน้า แม้ว่าตอนนี้มันจะดูเปล่งประกายจับตาจนแทบแยกไม่ออกว่าใช่อันเดียวกันกับที่ถูกเลือดชะจนกลายเป็นสีแดงฉานบนเสื้อลายลูกไม้สีขาวของหญิงสาวที่นอนตัวเย็นชืดนัยน์ตาเบิกโพลงฟุบอยู่บนพวงมาลัยรถท่ามกลางเศษกระจกหน้าที่แตกกระจายอยู่รอบๆคอนโซลรถหรือไม่ หญิงสาวเริ่มรู้สึกขนลุกไปทั่วร่างจึงได้แต่กล่าวเบาๆ “ของแบบนี้อันตรายกว่าที่คุณคิดนะคะ เห็นแล้วรู้สึกไม่ดีเลย”
“ผมไม่คิดว่าจะยังมีคนจำมันได้ ไม่ทราบว่าคุณเคยเห็นมันที่อื่นอีกบ้างหรือเปล่าครับ เพราะนอกจากเหยื่อรายสุดท้ายแล้วก็ยังมีผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกไปค้าประเวณีในคดีนั้นแต่รอดชีวิตมาได้ พวกเธอเคยทำงานในคลับกลางคืนและได้รับเข็มกลัดที่มีสีและรูปร่างแบบเดียวกันกับเข็มกลัดชิ้นนี้ครับ”
เธอลังเลอยู่พักใหญ่จึงยอมตอบเสียงแผ่ว “ก็เคยอยู่ค่ะ ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเป็นเหยื่อหรือเปล่าแต่ไม่ใช่คนดีนักหรอก ว่าแต่ได้ยินว่าตัวการในคดีนั้นถูกจับแล้วนี่คะ ทั้งฆาตกรและนายหน้าที่หลอกผู้หญิง”
“ครับ เข็มกลัดนี้ทำให้ตำรวจสืบถึงตัว เกรซ บลูเกอร์ และเกรซคนนี้เป็นนายหน้าหาผู้หญิงมาขายบริการที่คลับกลางคืน นอกจากผู้หญิงที่สมัครใจแล้วยังมีคนที่ถูกเกรซบีบบังคับให้มาขายบริการทางอ้อม เกรซแกล้งหลอกผู้หญิงเหล่านั้นให้เป็นหนี้บ้าง ทำให้ตกงานบ้าง ทำลายความสัมพันธ์ของผู้หญิงเหล่านั้นกับคนรอบข้างแล้วจึงค่อยเสนองานขายบริการให้” เธโออธิบายพลางสังเกตสีหน้าของเธอ “เข็มกลัดนี้จะให้ไว้กับผู้หญิงในสังกัดของเกรซ แต่ฆาตกรที่ถูกจับได้และหลักฐานที่มีพิสูจน์ไม่ได้ว่าเกรซ บลูเกอร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม เธอจึงถูกจับด้วยข้อหาฉ้อโกงและค้าประเวณีเท่านั้น”
“คุณพอจะมีภาพของผู้หญิงที่ชื่อเกรซ บลูเกอร์คนนี้มั้ยคะ” หญิงสาวกล่าวถามอย่างใคร่รู้
“ถ้าหมายถึงภาพของเธอเมื่อสิบกว่าปีก่อน คุณหาได้ตามข่าวในอินเตอร์เน็ตครับ แต่ผมไม่รู้ว่าใบหน้าของเธอมีการศัลยกรรมไปบ้างหรือยังหลังออกจากคุกแล้ว”
“นั่นสินะคะ” เธอพึมพำด้วยสีหน้าผิดหวัง “ช่างเถอะค่ะ ช่วยแนะนำของขวัญวันเกิดเพื่อนให้ฉันหน่อยสิ ในร้านของคุณคงไม่ได้มีแต่ของมีประวัติใช่มั้ยคะ”
“ขอโทษด้วยครับ ผมก็อธิบายเพลินเลย” เธโอกล่าวก่อนผายมือเชิญเธอไปยังตู้กระจกในพื้นที่หน้าร้าน “หลังร้านจะจำหน่ายของมีประวัติ แต่โซนหน้าร้านจะจำหน่ายของใหม่ครับ”
หลังจากหญิงสาวเดินมาบริเวณหน้าร้าน เธโอก็เริ่มแนะนำของที่วางอยู่ในตู้กระจก “อาจจะลองดูเป็นเครื่องประดับ นาฬิกาหรือสมุดจดบันทึกแทนดีมั้ยครับ”
“งั้นฉันเอาเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะเรือนนั้นก็ได้ค่ะ ใส่กล่องของขวัญเลยนะคะ” หญิงสาวชี้ไปที่นาฬิกาทรงกลมเรือนเล็กสีทองแดง หน้าปัดออกแบบเรียบง่ายแต่สะดุดตา เธโอหยิบนาฬิกาออกจากตู้ก่อนเดินไปที่โต๊ะเคาน์เตอร์ ในระหว่างที่เขากำลังหากล่องของขวัญขนาดพอดีเรือนนาฬิกาให้ หญิงสาวก็เดินไปยืนตรงข้ามเขาเตรียมคิดเงิน
เธโอยื่นถุงใส่กล่องของขวัญให้เธอก่อนจะเปิดภาพเครื่องหมายสแกนจ่ายเงินบนโต๊ะเคาน์เตอร์ที่ทำจากกระจกซึ่งคล้ายกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หญิงสาวหยิบมือถือขึ้นมาสแกนจ่ายเงินก่อนจะหยิบถุงของขวัญเดินออกจากร้านไป เธโอทันสังเกตสัญลักษณ์และชื่อร้านที่ปักอยู่บนหน้าอกเสื้อทางขวามือของเธอ มันเป็นชื่อร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกลจากร้านเดอะโมเมนโต เสียงแท็บเลตที่วางอยู่ถัดจากเครื่องคิดเงินดังขึ้นทำให้เขาหันไปหยิบมันขึ้นมาเปิดดู
เสียงดังนั้นมาจากโปรแกรมสนทนาที่มีรายชื่อผู้ติดต่อเพียงไม่กี่คน และผู้ที่พึ่งติดต่อเข้ามาใช้ชื่อว่าสกอเลอร์ เธโอกดเข้าไปดูบทสนทนาที่ทักทายเขาเป็นคนแรกของวันนี้ซึ่งพิมพ์ว่า “เรื่องข้อมูลของเกรซ บลูเกอร์ กิจกรรมทางการเงินในชื่อของเธอหยุดชะงักหลังออกจากคุกไม่กี่สัปดาห์ ที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งก่อนหายไปถาวร เหมือนกับว่าเธอไม่มีตัวตนหลังจากนั้น”
เธโอใช้ความคิดก่อนจะเริ่มพิมพ์ตอบ “ถ้างั้นลองค้นหาข้อมูลของคนที่ชื่อเรย์ เวลลี่ได้มั้ย ผมคิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกัน”
“คุณอยากรู้ข้อมูลของลูกค้าที่เข้าร้านมาเมื่อครู่มากกว่าไม่ใช่หรือ มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เธอจะรู้จักคนที่เป็นเจ้าของเข็มกลัดผีเสื้อประดับไข่มุก”
เธโอสะกิดใจนิดหนึ่ง แม้จะสนิทกับสกอเลอร์มานานหลายปีหลังจากสูญเสียความทรงจำแต่เขากลับไม่เคยเห็นตัวจริงและไม่รู้เรื่องของสกอเลอร์มากนัก ตรงกันข้ามกับสกอเลอร์ที่เหมือนจะรู้เรื่องของเขาไปเสียหมดจนน่าหงุดหงิด แต่น่าแปลกใจที่เธโอไว้วางใจสกอเลอร์ราวกับเขาเป็นคนในครอบครัว เธโอพิมพ์ถามกลับไปอย่างสงสัย
“รู้ได้ยังไงว่าลูกค้าที่เข้าร้านเมื่อครู่รู้จักเข็มกลัดผีเสื้อประดับไข่มุก”
“คุณให้ฉันเป็นคนจัดการระบบคอมพิวเตอร์ในบ้าน ฉันมองผ่านกล้องวงจรปิดในร้านได้”
“ผมให้จัดการระบบคอมพิวเตอร์แต่ไม่ได้หมายความว่าอนุญาตให้สอดแนมผมทุกเรื่องนะครับ แบบนี้มันออกจะเสียมารยาทไปสักหน่อย”
“ฉันขอโทษ ไม่รู้ว่าคุณต้องการความเป็นส่วนตัว คุณอยากตั้งค่าโหมดความเป็นส่วนตัวมั้ย”
เธโอเกาหัวกับมุขประหลาดๆ ของสกอเลอร์ บางครั้งสำนวนการพิมพ์ของเขาก็เหมือนระบบคอมพิวเตอร์จริงๆ จนเขาสงสัยว่าคนที่เป็นแฮ็คเกอร์ใช้สำนวนพูดแบบนี้เหมือนกันหมดหรือเปล่า ความโกรธเมื่อครู่หายไปก่อนที่เขาจะพิมพ์ตอบอีกฝ่าย
“ไม่ต้องหรอก แต่มันเป็นมารยาททางสังคมนะสกอเลอร์ เรียนรู้ไว้หน่อยก็ดี”
“เข้าใจแล้ว หากคำนึงถึงมารยาททางสังคมแล้วคุณยังต้องการข้อมูลของลูกค้าคนเมื่อครู่มั้ย”
เธโอพูดไม่ออก การสืบข้อมูลแบบนี้ก็ถือว่าละเมิดความเป็นส่วนตัวของคนอื่นเช่นกันเพียงแต่เขาไม่ได้ทำด้วยความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว เธโอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงพิมพ์ตอบสกอเลอร์ “ช่วยค้นหาข้อมูลว่าเธอเคยสมัครงานผ่านโพสต์รับสมัครงานของเรย์ เวลลี่หรือเปล่า เคยเดินทางไปต่างประเทศหลังจากนั้นมั้ย หรือว่ามีความเคลื่อนไหวยังไงหลังจากสมัครไปแล้ว”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะตอบคุณภายในวันนี้”
“ขอบคุณสกอเลอร์ แล้วก็เรื่องคนโพสต์ที่ใช้ชื่อก๊อปปี้แคท พอจะรู้มั้ยว่าตัวจริงของเขาเป็นใคร”
“ไม่มีข้อมูลมากพอ เขาปกปิดร่องรอยเก่ง น่าจะมีความรู้เรื่องระบบคอมพิวเตอร์ในระดับดีมาก”
เธโอพยักหน้ารับรู้ ถ้าแม้แต่สกอเลอร์ยังตามรอยไม่ได้ก็น่าจะเป็นแฮ็คเกอร์ที่เก่งมาก เขาพิมพ์ตอบอีกฝ่าย “งั้นเอาไว้ก่อน ขอข้อมูลของลูกค้าคนนั้นให้ผมก่อนนะ”
“รับทราบ” สกอเลอร์พิมพ์ตอบแล้วออฟไลน์ออกจากโปรแกรมแชทไป
เธโอปิดแท็บเลตก่อนที่เสียงโทรศัพท์ในร้านจะดังขัดจังหวะขึ้น เขาเอื้อมมือไปยกหูรับสาย เสียงปลายสายบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ดี หญิงสาวกล่าวทักทายเขา
“สวัสดี ฉันเฟรนะ”
เธโอย่นคิ้วใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คุณเฟร ที่เข้ามาเมื่อวานใช่มั้ยครับ”
“ดีจังที่นายจำได้”
“มีธุระอะไรหรือครับ”
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก แต่ช่วงนี้ในอินเตอร์เน็ตโพสต์เรื่องหลอกให้ไปทำงานต่างประเทศเยอะมาก โดยเฉพาะกับคนที่ชื่อเรย์ เวลลี่ ตอนนี้กำลังเป็นกระแสเลยล่ะ”
“คนๆ นี้คือคนเดียวกับที่หลอกคุณเฟรไม่ใช่หรือครับ เมื่อก่อนไม่เคยมีคนถูกหลอกหรือ ทำไมถึงพึ่งมาเป็นกระแส”
เฟรใช้ความคิดตามก่อนจะกล่าวตอบ “จริงด้วย ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นมีโพสต์ด่าเลย ทำไมช่วงนี้หลุดออกมาเยอะจัง”
“ผมว่ามีโพสต์ด่ามานานมากแล้ว แต่ถูกลบหมดเสียมากกว่า”
“จริงด้วยนะ เห็นก่อนหน้านี้มีแต่โพสต์ดีๆ ว่าที่นี่ได้งานจริง ฉันถึงได้เชื่อ” เฟรกดโทรศัพท์ส่งภาพบทสนทนาในโปรแกรมแชทของตนเองไปให้เธโอก่อนจะอธิบาย “พอมีกระแสลบมากๆ ฉันก็เลยลองถามคนรู้จักที่ไปงานพร้อมกันวันนั้น เห็นว่ามีผู้หญิงที่เคยถูกหลอกไปค้าประเวณีออกมาแจ้งความสองราย หนึ่งในนั้นคือผู้หญิงที่ชื่อ เวนดี้ ลอว์สัน ฉันได้ที่อยู่ของเวนดี้มาจากคนรู้จักคนนี้ด้วย”
“แล้วยังไงครับ จะไปหาเวนดี้ ลอว์สันหรือ”
เฟรเม้มปากเหมือนถูกเดาความคิด เธอตอบเสียงแผ่ว “ทำไมล่ะ ไม่ได้หรือ”
“คุณมีงานอดิเรกเป็นสต็อกเกอร์หรือครับ”
“เปล่านะ” เฟรรีบปฏิเสธ “ฉันก็แค่อยากลองสอบถามเธอดู เผื่อว่าจะได้เปิดโปงคนที่ชื่อ เรย์ เวลลี่ ก็เท่านั้นเอง”
“ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีมั้ยครับ ทำแบบนี้อันตรายทั้งกับตัวคุณและกับตัวคุณเวนดี้นะครับ”
“ไม่ทันแล้วล่ะ ฉันอยู่ที่ร้านกาแฟหน้าหอพักของคุณเวนดี้แล้ว”
“อะไรนะครับ” เธโอสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบห้ามปรามเธอ “แล้วคุณจะไปพบคุณเวนดี้ในฐานะอะไร”
“นักข่าวช่องออนไลน์ไง แค่ขอสัมภาษณ์เธอเล็กๆ น้อยๆ ”
“แล้วคิดว่าเธอจะให้สัมภาษณ์ง่ายๆ หรือครับ”
“ก็เรื่องนั้นแหละ ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดีก็เลยโทรมาปรึกษานายไง”
เธโอสูดหายใจเข้า ที่จริงแล้วแม้ว่าเขาจะจำเฟรไม่ได้แต่เท่าที่เห็นเมื่อวานนี้ เฟรดูเหมือนจะไว้ใจเขามาก เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกกับเธอ “คุณส่งที่อยู่ตอนนี้ให้ผมทางโปรแกรมแชทนะ เดี๋ยวผมไปหา”
“เร็วหน่อยแล้วกันนะ” เฟรได้ยินเสียงไซเรนจากรถของหน่วยกู้ภัยและรถตำรวจดังขึ้นไม่ไกลจากบริเวณร้านกาแฟที่เธออยู่ พลันสายตาเธอก็สะดุดเข้ากับรถเจ้าของเสียงที่กำลังเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถของหอพัก เธอรีบกล่าวกับเธโอ “ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นในหอพัก มีตำรวจมาด้วย”
“คุณนั่งรออยู่เฉยๆ ตรงนั้นนะครับ ผมจะไปถึงในอีกครึ่งชั่วโมง”
เธโอวางหูโทรศัพท์ก่อนจะคว้ามือถือและแท็บเลตเดินไปพลิกป้ายปิดร้านแล้วลงกลอนประตูไฟฟ้าแบบถาวร เขาออกจากร้านเพื่อเดินต่อไปยังลานจอดรถให้เช่ารายเดือนที่อยู่ไม่ไกลนัก รถของเธโอเป็นรถเก๋งสีน้ำตาลแดง เขาขึ้นไปนั่งบนรถแล้วจึงเริ่มสั่งการให้รถขับออกไปเองด้วยระบบอัตโนมัติ
รถของเธโอเลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถข้างหอพักของเวนดี้ ลอว์สัน ตามที่อยู่ซึ่งเฟรส่งมาให้ทางโปรแกรมแชท เขาลงจากรถแล้วจึงเดินเข้าไปหาเฟรในร้านกาแฟ ร้านกาแฟแห่งนี้ตกแต่งด้วยโทนสีชมพูอ่อนสบายตา โต๊ะเก้าอี้นวมภายในร้านใช้สีน้ำตาลเข้ม เธโอกวาดสายตามองหาเฟรซึ่งนั่งดื่มกาแฟร้อนอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างกระจกก่อนเดินเข้าไปหาเธอ
“ตำรวจเข้าไปนานหรือยังครับ”
“เห็นหน้าฉันควรทักทายก่อนไม่ใช่หรือ” เฟรหรี่ตาก่อนวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ “ประมาณครึ่งชั่วโมงพอดี”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นครับ”
“เหมือนกับว่าคุณเวนดี้ ลอว์สัน จะเสียชีวิตแล้ว ศพถูกนำออกไปแล้วแต่ตำรวจกำลังสำรวจหลักฐานตามจุดต่างๆ กันอยู่”
เธโอเปิดดูข่าวในมือถือซึ่งกำลังรายงานความคืบหน้าภายในที่เกิดเหตุ นักข่าวกำลังสัมภาษณ์พยานที่อยู่ในบริเวณหอพักซึ่งเป็นเจ้าของหอพักแห่งนี้ พยานใช้ชื่อเอเป็นนามสมมติ
“บังเอิญกล้องวงจรชั้นสิบที่ผู้ตายอยู่เสียหมดทุกตัวตั้งแต่หกโมงเย็นเมื่อวานนี้ค่ะ ฉันติดต่อช่างซ่อมแล้วแต่เขาบอกว่ามีคิวเข้ามาซ่อมได้อีกทีพรุ่งนี้ค่ะ”
“แล้วก่อนเกิดเหตุมีคนน่าสงสัยเข้ามาในหอพักบ้างมั้ยคะ” ผู้สื่อข่าวพยายามยิงคำถามต่อ
“ประตูหอพักต้องใช้คีย์การ์ดเข้าออกและล็อกชั้นด้วยค่ะ ตั้งแต่หกโมงเย็นเมื่อวานจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีบันทึกการเข้าออกของคนนอกหอพักนะคะ ฉันว่าเป็นอุบัติเหตุมากกว่าค่ะ”
หลังสัมภาษณ์เสร็จแล้วผู้สื่อข่าวก็หันหน้าเข้ากล้องแล้วตัดภาพไป เธโอปิดมือถือเงยหน้าคุยกับเฟร “บางทีผมควรจะหาข้อมูลทางอื่นเอา วันนี้กลับบ้านก่อนเถอะครับ”
“หาจากไหนล่ะ ยกเว้นนายจะรู้จักกับตำรวจ”
“คนที่ผมคุยโทรศัพท์ด้วยตอนคุณอยู่ในร้านก็เป็นตำรวจนะครับ”
เฟรเงยหน้ามองเธโอด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง “งั้นก็แบ่งข้อมูลกันบ้างสิ กลับมือเปล่าแบบนี้น่าเสียดายนะ”
“อยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ตำรวจกำลังเก็บหลักฐาน แล้วพลเมืองอย่างเราก็เข้าไปในที่เกิดเหตุไม่ได้ด้วย”
“งั้นกลับก่อนก็ได้ แต่ขอดื่มกาแฟหมดแก้วก่อนได้มั้ย” เฟรกล่าวพลางยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอีกครั้ง
“ตามสบายนะครับ ผมขอตัวกลับก่อน”
เธโอลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปทางประตูร้านกาแฟซึ่งชายวัยกลางคนผมสีน้ำตาลเข้มแต่งตัวกึ่งๆ จะเป็นทางการกำลังเดินเข้ามา คนๆ นี้เธโอรู้จักดีแต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นชายผิวขาวชาวตะวันตกอายุราวสามสิบกว่าๆ กลับไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย ฝ่ายตรงข้ามกล่าวทักทายเธโอก่อน
“เธอทำไมถึงมาที่นี่ วันนี้ไม่ต้องเปิดร้านหรือ”
“คุณเควิน พอดีผมมีนัดกับเพื่อนน่ะครับ”
“คุณลุงเควินหรือคะ” เฟรกล่าวแทรกขึ้นมาทำให้เธโอหันไปมองหญิงสาวด้วยความแปลกใจ เฟรลุกขึ้นยืนก่อนแนะนำตัว “ฉันเฟรไงคะ ลูกสาวของคุณพ่อลูฟากับคุณแม่เอเดียร์ อีสตินค่ะ”
“เฟรงั้นหรือ” สายตาของเควินฉายแววเศร้านิดหนึ่ง “ขอโทษนะ หลังจากคุณพ่อของเธอเสีย ลุงก็ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมเลย แล้วคุณแม่สบายดีหรือเปล่า”
“สบายดีค่ะ คุณลุงไม่ต้องคิดมากหรอก”
เธโอที่ยืนนิ่งอึ้งพอๆ กับชายหนุ่มที่เดินตามเควินมาเริ่มขยับตัวหันไปถามเควิน “พวกคุณรู้จักกันหรือครับ”
“ฉันกับพ่อของเธอเป็นเพื่อนของคุณหมอลูฟา เฟรเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเธอ”
นัยน์ตาของเธโอสะท้อนความสงสัย เควินรู้เรื่องที่เธโอความจำเสื่อมแต่นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่เฟรพูดจะเป็นความจริง บางทีเนื้อหาในไดอะรี่ที่กล่าวถึงเด็กสาวซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขาอาจจะหมายถึงเฟรก็เป็นได้ เธโอหันมองชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เควินก่อนถามเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วคนนี้เป็นใครครับ”
“เขาชื่อเทอรี่ ธอดจ์ เป็นคู่หูฉัน เรามาสืบคดีในหอพักน่ะ”
“คุณเควินรับผิดชอบคดีนี้หรือครับ ข่าวบอกว่าเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่หรือ”
“มันมีเรื่องน่าสงสัยเหมือนกันระหว่างคดีแรกกับคดีที่สองน่ะสิ ญาติของผู้ตายก็ยังไม่ยอมรับว่าเป็นอุบัติเหตุ ยิ่งมาเกิดเรื่องคล้ายกันที่หอพักนี้อีก เราเลยต้องมาหาคำตอบให้ญาติของคนตายให้ได้น่ะ” เควินตอบ
“เรื่องน่าสงสัยหรือครับ เช่นอะไรบ้าง”
“เรื่องนั้นตอบไม่ได้หรอก มันเป็นข้อมูลของตำรวจ” เทอรี่ที่ฟังอยู่พูดแทรกขึ้นซึ่งเควินก็พยักหน้าพลางกล่าวเสริม
“มีอะไรเอาไว้ค่อยคุยกันวันหลัง ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างเก็บหลักฐาน ฉันแค่แวะมาซื้อกาแฟ ยังต้องกลับไปที่เกิดเหตุ”
“เข้าใจแล้วครับ ผมเองก็ว่าจะกลับอยู่พอดี”
“แล้วเฟรล่ะ เธอช่วยไปส่งเฟรที่บ้านด้วยสิ” เควินพยักพเยิดไปทางเฟรที่รีบโบกมือปฏิเสธ
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ฉันขับรถมา ยังไงก็ต้องขับกลับอยู่แล้วค่ะ”
เควินพยักหน้ารับรู้ในขณะที่เทอรี่เดินไปสั่งกาแฟที่โต๊ะเคาน์เตอร์ เธโอกับเฟรจึงเดินมากล่าวลาเควิน “งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ โชคดีครับ”
“พวกเธอก็กลับดีๆ ล่ะ” เควินอวยพรพลางมองดูเด็กทั้งสองเดินออกจากร้านกาแฟไปขึ้นรถในลานจอดแล้วขับออกไป