“มารดา เหตุใดจึงลำบากมาหาข้าถึงที่นี่ มารดาให้คนมาเรียกข้าไปที่เรือนก็ได้”
“ข้ามาหาเจ้าลำบากที่ใด แม่นมฮุ่ยทำขนมที่เจ้าชอบก็เลยมาหาเจ้าที่เรือน ระหว่างทางได้ชมดอกไม้ใบหญ้าร่างกายข้าก็นับว่าแข็งแรงขึ้นแล้ว”
“มารดาดีต่อข้ายิ่งนัก”
“เหยาเอ๋อ กินขนมสักหน่อยเถิด” จิ้งฮูหยินหยิบขนม กุ้ยฮวาป้อนใส่ปากลูกสะใภ้ “นับตั้งแต่เจ้าแต่งเข้าจวนมา ร่างกายดูผ่ายผอมลงไม่น้อย ถ้าหากใต้เท้าเจียงกับเจียงฮูหยินเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ มิรู้ว่าต้องปวดใจมากเพียงใด เป็นข้าที่ดูแลเจ้าไม่ดี”
“ข้ากินได้ไม่มากอยู่แล้ว เรื่องนี้หาเป็นความผิดของมารดา ต่อไปข้าจะกินให้มาก มารดาจะได้ไม่เป็นกังวล”
“เหยาเอ๋อ” หลิวซีเย่ลูบแก้มนวลขาวประดุจไข่มุกล้ำค่าของลูกสะใภ้ แล้วอดนึกถึงตนเองเมื่อครั้งแต่งเข้าสกุลจิ้งไม่ได้ ยามนั้นแม้ท่านโหวจิ้งห้าวจะแต่งงานตามคำสั่งของท่านโหวผู้เฒ่า แต่ก็ยังดูแลเอาใจใส่นาง กระทั่งหลายปีผ่านไปเกิดเป็นความรักลึกซึ้ง แต่ว่าเจียงซูเหยาผู้นี้ แม้จะแต่งงานตามคำสั่งบิดามารดา ทว่าบุตรชายของนางกลับไม่เป็นดั่งเช่นท่านโหว
เห็นแม่สามีทอดมองตนด้วยดวงตาแดงก่ำเช่นนั้น เจียงซูเหยาก็ได้แต่บีบมือผู้อาวุโสเบาๆ
“มารดา ข้าไม่เป็นอะไร”
“เหยาเอ๋อ เจ้าอย่าคิดมากได้หรือไม่”
“ข้ารู้ มารดาวางใจเถิดเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ กินขนมเถิด”
เจียงซูเหยารับคำแล้วหยิบขนมชิ้นใหม่เข้าปาก แม้ยากจะกลืนแค่ไหนนางก็ฝืนใจกินไปได้หลายชิ้น ทำเช่นนี้คงพอช่วยให้แม่สามีที่รักเอ็นดูนางสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายหลังแม่สามีกลับเรือนซิ่นเจี้ยนไปไม่นาน ขนมที่เจียงซูเหยาฝืนกินเข้าไปพลันอาเจียนออกเสียแล้ว นางบอกผู้อื่นว่าไม่เป็นไร ไม่เจ็บปวดแม้แต่น้อย น่าเสียดายที่ร่างกายของนางกลับเผยคำตอบที่แท้จริงออกมาจนหมดสิ้น
“คุณหนู” เสี่ยวหรงทั้งปลอบทั้งร้องเรียก “บ่าวไปตามท่านหมอนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก ประคองข้าขึ้นเตียง นอนพักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”
เสี่ยวหรงไม่กล้าทัดทาน ได้แต่ทำตามคำสั่ง เหน็บชายผ้าห่มให้เรียบร้อยก็ถอยออกไป กว่าจะกลับเข้ามาดูอาการของคุณหนูอีกครั้งก็เป็นช่วงยามไฮ่ ภาพที่เสี่ยวหรงเห็นคือ เจียงซูเหยาหน้าแดงก่ำ เนื้อตัวร้อนผ่าวไปหมด ดังนั้นเพียงครึ่งชั่วยามเรือนไป๋เซ่อก็พลันเกิดโกลาหลเสียแล้ว
ท่านหมอจากโรงหมอแห่งหนึ่งเพิ่งตรวจชีพจรและกลับออกไป ยามนี้จิ้งฮูหยินนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง พอกวาดตามองไปทั่วห้องแล้วไร้เงาของบุตรชายก็พลันกัดฟันสั่ง
“เด็กๆ ไปตามคุณชายรองมาที่นี่เดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่น้อยครั้งนักจะได้ยินทำเอาเสี่ยวหรงตัวสั่น บ่าวในเรือนไป๋เซ่อมีใครบ้างที่ไม่คุกเข่า
บ่าวชั้นน้อยในเรือนหายไปไม่นาน หน้าประตูก็ปรากฏเงาร่างสูงใหญ่ของคุณชายรองจิ้งเฉิน สีหน้าแววตาเวลาที่เผชิญกับมารดาแม้จะเผยให้เห็นความรู้สึกผิดอยู่บ้าง ทว่าเวลาที่ทอดมองเงาร่างบอบบางของคนบนเตียงกลับไม่มีสิ่งใดปรากฏ ช่างว่างเปล่ายิ่งนัก
“เสี่ยวหรง ดูแลคุณหนูของเจ้าให้ดี” จิ้งฮูหยินว่าพลางตวัดดวงตาดุดันมองบุตรชาย
“เฉินเอ๋อ เจ้ามานี่”
นานทีปีหนจะได้เห็นมารดามีท่าทีโกรธเคืองเช่นนี้ จิ้งเฉินจึงไม่กล้าไม่ทำตาม ยามนี้ได้แต่เดินตามมารดาไปยังห้องโถงหลักของเรือนไป๋เซ่อ กระทั่งมารดานั่งลงบนเก้าอี้จึงสูดหายใจเข้าปอดทีหนึ่ง
“มารดา มีสิ่งใดจะสั่งลูกหรือ”
“เฉินเอ๋อ ต่อให้เจ้าไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้เหยาเอ๋อ แต่ว่านางแต่งเข้ามาในสกุลจิ้ง เป็นภรรยาเอกของเจ้าแล้ว ตัวเจ้าเองเป็นบุรุษมากความสามารถ ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็พูดกันว่าเจ้าเป็นผู้มีคุณธรรม มีความเมตตา แล้วทำไมเจ้าจึงเมตตาเหยาเอ๋อ บ้างไม่ได้ นางมีสิ่งใดบกพร่องอย่างนั้นหรือ”
“มารดา...ลูกไม่อาจรักนาง มารดาโปรดลงโทษลูกเถิด” จิ้งเฉินคุกเข่าโขกศีรษะ “หลายปีมานี้ มารดารู้ดีไม่ใช่หรือว่าลูกรู้สึกยังไง”
“ถ้ารู้ว่าเจ้าจะยืนกรานเช่นนี้ ข้ากับท่านโหวคงไม่แต่งเหยาเอ๋อเข้าจวน ล้วนเป็นข้าที่ทำร้ายหญิงสาวดีๆ ผู้หนึ่ง”
“มารดา”
“เอาเถิด ข้ากับท่านพ่อของเจ้า จะไม่ฝืนใจเจ้าอีก อีกสามเดือนข้างหน้าเจ้าก็หย่าขาดกับเหยาเอ๋อเสียเถิด ส่วนปัญหาที่ตามมานั้นข้ากับท่านพ่อของเจ้าจะแบกรับเอาไว้เอง”
“มารดา”
“เฉินเอ๋อ ถ้าเจ้ายังเห็นแก่สกุลจิ้ง เห็นแก่จวนจิ้งโหวแห่งนี้ เจ้าควรรู้ว่าต่อไปนี้ต้องตัดสินใจยังไง”
ได้ยินมารดาเอ่ยวาจาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของ จิ้งเฉินถึงได้แข็งทื่อ กระทั่งมารดาหมุนตัวจากไปแล้วเขาก็ยังยืนอยู่กลางห้องโถง ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามนัยน์ตาดำเข้มที่แฝงความดุดันจึงตวัดมองไปยังห้องชั้นใน
บัดนี้มารดากลับไปแล้ว เรือนหลังนี้คงเหลือเพียงบ่าวคนสนิทที่ติดตามเจียงซูเหยามาจากบ้านเดิม คุณชายรองจิ้งเฉินจึงค่อยๆ ก้าวเข้าไปในห้องนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย คงมีเพียงจื่อเฟิงซึ่งเป็นคนสนิทเท่านั้นที่พอจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดสิ่งใด จึงรีบประสานมืออยู่ด้านข้าง พลางเอ่ยปาก
“คุณชายรอง จะกลับเรือนจิ๋นอวี่หรือไม่ขอรับ”
แทนที่จะตอบคำ มุมปากของจิ้งเฉินพลันเหยียดออก แล้วก้าวเข้าห้องชั้นในทันที เป็นเช่นนี้จื่อเฟิงได้แต่ยืนเฝ้าประตูเงียบๆ แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งถ้วยชา สาวใช้ของ ฮูหยินน้อยย่อมต้องถูกไล่ออกมา
เสี่ยวหรงปิดประตูด้วยมือสั่นเทา ตอนนี้แยกแยะไม่ออกแล้วว่า การปล่อยให้คุณชายรองอยู่กับคุณหนูของตนเช่นนี้เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ดังนั้นแววตาที่หลุบมองประตูจึงสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน