หลังจากที่กลับจากสมัครเรียนฉันเดินลงมาที่สวนพร้อมหนังสือนิยายหลายเล่มหวังจะอ่านมันเพื่อผ่อนคลาย ฉันแวะซื้อก่อนจะเข้าบ้านเพราะมันคือสิ่งที่ฉันชอบ แต่กลับต้องชะงักหยุดเมื่อได้ยินเสียงร้องของใครบางคนดังมาจากทางด้านหลังของบ้าน ฉันไม่กล้าที่จะเดินตามเสียงนั้นไปเพราะจากต้นเสียงที่มามันน่าจะเป็นบริเวณที่ฉันโดนสั่งห้ามเข้าไปก้าวก่าย
“เสียงใครอะ” ชะงักพูดแค่นั้นฉันก็เลิกสนใจแล้วเดินไปยังศาลาหลังเล็กเพื่ออ่านหนังสือที่ชอบ
.
.
“สมัครเรียนเป็นยังไงบ้าง” เขาเห็นสาวน้อยที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงศาลาจึงเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยถามขึ้น
"เรียบร้อยดีค่ะ" ฉันเงยหน้าจากหนังสือแล้วตอบเขา "ไม่สบายหรอคะ สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดี"
"เปล่า สงสัยร้อน แดดแรง"
"........" ฉันไม่เซ้าซี้เขาต่อเพราะเวลาเขาโกรธหรือโมโหเขาน่ากลัว
"เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปซื้อชุดนักศึกษาและของใช้"
"ไม่เป็นไรค่ะ หนูเกรงใจ" ฉันมองหน้าเขาที่มีสีหน้านิ่งเรียบ สายตาที่บ่งบอกว่าอย่าขัดใจ "เอ่...หนูกลัวคุณงานยุ่งค่ะ" ฉันตอบเขา
"ถ้าฉันยุ่งคงไม่เอ่ยปากกับเธอ"
"หนูขอโทษค่ะ..." ฉันก้มหน้าตอบเขาเสียงแผ่ว น้ำเสียงที่นิ่ง แข็งกร้าว มันมีอิทธิพลต่อจิตใจของฉัน ฉันกลัวคนพูดเสียงดัง
"แล้วทำไมต้องก้มหน้าพูด"
".........." ฉันสัมผัสได้ว่าเขาเดินมาหยุดข้างๆ
"มองหน้าฉัน" คำสั่งที่ฉันมักจะทำตามตลอด ทำไมนะ ! เขาเชยคางฉันให้เชิดขึ้น สายตาที่นิ่งเรียบ ดุดัน ดูทรงพลังเมื่อมองลึกๆ ทำไมมันเศร้า
เขาโน้มตัวแล้วค่อยๆ เลื่อนใบหน้าขยับเข้ามาใกล้ๆ สายตาที่ยังคงจับจ้องมองมาจนเป็นฉันเองที่รู้สึกเขินอาย...เขาจะจูบฉันหรอ?
"เอ่อ....หนูขอเข้าบ้านก่อนนะคะ" ฉันรีบดีดตัวขยับออกห่างแล้วรวบหนังสือเดินเข้าบ้านโดยไม่ได้สนใจเขาเลย ความเขินอายที่คงแสดงออกมาชัดเจนจนเขานั้นคงสังเกตุเห็น แก้มคงแดงเหมือนลูกตำลึง ความร้อนวูบวาบเมื่อมองใบหน้าหล่อๆ ของเขามันทำให้สติฉันล่องลอยไม่อยู่กับตัว
.
.
คำพูดที่ได้เปล่งออกไปย่อมไม่สามารถแปรเปลี่ยนสำหรับคนอย่างวายุ พูดจริง ทำจริง เขาไม่ใช่คนกลับคำพูด หญิงสาวที่เค้านัดแนะว่าวันนี้จะพาเธอนั้นไปซื้อสิ่งของส่วนตัวเพื่อใช้สำหรับเปิดเรียน ซึ่งปกติแล้วเขาไม่ไปด้วยตัวเองก็ได้แต่สำหรับเธอเขายอม เมื่อเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าไม่มีใครที่ไม่รู้จักมักคุ้นกับวายุ ผู้จัดการร้านที่ตัวเป็นชายใจเป็นหญิงเข้ามาต้อนรับและเอ่ยทักทายอย่างคุ้นชิน
“สวัสดีค่ะ คุณวายุ วันนี้มีอะไรให้เจสรับใช้คะ” ผู้จัดการร้านเอ่ยขึ้นทักขึ้น
“พาเธอไปดูเสื้อผ้า” เขายืนสองมือล้วงกระเป๋าแล้วเอ่ยนิ่งๆ
“ได้ค่ะ...ว่าแต่สาวน้อยคนนี้คือคนพิเศษหรือเปล่าคะ” ด้วยความคุ้นชินผู้จัดการร้านเอ่ยแซว แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาที่นิ่งเรียบ
“..............” เขาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร เพียงแต่หันไปพูดกับหญิงสาวที่ยืนหน้าแดงอยู่ข้างๆเขาตอนนี้ “ไปเลือก” นี่คือคำสั่งที่เขาเอ่ยขึ้นนิ่งๆ
“เอ่อ...คุณวายุคะ หนูว่า..........”
“เดี๋ยวนี้!” เขาพูดเสียงต่ำจนฉันต้องก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อสายตาที่เขาสื่อมันคือคำสั่งเด็ดขาด ฉันทำตามและเดินตามหลังผู้จัดการร้าน เสื้อผ้าที่แขวนตามราวเหล็กเมื่อพลิกป้ายราคาดูมันทำให้ฉันตาเบิกกว้าง ฉันมองดูราคาตามป้ายพร้อมมองสลับกับเขาที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่มาก
“ปกติคุณวายุไม่เคยพาใครมาแบบนี้นะ แสดงว่าหนูต้องเป็นคนพิเศษ” ผู้จัดการร้านเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเธอยืนกระอักกระอ่วนจับเสื้อผ้าตัวแล้วตัวเล่าไม่ยังเหมือนไม่ถูกใจ ไม่ใช่ว่าเสื้อผ้าไม่สวยแต่ด้วยราคาที่สูงเฉียดฟ้าสำหรับเธอคงไม่มีปัญญาจ่ายเป็นแน่
“คงไม่หรอกค่ะ...เขาคงสงสารที่หนูไม่มีใคร” ฉันเอ่ยแล้วยิ้มให้กับเธอ แต่ในใจลึกๆ ฉันรู้สึกดีกับคำว่าเป็นคนพิเศษ
“เสื้อผ้าร้านเจ้ไม่สวยหรอคะลูกสาว...เห็นจับวางนานหลายตัวแล้วไม่เลือกสักที”
“แฮะๆ ไม่หรอกค่ะ มันสวย สวยมาก” ฉันเอ่ยแล้วยิ้มแห้งๆ แต่แฝงด้วยความเป็นมิตร
“ไม่เห็นจะเลือกสักที เดี๋ยวคุณวายุรอนานนะ...”
“ค่ะๆ “ ฉันรีบเลือกชุดที่คิดว่าราคาต่ำที่สุดสองสามชุดพาดไว้ตรงแขน
“ ยังเลือกไม่ได้อีกหรอ “ เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังบ่งบอกถึงผู้มาใหม่ที่คุ้นเคย
“ ได้แล้วค่ะ....นี่ค่ะ” ประโยคแรกฉันตอบคุณวายุแล้วหันไปยื่นเสื้อผ้าให้กับผู้จัดการร้าน
“ แค่นี้หรอ....”
“ หนูไม่ค่อยได้ไปไหน แค่นี้ก็พอค่ะ หนูเกรงใจคุณ” ฉันตอบพร้อมมองหน้าเขา
“เจส!” “คะ” “ เอาทุกชุดที่แขวนบนราวนี้ทั้งหมด “
“0.0 คุณวายุ!....” ฉันตกใจมากเมื่อเขาเอ่ยสั่ง จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไรเพราะเสื้อผ้าที่แขนอยู่บนราวตรงหน้าฉันมันมีมากกว่ายี่สิบชุด เขาบ้าไปแล้วกะจะให้ฉันใส่ยันลูกบวชเลยหรือไง
"ไม่ต้องพูดมาก ป่ะฉันหิวแล้ว..." พูดจบเขาก็คว้าข้อมือฉันเดินหวังจะออกจากร้าน " เจส!"
"คะๆ...คุณวายุ"
"เอาชุดไปส่งที่บ้านผมด้วย"
"ได้ค่ะ จะส่งให้ถึงที่เลยค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะที่ใช้บริการ" วายุผู้กระเป๋าหนักพูดจบก็จับมือฉันเดินลิ่วออกจากร้านทันทีโดยไม่ได้สนใจหรือรับไว้พนักงานที่ต่างพนมมือไหว้เพื่อขอบคุณเขา
...ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ นะแค่จับมือเอง...