สายลมเย็นฉ่ำยามค่ำคืนที่พัดเข้ามาปะทะตัวแรงๆ ไม่สามารถทำให้ร่างกายของเขาเย็นลงได้เลย ภายในยังคงรุ่มร้อนทรมานด้วยความรู้สึกที่น่าละอาย ความรู้สึกของเพศผู้ที่ปล่อยให้ตัณหาราคะเป็นเรื่องใหญ่ในสมอง
มาร์ติเนซยืนนิ่ง นิ้วมือจิกลงบนขอบระเบียงไม้แรงๆ อย่างลืมตัว พยายามห้ามปรามความคิดน่าสะอิดสะเอียนในหัว แต่มันก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน ในเมื่อตอนนี้รับรู้อยู่เต็มอกว่าสราวลีเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์แล้วทางนิตินัย
เขาอยากแตะต้องหล่อนอย่างที่เคยใฝ่ฝันมานาน อยากสำรวจร่างกายบอบบางใต้เสื้อผ้าสีหวานนั้นว่าจะให้ความรู้สึกยังไงยามเมื่อได้สัมผัสลูบไล้
บ้าชิบ!
เขาสบถอย่างโมโหตัวเอง ที่หื่นได้แม้กระทั่งกับภรรยาที่ร่างกายอ่อนแอ เขาควรจะให้เวลาหล่อน ควรที่จะรอจนกว่าหล่อนจะพร้อมทั้งกายและหัวใจ ไม่ใช่จ้องแต่จะหักหาญเช่นนี้
สมองของเขาคิดได้ แต่ร่างกายมันกลับไม่ยอมทำตาม มันแข็งมันคึกอยู่แน่นที่ซอกขาจนแทบจะระเบิด ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่อาจจะกลับไปนอนร่วมเตียงกับภรรยาได้ เพราะไม่อย่างนั้น เขาคงจะตบะแตก และจัดการลิ้มรสสวาทจากสราวลีในค่ำคืนนี้ ทั้งๆ ที่หล่อนยังไม่ได้เต็มใจจะมอบให้เลย
“คุณมาร์ตคะ เรียบร้อยแล้วค่ะ”
เสียงของแสงแก้วทำให้เขาได้สติชั่วขณะ เขาปรับเปลี่ยนสีหน้าและหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า
“ขอบใจมากนะแสงแก้ว”
แสงแก้วระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถาม
“เอ่อ คุณมาร์ตจะกลับเข้าไปในห้องหอเลยไหมคะ พอดีคุณหนูเธอกำลังจะนอนแล้วน่ะค่ะ”
ศีรษะทระนงของมาร์ติเนซส่ายเล็กน้อย “ยังหรอก แสงแก้วไปนอนเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว”
“แต่ว่า...” แสงแก้วยังคงไม่สบายใจ
“ไปเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”
อาจารย์หนุ่มรูปงามระบายยิ้มน้อยๆ และตัดบทด้วยการหมุนตัวกลับไปมองนอกระเบียงไม้เช่นเดิม แสงแก้วไม่มีทางเลือกจำต้องเดินจากไปทั้งๆ ที่ยังเป็นกังวล
เมื่อบุคคลที่สามเดินจากไปแล้ว เสียงถอนหายใจแรงๆ ก็ดังออกมาจากปลายจมูกโด่งเป็นสันของมาร์ติเนซ ชายหนุ่มกัดฟันแน่น และตัดสินใจที่จะไม่กลับเข้าไปในห้องหออีก ไม่ใช่เพราะรังเกียจหรือไม่ไยดี แต่เป็นเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของสราวลีมากกว่า
ร่างสูงใหญ่หมุนตัวเดินตรงไปยังห้องรับแขกที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก เปิดประตูและแทรกตัวหายเข้าไปในนั้นเงียบๆ
เช้าวันต่อมา... ที่โต๊ะอาหารเช้าภายในคฤหาสน์หรูของตระกูล มาเลซาสโซ มาเรียและมาริโอนั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ก่อนหน้าแล้ว โดยมีลูกชายคนโตอย่างมาร์ติเนซนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
สราวลีถูกแสงแก้วเข็นรถเข็นเข้ามาร่วมสมทบ หญิงสาวกล่าวทักทายพ่อแม่สามีอย่างสุภาพ ก่อนจะกล่าวสวัสดีสามีทางนิตินัยของตัวเองเสียงแผ่วเบา
“สวัสดีตอนเช้าจ้ะหนูวลี” มาเรียกล่าวทักทายตอบอย่างเอ็นดู ในขณะที่มาริโอระบายยิ้มเป็นมิตรให้ หล่อนยิ้มตอบทั้งสองคน ก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆ มาร์ติเนซ
“เมื่อคืนหลับสบายดีไหมจ๊ะ”
คำถามของมาเรียทำให้คนที่กำลังจะหยิบช้อนคนข้าวต้มในชามใบสวยชะงัก ดวงหน้าสวยหวานมีแววลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจอ้อมแอ้มตอบออกไป
“หลับ...สบายดีค่ะคุณป้า...เอ่อ...คุณแม่”
มาเรียอมยิ้ม “หลับสบายก็ดีแล้ว แม่อยากให้หนูวลีอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ และสะดวกใจที่สุด คุณแม่ของหนูจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลเวลากลับไปรักษาตัวที่อิตาลี”
หล่อนฝืนยิ้มตอบออกไป ทั้งๆ ที่ภายในอกอยู่ห่างจากคำว่าสุขสบายเหลือเกิน
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
มาเรียอมยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาลูกชายคนโต “แล้วมาร์ตล่ะ หลับสบายดีหรือเปล่า”
คนที่กำลังจัดการกับอาหารเช้าอยู่เงียบๆ เงยหน้าขึ้น แววตาคมกริบตวัดมองหน้าหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบออกไปเสียงราบเรียบ
“ผมหลับสบายดีครับ เตียงนุ่มมาก”
สราวลีกำช้อนแน่นเมื่อได้ยินคำตอบของเจ้าบ่าวล่องหน ก็ต้องหลับสบายดีสิ ในเมื่อเขาไม่ได้นอนกับหล่อนนี่ หล่อนเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ
คนเป็นแม่ระบายยิ้มกว้าง เพราะคิดไปในแง่ที่ดี แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงป้าไอรีน แม่บ้านที่ตามติดหล่อนมาจากอิตาลีเอ่ยขึ้นด้านหลัง
“คุณมาร์ตหมายถึงเตียงในห้องหอเหรอคะ”
มาร์ติเนซเอียงคอมองป้าไอรีน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังขา
“ทำไมหรือครับป้าไอรีน”
“แหม ก็เมื่อเช้าป้าเห็นคุณมาร์ตเดินออกมาจากห้องรับแขกน่ะสิคะ ป้าก็เลยคิดว่าเตียงที่ว่านุ่มๆ น่าจะเป็นเตียงในห้องรับแขกมากกว่าในห้องหอน่ะค่ะ”
สีหน้าของมาร์ติเนซเจื่อนลง และก็ต้องเจื่อนลงอีกเมื่อหันไปสบตากับมารดาที่จ้องมองมาเขม็ง
สราวลีก้มหน้าซ่อนความอับอายเอาไว้สุดกำลัง หยาดน้ำตาแทบจะรินออกมาอาบแก้ม เมื่อตอนนี้ทุกคนในห้องอาหารล่วงรู้แล้วว่าหล่อนคือเจ้าสาวที่ถูกทิ้งให้นอนในห้องหอเพียงลำพัง
“จะแก้ตัวว่ายังไง มาร์ติเนซ”
คำถามของมารดาทำให้มาร์ติเนซระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจตอบออกไป
“ผมไม่อยากกวนวลีน่ะครับ เห็นว่าหลับแล้ว”
“จริงเหรอหนูวลี” มาเรียเอ่ยถามลูกสะใภ้
สราวลีเงยหน้าขึ้น สบตากับสามีตัวโตเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจตอบออกไปเสียงแผ่วเบา
“เอ่อ...ค่ะ”
“แต่เจ้าบ่าวก็ไม่ควรทิ้งเจ้าสาวให้นอนคนเดียวในคืนเข้าหอ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ นะมาร์ติเนซ” มาเรียตำหนิลูกชาย ก่อนที่มาริโอผู้เป็นสามีจะเอ่ยปราม