ตอนที่ 2

1281 คำ
บทที่ 2 “มือถือๆๆ” เธอนึกถึงโทรศัพท์มือถือที่เมื่อคืนแบตหมด จึงตั้งใจจะรีบวิ่งไปชาร์ต แต่ด้วยความรีบร้อนทำให้เธอไม่ทันระวังผ้าผ่อนที่นุ่งกระโจมอกไว้คลายออก กระทั่งร่วงหลุดลงไปกองที่ปลายเท้า “อุ๊ย!” ที่ต้องร้องอุทาน ไม่ใช่เพราะผ้าหลุด เพราะปกติมันก็หลุดอยู่เป็นนิจอยู่แล้ว ก็อยู่คนเดียวจะต้องกลัวใครมาเห็น แต่ที่ต้องร้องเพราะร่องรอยที่ผู้ชายทิ้งไว้บนเนื้อตัวเธอต่างหาก “บ้าบอ! ทำไมหื่นขนาดนี้เนี่ยคุณภากร” เธอเขินแทบบิดตัวเป็นเกลียวกับรอยแดงเป็นจ้ำๆ ใต้ร่มผ้า คิดไม่ถึงว่าคนที่มีประสบการณ์เรื่องอย่างว่าเป็นศูนย์ จะทำให้ผู้ชายหลงใหลได้ “ป่านนี้เขาจะคิดถึงเราบ้างไหมนะ บางทีเขาก็จะกำลังตามหาเราอยู่ก็ได้ ก็เราเล่นออกมาโดยไม่บอกเขาสักคำนี่นา ตอนนี้คงกำลังพยายามโทรหาเรา เออ…จริงด้วย! โทรศัพท์ ตายๆๆ ป่านนี้ไม่โทรจนสายไหม้ไปแล้วรึไง” เธอรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาชาร์ต แต่ทันทีที่เครื่องเปิดขึ้นมา เสียงเตือนข้อความจากสายโทรเข้าก็ดังขึ้น แต่มันกลับไม่ใช่เบอร์ของคนที่คิด “ไม่เห็นมีสายคุณภากรเลย มีแต่สายยัยศิ แล้วนี่ยัยศิจะโทรมาทำไมนักหนาเนี่ย” ข้อความจากเบอร์ที่พยายามโทรหากลับเป็นเบอร์ของเพื่อนรักอย่างศิศิรา กระทั่งข้อความจากไลน์ก็เด้งตามมาอีกรัวๆ (วา แกรีบออกมาจากห้องคุณภากรด่วนเลย ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ไว้ฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลัง) ศิศิราที่รู้เห็นในทุกๆ เรื่องของเพื่อน จะเรียกว่ากองหนุนก็คงไม่ผิดนัก ก็คีย์การ์ดที่เธอได้มาก็มาจากเพื่อนรักคนนี้แหละ ดูเหมือนข้อความของศิศิราจะทำให้แวววิวาห์สงสัยอยู่ไม่น้อย กระทั่งได้อ่านข้อความถัดมา ซึ่งดูจากเวลาน่าจะห่างกันประมาณยี่สิบนาที (ฉันหวังว่าแกจะทันได้อ่านข้อความนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป คุณภากรเขาไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิด เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง เขาเป็นเกย์) ข้อความนี้ของเพื่อนทำให้เธอเผลอเถียงออกมาทันที “บ้าแล้ว แกนั่นแหละที่ต้องตั้งสติ เขาจะเป็นเกย์ได้ยังไงในเมื่อเขาเพิ่งนอนกับฉันเมื่อคืน เป็นอะไรของแกเนี่ยยัยศิ หรือว่าเมา” เธอส่ายหน้าน้อยๆ ไม่เชื่อที่เพื่อนบอกเลยสักนิด กระทั่งข้อความถัดมา แต่คราวนี้ฝั่งนั้นกลับส่งมาเป็นเสียงแทนการพิมพ์ (วา ตอนนี้แกอยู่ไหน ออกมารึยัง ฉันรู้ว่าเรื่องที่คุณภากรเป็นเกย์มันเป็นเรื่องที่เชื่อยาก แต่แกเชื่อฉันเถอะ เพราะฉันเห็นมากับตา) คลิปเสียงแรกทำเอาคนอ่านถึงกับขมวดคิ้ว ก่อนจะกดฟังคลิปเสียงต่อไป (ฉันเจอเขาในงาน แล้วเขาก็มากับคู่ขาของเขาด้วย ทีแรกฉันก็คิดว่าเขาจะพากันไปต่อที่ห้อง เลยให้แกรีบออกมา แต่ตอนนี้ฉันว่ายาว เพราะเขาเปิดห้องที่นี่กันแล้ว) ใช่! เพื่อนเธอไปงานแต่งงานของญาติ และเท่าที่จับใจความได้ เธอไปเจอเขาที่นั่น แต่ที่ไม่เข้าใจเลยคือ มันจะเป็นอย่างที่เพื่อนเธอว่าได้ยังไง ในเมื่อเธอกับเขาเพิ่งจะมีอะไรกันเมื่อคืน ข้อมูลที่ได้มาทำเธออึ้ง รอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนหน้าไม่มีอีกแล้ว มีเพียงความรู้สึกราวกับถูกค้อนหนักๆ มาทุบลงบนหัว จนเธอแทบล้มทั้งยืน ถ้าเรื่องมันเป็นอย่างที่เพื่อนว่า แล้วเมื่อคืนมันคืออะไร ถ้านั่นไม่ใช่ภากร แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ตอนนี้เธอรู้สึกว่ามือไม้สั่นไปหมด แต่ก็ยังพยายามคิดในแง่ดีว่าเพื่อนอาจจะกำลังเข้าใจอะไรผิด พลันนิ้วเธอก็ดันเผลอจิ้มโทรออกไป “วา…วา…ฮัลโหลวา แกเป็นอะไรรึเปล่า” เสียงปลายสายจากศิศิราทำให้เธอตื่นจากภวังค์ ก้มมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือด้วยความตกใจ “อื้อ! ว่าไง” (ว่าไงอะไรล่ะ ฉันต่างหากที่ต้องถามแก แกเป็นฝ่ายโทรหาฉันนะ นี่แกเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย หรือเป็นเพราะผิดหวังเรื่องเมื่อคืน เอาน่า! ไม่ต้องคิดมาก ผู้ชายไม่สิ้นไร้เท่าใบพุทรา ผิดหวังตอนนี้ยังดีกว่าต้องมาเสียใจภายหลัง เกย์นะแก ยังไงเขาก็ไม่เอาผู้หญิงอย่างเราๆ หรอก อีกอย่างรูปหล่อ โปรไฟล์ดีไม่ได้มีแค่คุณภากรซะหน่อย อีกอย่างผู้หญิงหน้าตาดีมีพรหมจรรย์เป็นของแถมอย่างเราๆ ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไร เชื่อฉัน! มั่นหน้าเข้าไว้ เดี๋ยวผู้ชายก็เข้ามาให้เลือกเองนั่นแหละ) เอ่อ…ดูเหมือนศิศิราจะพูดแบบนี้มาตั้งแต่ห้าหกปีที่แล้ว จนตอนนี้อีกไม่กี่ปีก็สามสิบแล้ว เฮ้อ! เห็นคานทองรออยู่รำไร แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ว่า…เธอนอนกับใครก็ไม่รู้ ที่สำคัญพรหมจรรย์ที่เคยหวงแหนก็ถูกพรากไปแล้วด้วย “ฮือๆๆ” คำว่าพรหมจรรย์จากปลายสายทำให้เธอปล่อยโฮอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ จนปลายสายพลอยตกใจไปด้วย (เฮ้ย! วาแกเป็นอะไรไป เสียใจเรื่องคุณภากรขนาดนี้เลยเหรอ) เสียงปลายสายดูร้อนรนด้วยความเป็นห่วง แต่มันกลับทำให้แวววิวาห์ยิ่งร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม เพียงเพราะชื่อของคุณภากร “ฮือๆๆ หมดแล้ว ฉันไม่เหลืออะไรแล้วแก” แวววิวาห์ฟูมฟายจนปลายสายตกใจอีก (อะไร? ไม่เหลืออะไร มันเกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว หรือว่าเมื่อคืนมันมีเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่รู้ ให้ตายสิ! เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกับแกวา) น้ำเสียงศิศิราเริ่มเครียดจัด ด้วยทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันมาหลายปี ไม่สิไม่ใช่แค่เธอสองคน แต่ยังมีสาวเนิร์ดอย่างพริมรตาด้วยอีกคน ทั้งสามคนเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมจนจบปริญญา กระทั่งมาทำงานก็ยังได้ทำงานอยู่บริษัทเดียวกัน ถึงแม้เธอจะเป็นคนเดียวที่เพิ่งย้ายตามมาทีหลังก็ตามเถอะ “ฮือๆๆ เมื่อคืนฉัน…ฉัน…ฮึกๆๆ เมื่อคืน…ฮือๆๆ” ความเครียด ความกลัว ความสับสนผสมปนเปกันจนเธอพูดไม่ออก และไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี (เอาล่ะ! ไหนแกลองตั้งสติ แล้วค่อยๆ เล่าให้ฉันฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าแกยังไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า แต่แกจงจำไว้ไม่ว่ายังไงฉันก็จะอยู่ข้างแกเสมอ) คำปลอบประโลมของเพื่อนทำให้เธอตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด “ฉันเสียตัวไปแล้ว ฮือๆๆ” (ฮะ! เสียตัว! เสียให้ใคร) เสียงของศิศิราแทบเป็นเสียงตะโกน จนคนฟังร้องหนักยิ่งกว่าเดิม “ไม่รู้…ฉันไม่รู้ ฮือๆๆ” แวววิวาห์ยังคงฟูมฟาย (ไม่รู้? แกไม่รู้ว่าแกนอนกับใครเนี่ยนะ วา!) น้ำเสียงของศิศิราก็ฟังดูร้อนรนไม่แพ้กัน “ฉัน…ฉันเมา ฮือๆๆ” (เมา! โอเค! เอาล่ะ ไหนแกลองเล่าเรื่องทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นซิ ไม่ๆๆ แกเมา งั้นเอาที่จำได้แล้วกัน) ดูเหมือนศิศิราเองก็พยายามตั้งสติอย่างยิ่งยวดอยู่เหมือนกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม