7

1481 คำ
“พี่วัต” อรนภัสเหลืออดเมื่อเห็นลูกค้าทยอยออกไปจากร้านจนเหลือเขาเป็นคนสุดท้าย “ปิดร้านแล้วเหรอ มองเพลินไปหน่อย ชักเริ่มหิว” ภวัตยืนขึ้นเต็มความสูง ยืดกายบิดไปมาด้วยความเมื่อยล้าและเกียจคร้าน มองน้องสาวเพื่อนอย่างเอ็นดู “ไม่ใช่เสียหน่อย มานั่งมองอรแบบนี้ได้ยังไง” เธอถามอย่างโกรธๆ แสร้งกลบเกลื่อนอารมณ์เขินอาย “แก้วกับหวานฝากปิดร้านด้วยนะ ฉันกับเจ้านายของเธอจะออกไปทานข้าวกัน” ภวัตไม่สนใจอารมณ์ของหญิงสาวแต่ลากมืออีกฝ่ายเดินออกจากร้าน “ทานข้าวให้อร่อยนะคะคุณอรคุณวัต ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวแก้วกับหวานปิดร้านให้เอง” ดอกแก้วโบกไม้โบกมือให้ทั้งสองยิ้มๆ อรนภัสทำหน้าเหลอหลาเมื่อได้ยินคำพูดของดอกแก้ว ขนาดลูกน้องคนสนิทยังญาติดีกับคนเผด็จการแบบเขา แถมยังโบกไม้โบกมืออวยพรดิบดี แล้วสองคนนี้ไปรู้จักกับเขาตอนไหน? “รู้จักกันตอนอยู่ในร้านนั่นแหละ” ภวัตเอ่ยอย่างรู้ทัน อรนภัสหันมองร่างสูงตาโต เขาพาเธอมายังรถโฟร์วิลสีดำมันเงา จับเธอยัดใส่รถและรีบอ้อมมาประจำที่คนขับ “ใครบอกว่าอรจะไปกับพี่” เธอหน้างอเมื่อเขาไม่ถามเธอสักคำว่าต้องการไปกับเขาหรือเปล่า “ไม่มีใครบอก ขึ้นรถมาแล้วลงไม่ได้” ภวัตพูดขึ้นหันไปส่งสายตาเอ็นดูให้ จนอรนภัสหน้าแดงแล้วแดงอีก อรนภัสค้อน มองเขาอย่างไม่ไว้ใจ แล้วนี่เธอเป็นอะไร แทนที่จะดิ้นรนขัดขืน กลับไปกับเขาเสียนี่ “จำกันไม่ได้หรือไง ยัยเด็กขี้มูกโป่ง” คำพูดของเขาทำให้เธอหันมองตาโต “รู้ว่าตาโต แต่อย่าเบิกมาก จะถลนออกมาแล้ว” ภวัตแหย่น้องสาวเพื่อนด้วยความเอ็นดูไม่คลาย เขานึกน้อยใจนิดๆ ที่เธอจำเขาไม่ได้จริงๆ “ปากเสีย” เธอว่าให้ “จำพี่ไม่ได้หรือไง” เขาเอ่ยถามอีก หันมามองเธอแวบหนึ่งก่อนหันไปมองถนนต่อ “จำใครกันคะ” อรนภัสได้แต่งุนงง มองหน้าเขานิ่งนาน ขมวดคิ้วเป็นปม “ไม่คุ้นเลยหรือไง” เขาเอ่ยถามอีก เธอเริ่มขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อยๆ “ตอนเด็กๆ ชอบอาบน้ำแก้ผ้าข้างคลองหลังบ้าน จำได้ว่าก้นลาย กางเกงในก็ไม่ใส่” ภวัตเอ่ยแล้วอดจะอมยิ้มไม่ได้ “พี่วัต!” อรนภัสตะโกนลั่นรถ ภวัตแทบเอามือปิดหู “เออ... รู้แล้วว่าเสียงดัง อย่าตะโกนใส่มากเดี๋ยวประสาทหูพิการ เสียงดังแบบนี้ใครจะกล้ามาขอ เดี๋ยวขึ้นคาน หากพี่ไม่มาขอคงขึ้นคานแน่ๆ” “พี่วัตไง บอกว่าจะมาขออร” อรนภัสสวนกลับ เธอเริ่มจำเขาได้แล้ว เขาเป็นเพื่อนพี่ชายของเธอนั่นเอง ตอนเด็กๆ เขาชอบแหย่เธอ แต่ที่เธอจำไม่ได้เพราะได้เจอเขาไม่กี่ครั้งบิดามารดาก็ย้ายจากปักษ์ใต้เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ “มาชุบตัวที่กรุงเทพฯ ยังก้นลายอยู่ไหมล่ะ นี่พูดแล้วอย่าคืนคำนะ อาทิตย์หน้าจะให้พ่อขึ้นมาสู่ขอแล้ว” “ห๊า! พี่วัตพูดจริงเหรอคะ” อรนภัสอุทานตาโต “เห็นครั้งแรกทำเป็นเขินอาย เรียบร้อย แต่พออุทานทีผู้ชายหนีหมด สงสัยอยากจะอ่อยเหยื่อ แต่โชคร้ายหน่อยที่พี่ติดกับเธอแล้วแหละ ดิ้นไม่หลุดเลย จะติดบ่วงเธอไปตลอดชีวิต ยัยเด็กก้นลาย” ภวัตแสร้งพูดปมด้อยของเธอเล็กน้อย ยั่วให้อีกฝ่ายอารมณ์ขึ้นพอหอมปากหอมคอ “พี่วัตว่าอรอีกครั้งเดียว อรจะงอนแล้วนะคะ” อรนภัสทำปากยื่นอย่างแสนงอน “โอ๋ๆๆ ไม่งอนนะ เดี๋ยวพาไปกินอาหารอร่อยๆ จะได้หายงอน” เขาบอกอย่างเอาใจ “งอนแล้วงอนเลยค่ะ โกรธร้อยปีอย่ามาดีร้อยชาติ” อรนภัสตอบอย่างมีแง่งอน “ก็ดีนะ บอกล่วงหน้าว่าจะงอน พี่จะได้เตรียมง้อ ชอบทำขนมหรือไง อยู่กับขนมทั้งวันไม่เหนื่อยเหรอ” เขาเปลี่ยนเรื่อง อยากรู้เรื่องส่วนตัวของเธอบ้าง ได้ฟังแต่กฤษณะพูดให้ฟังไม่เท่ากับได้ฟังจากเจ้าตัวเอง “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ อรชอบ” พอพูดถึงสิ่งที่ชอบหญิงสาวก็อมยิ้มอย่างลืมตัว “อืม... ก็จริงนะ ดูหุ่นก่อนสิ เหมือนลูกหมู สงสัยจะชอบกินของหวาน” “พี่วัต!” อรนภัสสะบัดค้อนเมื่อโดนล้อ ทำปากยื่นหน้างอมากขึ้น “เรียกเสียงดังเป็นอะไร เวลาไปเป็นเมียพี่อย่าตะโกนใส่หูนะ ไม่งั้นจับหวดก้น ยัยอ้วน” ภวัตดุสาวน้อยข้างกาย “พี่วัตว่าอรทำไม” อรนภัสค้อนตาวาว “พูดเรื่องจริง ก็รู้อยู่ว่าพี่ชอบพูดเรื่องจริง ไม่ชอบโยกโย้ ไม่ชอบอ้อมค้อม ตรงไปตรงมา” “ถ้าว่าอ้วน ก็ไม่ต้องมาขออรเลยนะ” อรนภัสสะบัดหน้ามองออกไปนอกรถแทน “พี่ชอบหุ่นแบบอร กอดแล้วเต็มไม้เต็มมือดี เวลา...” เขาพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนข้างๆ แก้มแดงปลั่งอย่างอายแสนอาย “พี่วัตพูดอะไรน่าไม่อาย อรจะโกรธนะคะ จะไม่คุยกับพี่วัตอีกเลย” อรนภัสอยากด่าเขาให้เจ็บแสบ แต่นึกคำด่าไม่ออก เกิดมายังไม่เคยด่าใคร มารดาไม่ชอบให้พูดคำหยาบ เธอมักเตือนตัวเองเสมอจนเป็นความเคยชินว่าไม่ให้พูดจาหยาบคายกับคนอื่น “พูดเรื่องจริง อยากกอดอยากทำมากกว่านี้อีก แต่มันยังไม่ถึงเวลา ให้แต่งงานก่อนเถอะ หึหึ ไม่รอดแน่” เขาขู่เธอกลายๆ ทำให้คนที่นั่งอายแสนอายอยู่ด้านข้างแทบอยากกระโจนลงจากรถ “ไม่ได้อยากให้กอดเสียหน่อย” อรนภัสบ่นอุบแก้มแดงปลั่ง เขาช่างขยันทำให้เธอหน้าแดง “ถ้าแต่งงานจะทั้งกอดทั้ง...” “พี่วัต” หญิงสาวรีบเรียก กลัวเขาจะพูดให้เธออายอีก “อยู่กันสองคนไม่มีใครได้ยินหรอกน่า” ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าไปยังร้านอาหารไทยปักษ์ใต้ เขาเดินมาเปิดประตูให้หญิงสาว เธอเอ่ยขอบคุณเบาๆ แต่ต้องอุทานเมื่อเขากุมมือไว้ “แค่จับมือทำเป็นอาย อยู่เมืองกรุงไม่เคยโดนผู้ชายจับมือหรือไง” เขาแกล้งว่า “โดนจับจนเบื่อแล้ว อุ๊ย!” อรนภัสอุทานเมื่อพูดจบประโยคเขาก็บีบมือแน่นสายตาคมดุตวัดมองเธอวาวโรจน์ “พี่วัตอรเจ็บนะคะ” อรนภัสพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุม “ทีหลังห้ามใครจับอีก หวง” ชายหนุ่มพูดหน้าตาเฉย ใบหน้าจริงจังจนเธอลอบกลืนน้ำลาย “พี่วัตไม่ใช่เจ้าชีวิตอรเสียหน่อย ทำไมต้องมาสั่ง” หญิงสาวทำเป็นเถียงทั้งที่กลัว “อย่าเถียงเป็นเด็กเป็นเล็ก เดี๋ยวตีตายเลย” ภวัตดุและลากอรนภัสเข้าไปในร้าน เธอมุ่ยหน้าใส่แผ่นหลังกว้าง “อยากกินอะไร สั่งเต็มที่เลยยัยอ้วน พี่เลี้ยงเอง” เขาบอกอย่างใจดีเมื่อนั่งลงที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว อรนภัสซ่อนยิ้มหลุบตามองเมนูอาหาร แต่ต้องหุบยิ้มลงเมื่อได้ยินประโยครู้ทันของอีกฝ่าย “สั่งมาแล้วต้องทานให้หมดนะ ถ้าจะสั่งเพื่อแกล้งให้พี่จ่ายเยอะก็ไม่ต้อง ไม่ใช่เด็กแล้ว ทำอะไรต้องรู้จักคิด” อรนภัสอ้าปากค้างก่อนหุบฉับ เขาก้มมองเมนูอาหารก่อนสั่งอาหารรสจัดจ้าน มีแกงส้ม ผัดเผ็ด คั่วกลิ้ง แกงป่า เธอจึงสั่งแกงจืด ไข่เจียวหมูสับ หมูทอดกระเทียม และผัดผักรวมแทนเพราะมีแต่อาหารเผ็ดจัด “เติมข้าวได้นะ จะกินกี่จานก็ได้ ไม่ต้องคิดว่ากินกับผู้ชายแล้วต้องค่อยละเลียด เห็นแล้วรำคาญตา” “พี่วัต ปากจัด” อรนภัสย่นจมูกใส่ “อ้าว... พูดตรงๆ ไม่ชอบหรือไง พี่ไม่ชอบอ้อมค้อม บอกให้อรกินเต็มที่ไง” “ทำไมเวลาไปกินข้าวกับผู้หญิงคนอื่นเค้าเป็นแบบนั้นหรือไงคะ” เธอถามลอยๆ แต่ใจจดใจจ่ออยากฟัง ภวัตทำท่าคิด อรนภัสมองตาวาว เขาสบตาก่อนพิงพนักกอดอกมองเธอนิ่ง “หึงเหรอ” “แค่กๆๆๆ” เธอสำลักน้ำที่ยกขึ้นจิบ เมื่อได้ยินประโยคนั้น ก่อนจะหน้าแดง เพราะเธอหึงเขาอยู่เหมือนกัน แค่คิดว่าเขาจะไปกินข้าวกับสาวๆ คนอื่น “จริงด้วย มองตาก็รู้” ภวัตดักคอ มั่นอกมั่นใจในความคิดของตัวเอง “อรอ่านง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม