วันนี้เป็นอีกวันที่มีลูกค้าหนาแน่นเต็มร้านอาหารจนโต๊ะเต็มทุกโต๊ะ คืนวันเสาร์ก็แบบนี้แหละนะ ผมเดินส่งออเดอร์ เดินเสิร์ฟอาหารไม่หยุดตั้งแต่เปิดร้านมา จนตอนนี้ก็หนึ่งทุ่มแล้ว เป็นเวลาที่ผมจะได้พักกินข้าว
“ฟ้า กินข้าวอยู่เหรอ” พี่ร่วมงานเดินเข้ามาหาผมที่นั่งกินข้าวอยู่หลังร้าน
“ครับพี่” ผมตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากแล้วรีบเคี้ยวรีบดื่มน้ำตาม
“พอดีพี่ไม้แกให้มาเรียกน่ะ บอกว่าลูกค้าวีไอพีเรียกหา”
“หาผมเหรอ” ผมถามกลับอย่างแปลกใจ เพราะว่าปกติผมไม่มีลูกค้าวีไอพีเจ้าประจำ
“อืม กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปหาพี่ไม้ละกัน”
“ครับพี่ ขอบคุณครับ”
ผมยกน้ำขึ้นดื่มอีกรอบ ก่อนจะเข้าห้องน้ำไปแปรงฟัน กับข้าวที่พ่อครัวทำในวันนี้เป็นกับข้าวที่มีกลิ่นแรง ถ้าต้องไปดูแลลูกค้าวีไอพี จะพูดจะคุยกับลูกค้าแล้วมีกลิ่นปากคงไม่ดี
ปกติผมก็แปรงฟันหลังกินข้าวอยู่แล้ว เหตุผลก็เพราะผมยอมเสียเวลาดูแลมันซะหน่อย ดีกว่าให้มันมีปัญหาแล้วต้องไปหาหมอเสียเงินเสียทองทีหลัง
แปรงฟันเสร็จผมก็รีบเดินไปหาพี่ไม้ที่ยืนรับแขกอยู่หน้าร้าน ผมยืนรออยู่ใกล้ๆจนกระทั่งพี่เขาจัดแจงหาโต๊ะให้ลูกค้ากลุ่มใหญ่เสร็จ
“กินข้าวเสร็จแล้วเหรอเรา ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดีเลย” พี่ไม้ถาม ขณะที่เดินนำผมไปยังห้องอาหารวีไอพี
“ครับ ปกติผมกินข้าวไวอยู่แล้ว” ผมบอก
“พอดีลูกค้าเขารีเควสมาอ่ะ พี่เลยต้องให้คนไปตาม”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ยังไงก็ฝากด้วยนะ” พี่ไม้บอกผม ก่อนจะเปิดประตูห้องอาหาร
พี่ไม้เดินนำเข้าไปในห้อง ทำให้จังหวะแรกผมไม่เห็นว่าลูกค้าคือใคร จนกระทั่งพี่ไม้ขยับตัวเบี่ยงไปทางซ้าย ผมถึงได้เห็นว่าใครคือลูกค้าวีไอพีที่เรียกหาผม
คุณตรี
“ผมพาเด็กมาส่งแล้วครับลูกค้า ต้องการอะไรก็บอกกับน้องเขาได้เลยนะครับ”
“ครับ” คุณตรีตอบรับพี่ไม้สั้นๆ ก่อนจะหันมาสบตาผม
“ตั้งใจทำงานนะฟ้า”
“ครับพี่”
พี่ไม้เดินออกจากห้องไปแล้ว ผมยืนมองคุณตรีด้วยความประหม่า ก่อนจะรีบตั้งสติแล้วเข้าไปจดออเดอร์อาหาร เพราะเท่าที่สังเกตคือบนโต๊ะยังโล่งไม่มีแม้แต่แก้วน้ำด้วยซ้ำ
“รับเป็นเครื่องดื่มอะไรดีครับ” ผมถามในสิ่งที่คิดว่าพวกเขาน่าจะให้คำตอบได้ก่อน
“เอาเหล้าไหมเจ้าภาพ” ผู้ชายคนหนึ่งหันไปพูดกับคุณตรี
“อืม อยากกินก็สั่ง”
“งั้นพวกกูเต็มที่นะ มึงกลับมาอยู่ไทยทั้งที มันก็ต้องฉลองกันสักหน่อย”
“ตามสบาย”
“ไหนๆก็มีคนเลี้ยงละ คืนนี้จัดเต็ม”
“ดีๆ เอาให้เต็มที่ ฮ่าๆๆ”
พวกเขาดูเฮฮาสนุกสนาน ขนาดคุณตรีเองที่มักจะมีสีหน้าเคร่งเครียดก็ยังหลุดยิ้มและขำขันไปกับเพื่อนของเขา ผมเผลอยิ้มให้กับรอยยิ้มที่ดูผ่อนคลายของคุณตรี ถ้าคุณตรียิ้มแบบนี้บ่อยๆ ก็คงจะดี ผมชอบที่เขายิ้มมากกว่าตอนที่เขาทำหน้านิ่ง
ตอนสั่งอาหารก็เป็นเพื่อนๆ เขาที่สั่งกันเสียมากกว่า ผมมองคุณตรีที่เอาแต่นั่งมองเมนู ไม่เห็นจะสั่งอะไรสักที ผมจึงขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วสอบถาม
“คุณตรีไม่สั่งเหรอครับ”
“ไม่รู้สิ มีอะไรแนะนำไหมล่ะ” คุณตรีเงยหน้าจากเมนูมาถามผมกลับ
“เต้าหู้หมูสับนึ่งขิงไหมครับ กลมกล่อม ไม่เผ็ดด้วย” ผมเสนอ เพราะรู้ว่าคุณตรีไม่กินเผ็ด เขาเหมือนจะกินง่าย แต่ความจริงค่อนข้างเลือกกินมากๆ และแต่ละเมนูที่เพื่อนๆเขาสั่งมาก็เป็นอาหารรสจัดทั้งนั้น
“อืม เอาอันนั้นก็ได้ แล้วมีอะไรอร่อยอีกไหม” คุณตรีพยักหน้ารับเมนูที่ผมเสนอ
“ที่จริงก็อร่อยทุกอย่างแหละครับ ผมรับประกัน” ผมรีบขายของ คุณตรีเหลือบมองผมแล้วยกยิ้มมุมปาก
“เอาที่ฉันกินได้สิ”
“ปลากะพงทอดน้ำปลาโอเคไหมครับ เค็มนิดๆ อมหวานหน่อยๆ”
“เอา”
“อีกอย่างเอาเป็นพวกต้มดีไหมครับ ที่สั่งมามีแต่ต้มยำกับแกงส้ม ที่ร้านทำค่อนข้างเผ็ดเลย คุณตรีน่าจะไม่ชอบ”
“อืม”
“งั้นเอาเป็นต้มจืดฟักเส้นใส่ไก่สับไหมครับ คุณตรีชอบกินไก่นี่”
เขาดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่เขายังเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ออกกำลังกายแล้วก็สร้างกล้ามเนื้อตลอด แต่ก็ไม่ถึงกับควบคุมอาหารไปเลยขนาดนั้น ตอนนั้นเขาก็ยังกินทุกอย่าง ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ แต่ปัจจุบันนี้ผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องของเขาเท่าไหร่ อาศัยก็แค่ข้อมูลครั้งเก่าที่ผมยังจำได้ไม่เคยลืม
“เดี๋ยวนะ สองคนนั้นซุบซิบๆ อะไรกัน” เพื่อนของคุณตรีที่ตัดผมทรงสกินเฮด เจาะหูแต่งตัวดูเท่เอ่ยทักขึ้น
“นั่นสิ ทำไมน้องไม่มาแนะนำอาหารให้พี่บ้างล่ะ พี่ก็อยากได้คนดูแลนะ” ส่วนคนนี้ดูเป็นผู้ชายแบบไทยแท้ ทั้งรูปหน้าและผิวสีแทน
“เงียบไปไอ้ทิศ” คุณตรีแหวขึ้นเสียงเบา
“หวงเหรอ นี่เพื่อนไง” คนที่คุณตรีเรียกว่าทิศยักคิ้วถามกวนๆ
“เรื่องของกู”
“น้องชื่ออะไรครับ” พี่คนหัวสกินเฮดถามผม
“ผมชื่อสายฟ้าครับ” ผมตอบเพื่อนคุณตรีด้วยเสียงที่นอบน้อม
“งั้นเรียกน้องฟ้าได้ไหม ง่ายดี”
“ได้ครับ”
“น้องฟ้ามีอาหารแนะนำให้พวกพี่บ้างไหม ขอรสจัดๆ”
“ครับ ก็มี...”
“ที่สั่งไปยังรสจัดไม่พอหรือยังไง”
เสียงของผมถูกขัดจากคุณตรี แล้วยังดึงแขนผมให้ขยับเข้าหาเขาใกล้กว่าเดิม เพียงเท่านั้นเพื่อนทั้งสองคนของคุณตรีก็โห่แซวพร้อมผิวปาก
“หวงจริงๆ ด้วยว่ะ กับพนักงานเสิร์ฟก็ยังจะหวงกับเพื่อน นิสัยเด็กไม่หายเลยนะคุณชายตรี”
“อย่ายุ่งน่า” คุณตรีชักสีหน้าแบบว่าเริ่มรำคาญเต็มทน
“โอเคๆ ไม่แซวแล้ว กูยังไม่อยากเห็นคนตัวโตเท่าควายเขิน ถ้าเป็นอย่างน้องฟ้าก็ว่าไปอย่าง”
“จิ๊”
ดูท่าว่าคุณตรีเริ่มจะอารมณ์ไม่ดีแล้วจริงๆ
“จะสั่งอะไรเพิ่มไหมครับ ผมจะได้เอาออเดอร์ไปส่งทีเดียว เดี๋ยวคนมาเยอะกว่านี้จะรอนาน” ผมยิ้มนิดๆแล้วเบี่ยงประเด็นออกจากเรื่องที่พวกเขาแซวเล่นอย่างสนุกสนาน ถ้ามากไปกว่านี้ผมคงจะทำหน้าไม่ถูก และคุณตรีอาจจะคว่ำโต๊ะใส่เพื่อนเขาก็เป็นได้
“เอาแค่นี้ก่อนก็ได้ครับน้องฟ้า” เพื่อนคุณตรีหันมายิ้มให้ผม
“งั้นผมทวนรายการอาหารนะครับ” ผมบอก
หลังจากที่ทวนรายการอาหารว่าไม่มีเมนูไหนตกหล่นจดไม่ทัน ผมก็เดินเอากระดาษจดออเดอร์อาหารไปส่งที่ห้องครัว พร้อมจัดเครื่องดื่มตามที่สั่ง ทั้งเหล้า โซดาและน้ำเปล่า ก่อนจะเอาขึ้นไปเสิร์ฟให้ที่ห้องอาหารของคุณตรีเป็นอันดับแรก
พอขึ้นไปถึงผมก็จัดแจงชงเหล้าใส่แก้วให้กับทุกคน ก่อนจะหลบมายืนอยู่ที่มุมห้อง รอเวลาที่พวกเขาจะเรียกให้ผมไปบริการ
คุณตรีและเพื่อนๆของเขากำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่พวกเขาไปมา และแน่นอนที่สุดว่าพวกเขาจะต้องซักถามถึงเรื่องที่คุณตรีไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
ต่อให้ผมจะรู้ว่ามารยาทที่ดีคืออะไร ทว่าพื้นที่ในห้องสำหรับแขกไม่เกินหกท่าน มันก็ทำให้ผมได้ยินเรื่องที่แอบอยากรู้ได้ไม่ยาก เพียงแต่ว่าคุณตรีไม่ค่อยจะเล่าอะไรเท่าไหร่ เพื่อนๆ ของคุณตรีก็ร้องบ่นกันว่าคุณตรีชอบกั๊กเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้หญิงที่นู่นหรือเรื่องครอบครัว ที่ดูจะพูดได้คล่องก็คงเป็นเรื่องงาน
ผมกะดูเวลาว่าอาหารน่าจะได้แล้ว ก็ปลีกตัวออกมาจากห้องอาหารไปที่ห้องครัว แล้วก็เป็นไปตามคาด อาหารทยอยเสร็จเรื่อยๆ ผมเอากับข้าวสามอย่างกับข้าวสวยหนึ่งโถขึ้นไปเสิร์ฟเป็นอันดับแรก
“น้องฟ้าครับ ชงเหล้าให้พี่หน่อยสิ น้องชงรสชาติดีมาก ไม่เหมือนเพื่อนพี่ ชงได้ห่วยแตก” พี่คนหัวสกินเฮดบอกพร้อมกับชูแก้วเหล้าให้ผม
“แล้วทำไมมึงไม่ชงเองล่ะ ใช้กูแล้วยังจะบ่นอีกเหรอ” พี่ที่ชื่อทิศบ่นใส่เพื่อนที่นั่งยิ้มเยาะ
ผมตักข้าวใส่จานให้พวกเขาเสร็จ ก็หยิบแก้วของพี่เขามาชงเหล้าเติมให้ แถมเติมให้แก้วของคุณตรีด้วย พวกเขาดื่มกันไวน่าดู เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงเหล้าในขวดก็พร่องไปกว่าเศษหนึ่งส่วนสาม
เหล้าที่คุณตรีสั่งเป็นเหล้าที่แพงที่สุดในร้าน ผมก็ไม่เคยกินหรอกนะ เขาว่ากันว่ารสชาติดี แต่สำหรับผมเหล้าอะไรก็ขมทั้งนั้น กินแล้วก็เมาเหมือนกัน
อาหารที่คุณตรีสั่งค่อยๆ ทยอยเสร็จและนำขึ้นมาเสิร์ฟ ผมยังคงคอยชงเหล้าอยู่เรื่อยๆ พร้อมกับรอรับออเดอร์อาหารจำพวกกับแกล้ม
“เฮ้ตรี เหล้ามึงหมดแล้ว เติมดิเติม น้องๆ มาเติมเหล้าให้เพื่อนพี่หน่อย”
“ครับ” ผมรับคำ แล้วเดินไปหยิบแก้วเหล้าของคุณตรี
ใบหน้าของเขาตรงแก้มและจมูกเริ่มขึ้นสีแดงนิดๆ คุณตรีเป็นคนขาว พอเริ่มเมาก็จะเห็นได้ชัด
เขาจะไม่เมาได้ยังไง เหล้าขวดแรกหมดไปแล้ว ตอนนี้เข้าสู่เหล้าขวดที่สอง มากันแค่สามคน แต่ดื่มเหมือนมากันสักสิบคน งานนี้เพื่อนๆ ของคุณตรีคงกะมอมให้เมาเละเทะ
“ไหวไหมครับ” ผมก้มถามเขาเสียงเบา
“อืม” เขาพยักหน้าเล็กน้อย
ผมมองเขาอีกแวบ ก่อนจะเดินไปชงเหล้า ผมลดปริมาณเหล้าลงครึ่งหนึ่ง ผสมกับโซดาและน้ำเปล่าอย่างละครึ่ง แล้วจึงเดินเอาไปเสิร์ฟ
คุณตรีมองหน้าผมสลับกับแก้วที่วาง ก่อนจะยกยิ้มบางๆ แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
เขาไม่ได้พูดอะไร ยังคงนั่งฟังเพื่อนๆพูดคุย บางครั้งคุณตรีก็มองมาที่ผม ผมสังเกตเห็นว่า เขายกแก้วเหล้าดื่มช้าลง กว่าแก้วนี้จะหมด เพื่อนๆ ของเขาก็ร้องว่าไม่ไหวซะแล้ว
“เก็บบิลเลยละกัน เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแปบ”
“ไปด้วยๆ”
พวกเพื่อนของคุณตรีเดินออกไปเข้าห้องน้ำ ส่วนผมก็เดินไปเอาบิลค่าอาหารที่ห้องการเงิน ปล่อยคุณตรีไว้ในห้องนั้นเพียงลำพัง
ก่อนจะกลับขึ้นไปแจ้งค่าอาหาร ผมแวะหยิบผ้าสะอาดผืนใหม่ชุบน้ำสะอาดเย็นจัดขึ้นไปให้คนทั้งสามคนข้างบนด้วย
ในส่วนนี้จะไม่ได้มีบริการทุกโต๊ะ จะเตรียมไว้บริการแขกวีไอพีเท่านั้น เพราะผ้าสะอาดจะใช้เพียงครั้งเดียว ไม่นำกลับมาใช้กับแขกคนอื่นอีกรอบ
ผมกลับมาที่ห้องอาหาร คุณตรีนั่งหลับตาพิงเก้าอี้ มือขาวเรียวยกนวดระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้าง เขาดูเมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ระหว่างมื้ออาหารก็ไม่ยอมหยุดดื่ม ขนาดผมชงแบบเบาที่สุดให้แล้วก็ยังไม่ค่อยช่วย
“คุณตรี ผ้าเย็นสักหน่อยไหมครับ จะได้สดชื่น” ผมเรียกเขา คุณตรีลืมตาขึ้นมองผม แล้วไล่สายตาลงมามองผ้าเย็นในถาดเล็กที่ผมยื่นไปตรงหน้าเขา
“ผ้าเย็นผืนใหม่ สะอาดแล้วก็หอมแน่นอนครับ” ผมยิ้มรับประกัน
“ขอบใจนะ” เขาหยิบผ้าเย็นไปเช็ดตามใบหน้าและลำคอ
“นี่บิลค่าอาหารครับ”
ผมวางถาดผ้าเย็นอีกสองผืนไว้บนโต๊ะ ที่ทำการเคลียร์จานเปล่าไปเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะยื่นบิลให้คุณตรีดู เขาหยิบไปเช็คก่อนจะส่งคืนพร้อมกับบัตรเครดิตและเงินสดอีกหนึ่งพันบาท
“ค่าอาหารรูดบัตร ส่วนเงินสดฉันให้เป็นทิป” เขาบอก
“ครับผม คุณตรีครับ”
“หืม”
ผมไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งที่คิดดีไหม แต่ถ้าไม่พูดแล้วเกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำรอย ก็จะกลายเป็นผมเองที่รู้สึกลำบากใจมากขึ้นไปอีก ถ้าต้องเป็นแบบนั้น ผมว่าผมพูดดีกว่า
“วันนี้คุณตรีไม่ต้องให้ทิปผมส่วนตัวแล้วนะครับ”
“ทำไม” คำถามของเขาไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจ
“แค่นี้ก็พอแล้วครับ วันก่อนที่คุณตรีให้มาก็เยอะแล้ว ไม่ต้องให้ผมแล้วนะครับ”
“อืม”
“คุณตรีรับปากแล้วนะ” ผมกลัวเหลือเกินว่าเขาจะรับคำไปอย่างนั้น
“ฉันรู้แล้ว”
“ขอบคุณครับ”
ผมรีบลงไปเคลียร์บิลให้คุณตรี ก่อนจะเอาบัตรและใบเสร็จมาส่งคืน
ผมอยู่ให้บริการจนกระทั่งพวกเขาลุกเดินออกจากห้องอาหารลงไปที่หน้าร้าน พวกเขาเอ่ยลากันก่อนจะแยกย้าย คุณตรียืนมองเพื่อนขึ้นรถแล้วขับออกไป
“คุณตรีกลับไหวเหรอครับ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง ดูท่าว่าเขาคงขับรถมา
“ไม่ไหว”
“อ้าว”
“หึหึ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันโทรเรียกคนขับรถแล้ว”
“อ่อ นั่นสินะครับ” แต่ไหนแต่ไรมาคุณตรีก็มีคนขับรถส่วนตัวอยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะชอบขับรถเองก็เถอะ
“เลิกงานกี่โมง” คุณตรีถามขึ้น ผมที่กำลังจะขอตัวกลับไปทำงานก็ต้องชะงักคำพูด
“เที่ยงคืนครับ”
“เลิกดึก แล้วก็ตื่นแต่เช้าไปส่งอาหาร วันๆ หนึ่งได้นอนกี่ชั่วโมงกันฟ้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าคล้ายจะตำหนิมากกว่าถาม
“แต่ผมก็มีเวลานอนกลางวันอยู่ครับ” ผมรู้ว่าคำตอบของผมมันไม่ตรงกับคำถามของเขา
“ฉันถามว่าวันละกี่ชั่วโมง ตอบให้ตรงคำถามหน่อย”
“เอ่อ ก็ สองสามชั่วโมงครับ พอดีช่วงนี้ติดอ่านหนังสือสอบ”
เขาจ้องผมนิ่งเลยทีนี้ ทำไมผมต้องรู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำผิดมหันต์ ในเมื่อผมต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ถ้าไม่ใช่ช่วงสอบก็สบายอยู่ กลับถึงห้องก็อาบน้ำแล้วเข้านอนเลย ตื่นมาส่งข้าวรอบเช้าก็มีเวลากลับไปนอนก่อนจะส่งข้าวรอบเที่ยง ผมเกิดมาตัวคนเดียว ไม่มีใครหาเลี้ยง จะมามัวทำตัวขี้เกียจมันก็ไม่ได้
“เมื่อเช้าตัวร้อน ไปหาหมอมาหรือยัง”
“แค่นั้นเอง ไม่ต้องไปหาหมอหรอกครับ กินยาผมก็ดีขึ้นแล้ว”
ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น โตมาแบบตามมีตามเกิด แทบจะเรียกได้ว่านอนกลางดินกินกลางทราย แค่ทำงานหนักนอนน้อยแค่นี้ ไม่ทำให้ร่างกายผมถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อหรอกครับ
“แต่ก็ควรจะไปหาหมอให้เขาตรวจ”
“เปลืองเงินนี่ครับ ผมซื้อยาแก้ไข้เองแผงละสิบกว่าบาท ไปหาหมอเสียเป็นร้อย”
“ช่างเถอะ ดูแลตัวเองให้ดี ฉันไปละ”
คุณตรีคงอยากจะดุผมมากกว่านี้ แต่ว่าคนขับรถของคุณตรีขับมาเทียบท่าที่หน้าร้านซะก่อน
“กลับดีๆ นะครับ” ผมเอ่ยลา
“นายก็ด้วย ดูแลตัวเอง อย่าให้ป่วย”
“ครับ ผมจะไม่ป่วยครับ”
ผมส่งคุณตรีขึ้นรถกลับบ้าน ยืนมองจนรถของเขาลับสายตา ผมถึงได้กลับเข้าไปทำงานต่อ
การทำงานวันนี้ไม่เหนื่อยอย่างที่ควรจะเป็น เพราะการรับรองแขกวีไอพีอย่างคุณตรีทำให้ผมไม่ต้องไปวิ่งหัวหมุนอยู่ที่โซนธรรมดา ติดอยู่อย่างเดียวก็คือซองสีน้ำเงินเข้มที่ชายคนนั้นฝากเอาไว้กับเจ้าของร้าน
ทำไมคุณตรีถึงได้ดื้อขนาดนี้นะ เขาให้ทิปส่วนตัวกับผมอีกแล้ว!
อย่าคิดว่าผมไม่อยากได้เงิน คนจนๆ แบบผมก็อยากจะมีเงินไว้กินไว้ใช้ แต่ที่เขาให้ผมมันมากเกินไป ตั้งแต่เขากลับมาได้ไม่กี่วัน ผมก็ได้รับเงินแทบจะเท่ากับส่งอาหารทั้งเดือนอยู่แล้ว
ผมอยากจะขุ่นเคืองใจให้ได้มากกว่านี้ ถ้าไม่ติดว่ามีกระดาษแผ่นเล็กแอบแทรกตัวอยู่ในซองสีน้ำเงินเจ้าปัญหา
‘เอาเงินนี้ไปหาหมอ ถ้าป่วยหนักทำงานไม่ได้
คงเสียเงินมากกว่าหลักร้อย
หาหมอแล้ว เอาใบแพทย์มาให้ดูด้วยล่ะ’
ผมละอ่อนอกอ่อนใจกับคนหน้านิ่งที่ใจดีเหลือเกิน ไหนเขาพูดว่าเขารู้แล้วไง แต่ก็ไม่ยอมทำตามความต้องการของผม
“เฮ้อ ไว้พรุ่งนี้ ผมจะไปหาหมอก็แล้วกัน”
แน่นอนว่าผมไม่ได้ดื้ออย่างที่คุณตรีเคยพูด แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เพราะเขากลัวผมไม่รับเงิน ถึงได้ใช้เล่ห์อุบายให้ผมไปหาหมอแทน ซึ่งผมก็ทำตามที่เขาต้องการ
เช้าวันถัดมาผมไปส่งอาหารที่บ้านเขาในตอนเช้า สิ่งที่ผมยื่นให้เขาเป็นสิ่งแรกไม่ใช่ถุงใส่กล่องอาหาร แต่เป็นใบแพทย์และเงินทอน
“ก็ยังดี ที่ไปหาหมอ” คุณตรีพูด ก่อนจะรับใบแพทย์กับเงินทอนไปอย่างไม่เต็มใจนัก
“แล้วก็อาหารเช้าครับ คุณตรียังไม่ได้แม่บ้านเหรอถึงได้สั่งอาหารทุกวัน”
ผมใช้ความกล้าในการถามคำถามนี้ เพราะไม่รู้ว่ามันจะดูละลาบละล้วงเกินไปไหม แต่ผมก็สงสัยจริงๆ คุณตรีกินค่อนข้างยากและไม่ชอบกินอะไรซ้ำๆ การที่เขาสามารถกินข้าวกล่องได้ติดกันเกินสองวันจึงทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจพอสมควร
“ยังหาคนใหม่ไม่ได้” เขาตอบ รับถุงกระดาษไปถือไว้พร้อมกับควักเงินจ่าย ทำให้ผมไม่ทันได้สงสัยในความหมายของแม่บ้านคนใหม่ที่เขาพูด
“คุณตรีไม่ต้องจ่ายแล้วไงครับ ลืมไปแล้วเหรอ เมื่อวานผมยังไม่ได้ทอนเงินให้”
“หึ ความจำดีจริงนะ” เขาบ่นพึมพำ ผมไม่เข้าใจจริงๆ จะมีใครที่ไหนที่อยากจ่ายเงินซ้ำซ้อน คาดว่าคงจะมีคนอย่างคุณตรีคนเดียวในโลก
“ผมความจำดีอยู่แล้ว แต่คุณตรีอาจจะขี้ลืม ขนาดบอกกับผมว่ารู้แล้ว แต่ก็ยังลืม ฝากทิปส่วนตัวมาให้ผมอีก”
“ฉันไม่ได้ลืม ฉันบอกว่ารู้แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำตามสักหน่อย”
พอเขาพูดมาแบบนี้ ผมก็ไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี ทั้งยังไม่มีเวลาเหลือให้ผมได้ถกเถียงเรื่องทิปกับเขาต่อ ยังเหลือออเดอร์ที่ผมยังต้องไปส่งอีกหลายบ้าน ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ผมจะต้องไปส่งข้าวสายแน่ๆ
“ผมเข้าใจคุณตรีแล้วครับ ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปส่งอาหารที่อื่นต่อ”
“อืม”
“แล้วก็ ถ้าวันนี้คุณตรีจะไปทานข้าวเย็นที่ร้าน ผมหยุดนะครับ ยังไงคุณตรีก็เรียกใช้งานพี่ๆ คนอื่นที่ร้านได้เลย” ผมบอกไว้ก่อน เขาจะได้ไม่ต้องให้พี่ไม้ไปตามผม
“วันนี้ตอนเย็นฉันไม่ไปกินที่นั่นหรอก”
“ครับ”
“ฟ้า”
“ครับคุณตรี”
“ถ้าช่วงบ่ายวันนี้หยุด ติดธุระที่ไหนหรือเปล่า”
“ไม่ครับ” ผมตอบไปอย่างไม่คิดอะไร ที่จริงก็มีต้องอ่านหนังสือ แต่ก็เหลือที่ต้องอ่านไม่เยอะมากแล้ว
“ช่วงบ่ายมาช่วยหน่อยได้ไหม ฉันจะจัดห้องทำงานใหม่ มีชั้นหนังสือที่ต้องจัดเรียง”
“ได้สิครับ ผมมาช่วยได้”
ไม่รู้ว่าผมออกอาการมากไปหรือเปล่า เพียงแค่เขาถามหาความช่วยเหลือจากผม ประโยคต่อจากนั้นผมก็แทบฟังไม่ได้ศัพท์แล้วว่าเขาจะให้ผมทำอะไร รู้แค่ว่าไม่ว่างานอะไรผมก็เต็มใจช่วย
“งั้นเจอกันบ่ายสองโมงที่บ้าน”
“ครับคุณตรี แล้วเจอกันครับ”
“ไปทำงานดีๆ ขี่รถระวังตัวด้วย” คุณตรีพยักพเยิดหน้าไปทางมอเตอร์ไซค์ที่ผมขี่
“ครับ ผมจะขี่รถอย่างระมัดระวัง” ผมรับคำเขาอย่างหนักแน่น
เพราะเชื่อในคำสั่งของคุณตรี วันนี้ผมจะยอมขับรถช้าเป็นเต่าคลาน แต่คาดว่าจะส่งข้าวกล่องทันเวลาทุกหลังคาเรือนแน่นอน เอาหัวไอ้ฟ้าเป็นประกันเลย!