บทที่ 5
หัสบรรณเดินหน้าเครียดเข้ามายังโต๊ะอาหาร ญาดามินทร์เห็นเข้าก็อดที่จะถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่หัส ทำไมหน้าตาถึงได้...”
คนถูกถามกระแทกลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย พลางทรุดกายลงนั่งกับเก้าอี้
“ไม่มีอะไรหรอกญาดา พี่แค่รำคาญเด็กเหลือขอบางคนน่ะ”
ญาดามินทร์ไม่กล้าถามต่อ เพราะสีหน้าของชายหนุ่มนั้นบูดบึ้งน่ากลัว จำต้องรีบเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นแทน
“เอ่อ พี่หัสคะ...”
“ครับ” หัสบรรณที่หรี่ตามองคนเอ่ยถาม
“ญาดารู้มาจากคุณลุงว่าพรุ่งนี้พี่หัสกับคุณลุงจะไปธนาคารในเมืองกันแต่เช้าเลยใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับน้อยๆ พลางอมยิ้ม
“ใช่ พี่กับคุณพ่อจะไปขอเบิกโอดีกับธนาคารเพิ่มน่ะ ก็อย่างที่ญาดารู้นั่นแหละ ตอนนี้ ไร่ของเรากำลังเผชิญปัญหาเรื่องน้ำแล้ง ไร่ต้นทางไม่ยอมปล่อยน้ำผ่านไร่ของเรา พี่กับคุณพ่อจึงจำเป็นต้องหาแหล่งน้ำแหล่งใหม่ และต่อท่อเข้ามาเพิ่ม เพื่อลดจำนวนการยืนต้นตายของต้นองุ่นน่ะ”
ท่าทางของหัสบรรณเคร่งเครียดจนญาดามินทร์อดที่จะเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้
“มีอะไรให้ญาดาช่วยก็บอกได้นะคะ ญาดาเต็มใจช่วยค่ะ”
หัสบรรณระบายยิ้มบางๆ แต่ญาดามินทร์รู้ดีว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มยินดีมากนัก
“ญาดาแค่ยิ้มให้พี่ดูทุกวันก็พอแล้วละครับ โอเคไหม”
หญิงสาวหัวเราะขบขันให้กับคำพูดของคู่สนทนา “ตกลงค่ะ งั้นญาดาจะนั่งยิ้มทั้งวันเลยนะคะ พี่หัสจะได้มีแรงทำงาน”
สองหนุ่มสาวนั่งคุยกัน หัวเราะให้กันด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ในสายตาของคนที่แอบมองอย่างตันหยงไม่ได้คิดเช่นนั้น เด็กสาวเต็มไปด้วยเจ็บปวด น้อยใจ และขุ่นเคือง
“ชอบผู้หญิงสวยๆ แบบนี้ใช่ไหม เดี๋ยวฉันจะจัดให้นายดู”
ตันหยงพูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว และเพราะถูกพ่อตามใจมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้ตันหยังกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้เสียทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่หัสบรรณ ผู้ชายที่หล่อนตีตราจองเอาไว้ตั้งแต่จำความได้ เขาจะต้องเป็นผู้ชายของหล่อน หล่อนจะทำทุกทางเพื่อให้เขามองมา แม้จะต้องใช้เล่ห์กลมากมายแค่ไหนก็ตาม
ขอบฟ้าเบื้องหน้านั้นไม่ได้สูงเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึง แต่ตอนนี้ผู้ชายอย่างเจอรัลด์ ซาโกร่า กาซิยาส กลับไม่ต้องการที่จะแตะขอบฟ้านั้นเลยสักนิด สิ่งสูงสุดที่เขาต้องการในยามนี้ก็คือการได้ตัวญาดามินทร์กลับคืนมา หล่อนเกิดมาเพื่อเขา เกิดมาเพื่อเป็นของผู้ชายจองหองเช่นเขาเท่านั้น
ร่างสูงใหญ่ที่ยืนทอดสายตามองผ่านกระจกสีชาออกไปจากบรรยากาศด้านนอกบนตึกสูงระฟ้าถอนใจออกมาแผ่วเบา เมื่อย้อนไปคิดถึงความรู้สึกยามที่ได้ฝังลึกอยู่ในกายสาวคับแน่นของญาดามินทร์ เจ้าหล่อนทั้งหอม ทั้งหวาน และละมุนละไมไปทั้งตัว เขาดำดิ่งลงสู่ห้วงปรารถนาได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าครั้งมันจะเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิด แต่เขาก็ได้ลิ้มรสความหวานฉ่ำจากสาวน้อยแสนบริสุทธิ์อย่างญาดามินทร์เข้ามาเต็มหัวใจ ชื่อของมินรญา ผู้หญิงที่เขาเคยคิดว่าคือรักเดียวในชีวิตจางหายไปอย่างสิ้นเชิง ญาดามินทร์เท่านั้น แค่ญาดามินทร์เท่านั้นที่เขาโหยหาปานจะขาดใจ
“ฉันมาทวงเธอคืนแล้วญาดามินทร์”
วิสกี้ในแก้วใบสวยถูกสาดหายลงไปในลำคอแกร่งสีแทนเนียน
“ต่อให้เธอไปซุกอยู่ในนรก ฉันก็จะตามไปลากเธอขึ้นมา เพราะเธอคือผู้หญิงของฉัน ของฉันคนเดียว”
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจัดเป็นประกายวาววับ ร่างสูงใหญ่ที่มีเพียงเสื้อคลุมสีเดียวกับดวงตาหมุนกลับมาทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียงกว้าง เขามาที่เมืองไทยก็เพราะหล่อน เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ญาดามินทร์กลับคืนมา และแน่นอนว่ามัจจุราชเช่นเขาไม่เกี่ยงวิธีเสียด้วย
ญาดามินทร์แต่งตัวแต่เช้าเพื่อมาดักรอ หัสบรรณกับอดิสรที่รถ
“อ้าว หนูญาดาแต่งตัวเสียสวยเชียว อย่าบอกนะว่าจะไปกับลุง”
อดิสรเอ่ยทักอย่างประหลาดใจ ในขณะที่เจ้าของชื่อยิ้มอย่างเอียงอาย
“คือว่า... ญาดาขอติดรถเข้าไปในเมืองด้วยได้ไหมคะ ญาดาอยากเข้าไปซื้อของใช้น่ะค่ะ”
“ได้สิครับ จริงไหมครับคุณพ่อ”
หัสบรรณหันไปพูดกับบิดาของตัวเอง พออดิสร พยักหน้าอนุญาต ชายหนุ่มก็เดินไปเปิดประตูรถด้านหลังของรถขับเคลื่อนสี่ล้อให้กับหญิงสาวด้วยท่าทางสุภาพ
“เชิญครับน้องญาดา”
“ขอบคุณค่ะคุณลุง ขอบคุณค่ะพี่หัส...”
ญาดามินทร์เอ่ยขอบคุณอย่างดีใจ ก่อนจะรีบก้าวขึ้นไปบนรถ หัสบรรณปิดประตูรถให้ก่อนจะรีบหมุนตัวมาขึ้นนั่งประจำที่คนขับโดยมีอดิสรนั่งรออยู่เบาะด้านข้างอยู่แล้ว ไม่นาน รถก็แล่นออกจากไร่ของอดิสรมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองประจำจังหวัด
“ไปธนาคารกับลุงก่อนไหมหนูญาดา แล้วเราค่อยไปเดินตลาดด้วยกัน”
อดิสรเอ่ยถาม ซึ่งญาดามินทร์ก็รีบตอบรับทันที
“ไปค่ะคุณลุง”
อดิสรกับหัสบรรณระบายยิ้มบางๆ อย่างเอ็นดูสาวน้อย และไม่ถึงชั่วโมง รถก็แล่นมาจอดที่ธนาคารแห่งหนึ่งในที่ใหญ่โตจนคนมองอย่างญาดามินทร์ต้องเบิกตาโต
“ธนาคารอะไรคะเนี่ย ใหญ่จังเลย” หญิงสาวอุทานพร้อมกับก้าวลงจากรถ
“ธนาคารแห่งนี้ใหญ่ที่สุดในตัวจังหวัดเลยนะน้องญาดา ส่วนด้านใน เมื่อก่อนก็ธรรมดานะ แต่ตอนนี้เห็นเขาว่ากันว่าตกแต่งใหม่ทั้งหมดเพื่อต้อนรับผู้จัดการคนใหม่”
“ผู้จัดการคนใหม่หรือคะ”
“ใช่ครับ... ผู้จัดการคนใหม่”
“และก็เป็นเจ้าของด้วย”
อดิสรที่ยืนอยู่ข้างๆ เสริมขึ้น ยิ่งทำให้ญาดามินทร์ยิ้มอย่างชื่นชม
“เขาคงทำบุญมาเยอะนะคะ ถึงได้รวยมากแบบนี้”
“ไม่ใช่แค่รวยนะหนูญาดา แต่เพื่อนสนิทของลุงที่มาขอเบิกโอดีไปเมื่อสองวันก่อนบอกว่าหล่อด้วย หล่อมาก เป็นชาวต่างชาติ และที่สำคัญใจดีสุดๆ ให้เบิกโอดีมากกว่าผู้จัดการคนก่อนหลายเท่า”
ยิ่งฟังญาดามินทร์ก็ยิ่งชื่นชม
“ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณลุงก็ไม่ต้องกังวลใจแล้วใช่ไหมคะ เพราะผู้จัดการใหม่คนนี้ใจดี”
หัสบรรณกับอดิสรพยักหน้ารับพร้อมกัน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปภายในธนาคาร ซึ่งนั่นก็ทำให้ ญาดามินทร์ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้ามันงดงามเลอค่ายิ่งกว่าคำบอกเล่าของหัสบรรณและอดิสรเสียอีก สวยงาม วิจิตร และบ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าของได้เป็นอย่างดี ธนาคารแห่งนี้คงต้องเป็นธนาคารที่สวยที่สุดในโลกแน่นอน
“สวัสดีค่ะ นัดเอาไว้หรือเปล่าคะ”
พนักงานสาวเอ่ยถามหัสบรรณอย่างสุภาพ รอยยิ้มหวานฉ่ำบอกให้รู้ว่าเต็มใจให้บริการมากมายเพียงใด
“นัดเอาไว้ครับ ตอนเก้าโมงเช้า”
“เอ่อ งั้นนั่งรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันไปเรียนผู้จัดการก่อนค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
พนักงานสาวเดินจากไป หัสบรรณจึงหันมาพูดกับญาดามินทร์
“ที่นี่พนักงานบริการดีมาก พนักงานยิ้มราวกับประกวดนางงาม”
ญาดามินทร์พยักหน้ารับ แต่ก็อดถามไม่ได้
“พี่หัสชอบผู้หญิงอ่อนหวาน ยิ้มสวยแบบนี้หรือคะ”
คนถูกถามพยักหน้ารับ “ไม่มีผู้ชายที่ไหนไม่ชอบหรอก”
“งั้นถ้าคุณตันหยงเปลี่ยนมายิ้มหวาน เอาอกเอาใจเก่งแบบนี้ พี่หัสก็จะชอบใช่ไหม”
คนฟังหน้าตึงขึ้นและไม่ตอบ อดิสรจึงตอบแทน
“อย่าไปเอ่ยชื่อหนูตันหยงให้เจ้าหัสมันฟังเลย ไม้เบื่อไม้เมากันน่ะ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณพ่อ ที่ผมไม่ชอบขี้หน้าเด็กบ้านั่นก็เพราะนิสัยก้าวร้าว เอาแต่ใจ ของแม่นั่นต่างหาก เห็นแล้วรำคาญ”
อดิสรหันไปสบตากับญาดามินทร์ ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ ในขณะที่หัสบรรณนั่งหน้าบูดหน้าบึ้งต่อไปเงียบๆ
เด็กบ้า... ทำไมแค่ชื่อของเธอก็ทำให้ฉันรู้สึกแย่ได้ขนาดนี้เชียวนะ