บทที่ 3
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่หัสบรรณ ญาดาได้ยินเสียงโวยวายลั่นเลย”
ญาดามินทร์พบหัสบรรณระหว่างทางก็อดถามด้วยความประหลาดใจไม่ได้
ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก แค่พ่อของยายเด็กตันหยงมาอาละวาดแทนลูกสาวน่ะ”
คิ้วงามของญาดามินทร์เลิกสูง
“มาอาละวาดทำไมกันคะ”
หัสบรรณระบายลมหายใจออกมาอีกครั้ง และกำลังจะตัดบทเพราะไม่อยากจะตอบ แต่อดิสรที่เดินตามมาก็พูดออกมาเสียก่อน
“ก็แม่ตันหยงหลงรักตาหัสน่ะสิ ส่งพ่อมาเจรจาสู่ขอตั้งหลายรอบแล้ว แต่ตาหัสปฏิเสธไปทุกครั้ง”
“คุณพ่ออย่าพูดถึงเรื่องบ้าๆ นั่นเลยครับ”
หัสบรรณกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างหัวเสีย ทิ้งให้อดิสรและญาดามินทร์มองตามไปด้วยสายตาขบขัน
“คุณลุงพูดจริงเหรอคะที่ว่า...”
“เรื่องแบบนี้ใครจะล้อเล่นได้ล่ะ ตันหยงน่ะติดตาหัสแจมาตั้งแต่สมัยที่สองไร่ของเราสนิทสนมกันแล้ว แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องซะก่อนทำให้สองไร่เป็นอริกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และนั่นก็ทำให้ตาหัสกับตันหยงต้องแยกออกจากกันด้วย”
“งั้นก็แสดงว่าพี่หัสบรรณกับคุณตันหยงรักกันมาตั้งแต่เด็กแล้วใช่ไหมคะ”
อดิสรส่ายหน้าน้อยๆ
“ตันหยงน่ะรักตาหัสแน่นอนอยู่แล้ว แต่ตาหัสนี่ลุงไม่มั่นใจนะ เพราะตอนนั้นที่ทั้งสองคนสนิทกัน ตันหยงเพิ่งจะได้สิบกว่าขวบเอง ยังเด็กมาก ในขณะที่ตาหัสจะเรียบจบปริญญาตรีแล้ว น่าจะเอ็นดูแบบน้องแบบนุ่งมากกว่าลุงคิดว่าแบบนั้นนะ”
ญาดามินทร์พยักหน้ารับทราบน้อยๆ ก่อนจะถามต่อ
“แล้วพี่หัสเคยคบกับผู้หญิงคนไหนบ้างไหมคะ”
“หลายคนเลยละ แต่คบๆ เลิกๆ ไม่ซ้ำหน้ากันเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าถึงคบได้แค่ระยะเวลาแสนสั้นแบบนั้น อาจจะเพราะทุกครั้งถูกตันหยงมาอาละวาดใส่ก็เป็นได้”
อดิสรเดินไปทรุดนั่งบนเก้าอี้ไม้ริมระเบียง ในขณะที่ญาดามินทร์เดินไปทรุดนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวตรงกันข้าม
“ญาดาว่าคุณตันหยงเธอคงจะหวงพี่หัสบรรณมากนะคะ”
“หวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก แต่ตาหัสก็ใจแข็งเหลือเกิน ไม่ยอมพบหน้า หรือถ้าพบก็เอาแต่ไล่ส่งอย่างเดียว บางที ลุงยังอดสงสารตันหยงไม่ได้เลย ตาหัสปากร้ายจริงๆ”
“บางทีพี่หัสบรรณอาจจะกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ก็ได้นะคะ โดยพยายามกลบเกลื่อนสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ด้วยความเย็นชา”
อดิสรหรี่ตามองคู่สนทนาอย่างประหลาดใจ
“หนูญาดาพูดเหมือนเข้าใจความรู้สึกของผู้ชายดี”
“เอ่อ คือว่า...”
เมื่อมันจะเข้าตัวเองก็ทำให้ญาดามินทร์อึกอัก
“ลุงว่าจะถามมานานแล้วแต่ก็ลืมทุกที หนูญาดามีแฟนแล้วใช่ไหม”
คนฟังหน้าซีดเผือด พลางก้มหน้าพยายามซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ให้ลึกที่สุด ก่อนจะตอบออกไปเสียงแผ่วเบา
“ญาดา... ไม่มี... หรอกค่ะ”
“ไม่มีแฟนแล้วทำไมถึงเข้าใจความคิดของผู้ชายดีนักล่ะ”
“เอ่อ คือ... คือหนูก็แค่อ่านมาตามนิตยสารน่ะค่ะ”
อดิสรระบายยิ้มบางๆ แต่ไม่พูดอะไรออกมา ในขณะที่ญาดามินทร์รู้สึกประหม่าจนต้องรีบขอตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
หล่อนไม่มีทางมีคนรัก ไม่มีทางมีได้หรอก ในเมื่อคนที่หล่อนแอบรัก เขาไม่เคยมองเห็นหล่อนเลยสักครั้ง หล่อนมันเป็นแค่เพียงเงาของใครบางคนเท่านั้นเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวด แต่ก็ทำได้แค่แอบไปร้องไห้คิดถึงเขาเงียบๆ เพียงเท่านั้น
วันต่อมา หัสบรรณชวนญาดามินทร์ออกไปทานอาหารค่ำนอกบ้านที่ภัตตาคารหรู ตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจจะมากับญาดามินทร์แค่สองคนหรอก เพราะอดิสรผู้เป็นบิดาก็จะมาด้วย แต่ท่านเกิดติดธุระด่วนจึงไม่สามารถมาด้วยได้ เขากับญาดามินทร์จึงต้องมากันตามลำพัง
“พี่หัสบรรณมาที่นี่บ่อยเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ที่หัสบรรณเลื่อนให้
“เรียกพี่หัสเฉยๆ ดีกว่า อย่าเรียกเต็มยศแบบนี้เลย ฟังดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้”
ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับหญิงสาว “เมื่อกี้ ญาดาถามพี่ว่ายังไงนะ”
ญาดามินทร์ระบายยิ้ม
“ญาดาถามว่าพี่หัสบรรณ เอ่อ... พี่หัสมาทานข้าวที่นี่บ่อยหรือเปล่าคะ”
เจ้าของชื่อส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่บ่อยหรอก นานๆ มาทีหนึ่ง ว่าแต่ญาดาถามทำไมหรือ”
หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ญาดาก็แค่สงสัยเฉยๆ”
หัสบรรณระบายยิ้มกวักมือเรียกบริกรเพื่อจะสั่งอาหาร แต่สายตากลับมองไปเห็นใครบางคนเสียก่อน เขาพยายามจะไม่สนใจ แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้
“ญาดาสั่งอาหารไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา”
ญาดามินทร์รับเมนูอาหารมาจากหัสบรรณอย่างงงๆ และก็งงเข้าไปอีกเมื่อเห็นชายหนุ่มลุกพรวดออกจากเก้าอี้พร้อมกับเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“พี่หัสคะ พี่หัส...”
คนตัวโตไม่ได้หันกลับมามองหล่อนอีก ดังนั้น หล่อนจึงต้องทำหน้าที่แทนหัสบรรณอย่างไม่มีทางเลือก
“เอาอันนี้ อันนี้แล้วก็อันนี้นะคะ แค่นี้ก่อนค่ะ” หล่อนชี้ไปที่รูปภาพในเมนูสองสามรายการ
“ครับผม โปรดรออาหารสักครู่นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
แล้วบริกรก็เดินจากไป ทิ้งให้ญาดามินทร์นั่งกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวด้วยความเดียวดายเพียงลำพัง แต่ไม่นานก็ต้องลุกพรวดจากเก้าอี้ตามหัสบรรณไปอีกคน เมื่อสายตามองไปเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่แสนจะคุ้นเคย
“เจอรัลด์...”