“กองแพง แพงเอ๊ย หนูลูก อยู่ไหนอะ”
“คะพี่หยาด แพงอยู่นี่ค่ะพี่” เสียงขานรับนุ่มราบเรียบ ฟังรื่นหูตอบออกมาจากด้านหลังชั้นวางของเวชระเบียนคนไข้ ภายในห้องเก็บเอกสาร ที่ด้านหลังสุดของแผนก
‘ปัญญารัตน์’ หญิงสาวเจ้าของชื่อเล่น ‘กองแพง’ ที่ถูกเรียกหา กำลังง่วนอยู่ตรงนั้น หล่อนสาละวนค้นหาเวชระเบียนของคนไข้ที่ขาดการรักษามานานร่วมสี่ปี นานพอ ๆ กับอายุการทำงานของเธอที่ทำงานอยู่ที่นี่เลย แต่แล้วพอลงมือค้นหาเท่าไร ก็หาไม่เจอ
หยาดอรุณเดินเข้ามาตามด้วยตนเอง แล้วบอกอย่างยอมแพ้
“พี่ว่าคงโดนโละทิ้งไปแล้วแหละ เลิกหาเถอะหนู”
“ได้ค่ะพี่” ปัญญารัตน์ตอบรับตามคำขออย่างว่าง่าย
หยาดอรุณมองเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องแล้วนิ่งคิดครู่เดียว ค่อยหยั่งเชิงถาม “เสาร์อาทิตย์นี้ เราอยู่เวรแทนพี่ได้ไหม พอดีว่าพี่ต้องไปดูพ่อที่นครนายก จะไปรับแกมาหาหมอน่ะ แกไม่ค่อยดี”
“ได้ค่ะพี่” ปัญญารัตน์ตอบรับอย่างว่าง่ายอีกครั้ง
หญิงสาวเป็นคนไม่ช่างพูด ออกจะเป็นคนขี้เกรงใจด้วยซ้ำไป แล้วก็ดูจะคล้อยตามคนได้ง่ายดายอีกด้วย
ปัญญารัตน์ทำงานที่โรงพยาบาลในเครือแห่งนี้มานานกว่าสี่ปีแล้ว แต่เหมือนกับว่าเพิ่งเริ่มงานเมื่อวานนี้เอง เพราะใคร ๆ ต่างก็เรียกใช้งานเธอได้แบบไม่ต้องเกรงใจเลยทั้งนั้น และหญิงสาวก็มักจะตอบรับการร้องขอแทบทุกคน โดยไม่เกี่ยงงอน จึงเป็นที่รักของทั้งคนในแผนกเอง รวมถึงแพทย์ พยาบาลและคนจากแผนกอื่นด้วย
‘เด่น’ พนักงานเปลหนุ่มที่มักคิดเข้าข้างตัวเองว่าหน้าตาดี เดินเข้ามาตรงหน้าแผนก เหลียวมองซ้ายมองขวา ไม่เห็นทั้งผู้บริหาร หัวหน้างานและลูกค้าผู้มารับบริการแถวนั้น ก็ปรี่ไปเกาะขอบหน้าต่างของแผนกเวชระเบียน แล้วยื่นหน้าเข้าไปถามที่ในนั้น
“คืนนี้ไปงานกันไหมครับสาว ๆ”
ส้มซ่าตะโกนถามกลับไป “อยากถามใครกันแน่พี่เด่น ระบุชื่อมาเลยดีกว่า”
“ก็ต้องเป็นน้องกองแพงอยู่แล้วสิ ไปไหมครับน้องแพง”
ปัญญารัตน์ส่งยิ้มยังไม่ตอบ เด่นถามเซ้าซี้จนเธอต้องเปิดปากตอบออกว่า ‘ไป’ เบาแสนเบา แต่เด่นก็ยังได้ยิน เห็นทำท่าดีอกดีใจจนเว่อร์แล้วคนในแผนกก็อดหมั่นไส้ไม่ได้
สุมนบ่นขณะเก็บแฟ้มใส่ลงบนรถเข็น เตรียมเอาเข้าชั้น
“เอางบจัดงาน มาเพิ่มเป็นโบนัสให้พนักงานดีไหมอะ ไม่อยากไปกินเลี้ยงเลย อยากได้เงินมากกว่า”
“จริงพี่” ส้มซ่าเห็นด้วย คนอื่น ๆ ได้ยินแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
“งั้นก็ไปบอกหมอเหนือเลยสิ โน่นไง หมอเหนือเดินมาพอดีเลย หมอครับ หมอ” เด่นแกล้งส่งเสียงเรียก สาว ๆ ในห้องเวชระเบียนรีบเข้ามาปิดปากเด่น ทั้งส่งเสียงด่าเด่นดังอยู่ภายในห้องนั้น พร้อมด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนานของเด่นที่แกล้งสาว ๆ ได้
เมื่อจบคำพูดหยอกล้อของคนในและนอกแผนกแล้ว ปัญญารัตน์ค่อยเงยหน้าขึ้น เพื่อมองตามร่างสูงของนายแพทย์อนลที่ผ่านตาไปพอดี แล้วก้มหน้าลงทำงานต่อ
จวบจนสองทุ่มเศษ เธอรอเก็บงานในแผนกจนเรียบร้อยค่อยรั้งท้ายไปพร้อมกับคนอื่น ๆ ในแผนกเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงที่จัดตรงดาดฟ้าชั้นสิบ เธอทำงานที่นี่ตั้งแต่ตอนเรียนจบใหม่ แล้วก็ได้รู้จักกับเขาคนนั้น ในคืนงานเลี้ยงสิ้นปีแบบงานนี้เมื่อสามปีก่อน
งานเลี้ยงสิ้นปีสำหรับพนักงาน ยังคงจัดแบบเดิม แต่เปลี่ยนธีมงานใหม่ทุกปี และปีนี้เธออยู่นานไม่ได้ เพราะได้รับข้อความจากเขาเมื่อตอนหัวค่ำ
‘ห้าทุ่มดึกไปไหม’
‘ไม่ค่ะ’
‘ผมรอที่เดิม ห้องเดิม’
ปัญญารัตน์มองที่หน้าจอแล้วส่งข้อความตอบกลับไปว่าตกลง รอจนใกล้ถึงเวลา คนอื่น ๆ ทยอยออกจากงาน ค่อยเดินตามพวกเขาไป แต่ไม่ได้กลับไปยังหอพักที่เช่าไว้ตรงข้างโรงพยาบาล
หญิงสาวเรียกรถให้ไปส่งยังโรงแรมที่ซึ่งเป็นจุดนัดพบของเธอและเขาเสมอ ใกล้ถึงจุดหมาย หญิงสาวมองที่ข้างทางแล้วบอกให้คนขับจอดเพื่อลงตรงนั้นแทน เธอเลือกที่จะเดินไปยังโรงแรมแทนที่จะให้รถไปส่งยังด้านหน้า
ปัญญารัตน์เริ่มต้นคบหากับเขาแบบเงียบ ๆ มาสามปี และทุกอย่างเป็นไปด้วยความสมัครใจ เต็มไปด้วยความพึงพอใจของทั้งเธอและเขา
“คุณหมอทานอะไรหรือยังคะ”
เธอถามเขาเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ทั้งยังชูห่อผัดไทยตรงร้านข้างทางให้เขาดู อนลแทบไม่สนใจห่ออาหารที่เธอกัดฟันซื้อมาในราคาแพงลิบ เพื่อนำมาฝากเขา
“ผมบอกแล้วไง อย่าเรียกผมว่าหมอ เวลาเรามีเซ็กซ์กัน”
อนลย้ำคำห้ามกับเธอ เดินเข้ามาดึงเอาเธอเข้าไปกอด ซุกไซ้ใบหน้าขาวที่ร้อนราวกับซ่อนไฟเอาไว้ตามลำคอของเธอ ก่อนจะจบลงที่บนเตียงแบบทุกที
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอนล เกิดขึ้นแบบง่ายดายในคืนงานเลี้ยงของโรงพยาบาลเมื่อสามปีก่อนหน้า
คืนนั้นเธอถูกจับแต่งตัวเพื่อลงประชันโฉมกับแผนกอื่น ๆ บนสเตจของงาน จนได้รางวัลชมเชยมาครอง ก่อนจะถูกคนในแผนกชวนไปดื่มต่อที่ร้านเหล้า ไม่ห่างจากสถานที่จัดงานเลี้ยงของโรงพยาบาล ปัญญารัตน์ไปด้วย เธอดื่มนิดหน่อย ตามคำชวนของเพื่อน ๆ
และในตอนนั้นเอง ที่เธอสังเกตเห็นนายแพทย์อนลจากเพื่อนต่างแผนกที่ไปดื่มด้วยกัน สาว ๆ ที่ร่วมวงพากันส่งสัญญาณให้มองไปยังโต๊ะของกลุ่มหมอ ที่นั่งห่างออกไป
เธอมองตามเพื่อนไปหยุดลงที่เขา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นายแพทย์อนลกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ร้าน และสบสายตาเข้ากับเธอพอดี นาทีต่อจากนั้น เขาก็เพียรมองมาที่เธออยู่ตลอด
นายแพทย์อนลเดินตามเธอมา ตอนที่เธอปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำ เขาเดินตามจนแซงหน้า แล้วก้มลงคุยด้วยใกล้ ๆ เพราะเสียงในนั้นค่อนข้างดัง เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขา ไม่ได้ตอบคำใดออกไป แล้วตรงเข้าห้องน้ำไปก่อน พอออกมาก็ยังคงเห็นเขายืนรอที่ตรงนั้นแบบเดิม เขาเดินเข้ามายืนตรงหน้าเธอ ก้มหน้าลงหาเธอจนใกล้ และปล่อยให้ใบหน้าอยู่ใกล้กันแบบนั้น โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงเห็นว่าเธอไม่ผละหนี ค่อยยื่นมือมาจับจูงเธอให้ออกจากร้าน ไปขึ้นรถด้วยกัน เขาขับไปยังโรงแรมใกล้ ๆ ตรงนั้น และจบทุกอย่างลงที่บนเตียง
“ต้องการเงินไหม” เสียงขรึมเอ่ยถามตอนที่เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่ง และมองหาเสื้อผ้าของเขา ปัญญารัตน์ยิ้มเจื่อน เธอตอบเขาไปว่า “ไม่ค่ะ”
อนลชะงักมือของเขาแล้วหันมามองหน้าเธอแบบตรง ๆ
“หรืออยากได้อะไรเป็นพิเศษ”
ปัญญารัตน์ก้มหน้าลงมองแค่มือของตัวเอง ก่อนจะรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นถาม “คุณมีใครแล้วหรือยังคะ เอ่อ แพงหมายถึง แฟน หรือ ภรรยา”
อนลกดมุมปากลึกลงไปพร้อมด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ ส่ายหัวบอกตอบเธอว่า “ไม่มี”
“อย่างนั้น เรา...คบกันแบบนี้ได้ไหมคะ”
อนลมองสบตาเธอ มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มคล้ายกำลังดูแคลน สะดุดหูกับคำว่า ‘คบกันแบบนี้’ เลือกที่จะปล่อยให้คำกลุ่มนั้นคลุมเครือต่อไป
คุณหมอหนุ่มมองค้นหาบางอย่างในดวงตาคู่ที่ดูเหมือนมีดวงดาวเป็นประกายประดับคู่นั้นแล้ว ตอบกลับไปว่า “ได้สิ”
พร้อมกับคิดไปว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่มีความต้องการคนหนึ่ง เขาเป็นอิสระ ไม่ได้มีพันธะผูกพันกับใคร และแน่นอนว่าคนระดับเขา ไม่เคยคิดคบหาจริงจังกับผู้หญิงที่รู้จักผิวเผินก็จบลงบนเตียงได้แบบ
ง่ายดายอย่างนี้ จนสานสัมพันธ์เป็นคู่ชีวิตตลอดไป
แต่ในเมื่อเขาเมาและหัวใจสั่นไหวกับสายตาหวานซึ้งของเธอ จนอาจเผลอไผลไปมีความสัมพันธ์ด้วยแล้ว ก็จะแสดงความรับผิดชอบออกไปก่อน ระหว่างนี้เขาคงต้องตักตวงหาประโยชน์เข้าตัวจนพอใจ เมื่อไรที่เขาเจอผู้หญิงที่พึงใจมากกว่า หรือถึงช่วงเวลาเหมาะสมต้องสละโสด เขาอาจจะให้เงินเธอสักก้อนหนึ่ง แล้วก็จากลากันไป
อนลคิดเพียงเท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่ความคิดของปัญญารัตน์