Chapter 9

1818 คำ
พอปรเมษฐ์แวะเอากระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงมาให้ เขาก็ขอตัวกลับไปดูแลภรรยา ปล่อยให้เป็นธุระของคนที่รับปากว่าจะรับผิดชอบอยู่ดูแลผู้ป่วย นัชชาไม่เคยจะต้องนอนเฝ้าไข้ใครมาก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หยิบชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ในกระเป๋ามาสวมค่อยย้อนกลับไปดูสายน้ำเกลือก่อนเป็นอย่างแรก “น้ำ... หิวน้ำ” เสียงแหบพร่าเรียกคนข้างกาย ในความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแม้ว่าเขาจะนอนเฉย ๆ หญิงสาวก็เดินไปรินน้ำอุ่นใส่แก้ว เธอต้องวางมันลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อน เพื่อปรับเบาะให้เอนขึ้นเล็กน้อยด้วยการกดปุ่มเล็ก ๆ ตรงขอบเตียง “ดีขึ้นไหม... คุณหิวหรือเปล่า? กินยาก่อนค่อยนอนนะ...” พูดพลางหยิบแก้วมาประคองป้อนให้ถึงปากคนที่ขยับคอขึ้นจิบน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดราวกระดาษ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงพิงราบอยู่บนหมอน ปรือตามองคนเฝ้าอย่างไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณ แต่มันเป็นหน้าที่ของเธอในตอนนี้ “ไม่หิว...” “ไม่หิวก็ต้องกิน ไม่งั้นจะหายได้ไงเล่า ตัวออกจะโตขนาดนี้ อย่าทำใจเสาะน่ะ กินยาเช็ดตัวแล้วค่อยนอนนะคะ” น้ำเสียงกึ่งสั่ง เธอเห็นอยู่ว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน! เอาแต่ใจตัวเองขนาดไหน ตอนนี้ยังทำเหมือนว่าตัวเองเป็นยอดมนุษย์… นัชชาส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา พอดีกับที่พยาบาลและพนักงานของโรงพยาบาลยกถาดอาหารเข้ามา คนป่วยบนเตียงยกผ้าห่มขึ้นซุกนอนหันก้นให้อย่างไม่สนใจใคร “คุณพยาบาลคะ... ช่วยดูสายน้ำเกลือให้หน่อย ฉันว่ามันมีฟองหรือเปล่า มันเป็นอะไรไหมคะ?” “ค่ะ เดี๋ยวดูให้นะคะ” พยาบาลสาวรับคำด้วยรอยยิ้ม เดินอ้อมไปในอีกฝั่งหนึ่ง หยิบสายน้ำเกลือขึ้นมาเคาะสองสามครั้ง คุณหมอคนเดิมก็เข้ามาซักถามอาการ วัดไข้และความดัน ขณะที่คนป่วยตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ นอนหลับตานิ่ง ๆ อย่างเหนื่อยล้าอ่อนแรง ทุกอย่างตกเป็นภาระหน้าที่ของญาติ เมื่ออาจารย์แพทย์เริ่มอธิบายรายละเอียดยิบย่อยในเรื่องการรับประทานยาต้านไวรัสว่าต้องรับประทานอย่างไร ยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ วิตามิน การปฏิบัติตัวในการดูแลผู้ป่วย สวมหน้ากากอนามัย หลังดูแลผู้ป่วยทุกครั้งควรรีบล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทันที แม้ว่าเธอจะฉัดวัคซีนป้องกันไข้หวัดทุกสายพันธุ์แล้วก็ตาม พอแพทย์และพยาบาลจากไป หญิงสาวถึงกับถอนหายใจ ขณะทำตามคำแนะนำของคุณหมอคือสวมหน้ากากอนามัยให้เรียบร้อย ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลง ปรับที่นอนให้เอนขึ้นอีกระดับ อำนวยความสะดวกให้คนป่วยและตัวเธอเอง “คุณอลัน... กินข้าวกินยาก่อน คุณไม่ได้เป็นหวัดธรรมดา ต่อให้เป็นกัปตันอเมริกาก็ต้องรับประทานยาต้านไวรัสนะคะ หมอบอกว่าต้องกิน” เพราะได้ยินอยู่ทุกคำที่นายแพทย์กำชับบอกแม้นอนหลับตาอยู่เหมือนไม่สนใจ เขาเพียงพลิกตัวกลับไปบอกเนือย ๆ “รู้แล้ว... ผมไม่ได้โง่” “ฉันรู้ว่าคุณไม่โง่ค่ะ เพราะถ้าคุณโง่ คุณคงไม่ซัดอาหารปิ่นแก้วเรียบ แถมมาจูบปากคนไข้ให้ตัวเองติดหวัดหรอกใช่ไหม?” “ถ้าคุณจะหลอกถามผม... เพื่อด่า เอาไว้ให้หายดีก่อนละกันนะ” ในน้ำเสียงและสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาว่าตัวเองควรสงบศึก เป็นความคิดเดียวกันกับอีกคน “ค่ะ ไว้จะรอ” ตอบด้วยรอยยิ้ม นัชชาจึงจัดการกับถ้วยชามที่มีพลาสติกใสปิดไว้อย่างดีบนโต๊ะเลื่อนมีล้อสำหรับเคลื่อนย้าย อาหารของโรงพยาบาลวันนี้เป็นข้าวต้ม ความเป็นคนละเอียดรอบคอบของนัชชาที่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้ เธอดึงหน้ากากที่ปกปิดใบหน้าออกวางพักไว้บนคาง ชิมข้าวต้มก่อนด้วยช้อนอีกคันต่างหากจากคนป่วย แล้วทำหน้าแหยง ๆ “อืม… เหมือนน้ำล้างเท้าเลย คุณกินได้ไหมอ่ะ” “กินได้...” ในน้ำเสียงแผ่วเบา นัยน์ตาคู่คมสีฟ้าครามจับจ้องทุกการกระทำเอาใจใส่ จากที่โมโหอยู่ในคราวแรก เขาเห็นว่าเธอค่อย ๆ เป่าควันลอยฉุยให้ความร้อนหายไปจากช้อน อย่างใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ดูแลเรื่องความสะอาดบนโต๊ะ และทุกอย่างเป็นอย่างดี อลันเป็นคนจู้จี้จุกจิก น่ารำคาญในนอกเวลางาน อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ทั้งที่ยังไม่เข้าวัยทอง เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนว่าง่าย น้องชายห่าง ๆ แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องยังขยาดเขาทุกคน ถึงขั้นว่าเจอกันนาน ๆ ครั้งดีกว่าหากไม่ได้มีธุระเรื่องงาน ก็ไม่คิดว่าจะมีใครทนเขาไหว ยิ่งตอนนี้ที่ความร้อนพลุ่งพล่านเหมือนวัวตัวผู้กลัดมัน ถึงหมอจะให้ยา และน้ำเกลือยังช่วยชะล้างสารตกค้างในร่างกาย ไม่รวมพิษไข้ที่พอจะบรรเทาอาการหื่นลงบ้าง! เสื้อยืดสีขาวเข้ารูปธรรมดา ๆ โค้งเว้าเข้าสัดส่วนนมเป็นนม เอวเป็นเอว ตูดเป็นตูด ของเจ้าของร่างเย้ายวนที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมช้อนข้าว มีผู้หญิงสวย ๆ มาบริการถึงที่แบบนี้ เขาคงอยากกินอย่างอื่นมากกว่าข้าวต้ม... มือเล็กบรรจงจับช้อนส่งให้ถึงปาก คนป่วยไข้สูงกว่าสามสิบแปดองศาเลยเจริญอาหารแม้ว่ารสชาติมันจืดชืดอย่างบางคนว่า กระทั่งมันหมดไม่มีเหลือ เขารับประทานยาครบทุกเม็ดพร้อมดื่มน้ำตาม และก็ยังมีคนคอยป้อน! แก้วที่วางลงพร้อมหน้าที่ที่ทำได้เป็นอย่างดีจึงได้รับคำชมเชย “ขอบคุณนะ ปริม... หาอะไรทานซะด้วยล่ะ” “ฉันไม่กินข้าวเย็น กลัวอ้วน... เดี๋ยวไม่สวย” พูดพลางเชิดหน้าเชิดตาให้ชายหนุ่มที่เกือบจะหัวเราะเข้ากับคำพูดนั้น เขาเพียงตะแคงตัวหันไปอีกทาง มีหญิงสาวปรับที่นอนให้ ยกผ้าห่มขึ้นคลุมให้มิดชิด ผ้าห่มสีขาวของโรงพยาบาลดูเล็กไปถนัดตากับผู้ชายตัวโต สูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร “สูงจริง ๆ เลยนะ คนอะไรสูงยังกับ...” คำที่ละไว้ ได้แต่หวังว่าอีกคนจะหันกลับมาหาเรื่อง กลับมีเพียงความเงียบ เธอชะเง้อคอมองคนที่พริ้มตาปิดลง ก่อนจะสังเกตเห็นปลายเท้าโผล่พ้นจากผ้าห่มสีขาว จึงเดินไปหยิบผ้าอีกผืนหนึ่งมาคลุมเท้าของเขาเอาไว้ “ไม่อิ่มก็บอกฉันนะ จะลงไปซื้อของกินข้างล่างให้ จะเข้าห้องน้ำ จะเอาอะไรเรียกนะ ไม่ต้องเกรงใจ Goodnight ค่ะ” พูดดี ๆ สักหน่อยในท่าทางเป็นห่วงเป็นใย ร่างบางก็ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาเฝ้าคนป่วย ชายหนุ่มลอบยิ้มอยู่เงียบ ๆ กับความน่ารักเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนัชชาที่คงจะชอบแกล้งคนอื่นด้วยคำพูดไม่เข้าหูจนติดเป็นนิสัย ทว่าพอภาพผิวขาวเนียนละเอียด อกอวบอัดประดับสีชมพูสีหวานที่เคยเห็นมาครั้งหนึ่งผุดขึ้นในหัวสมอง ปนเปไปกับอาการปวดศีรษะเพราะพิษไข้ อาการปวดหนึบของเจ้าน้องชายตัวร้ายตามมาติด ๆ เขาต้องผ่อนลมหายใจแล้วฝืนปิดตาลงนอนตาม วันต่อมาอาการปวดหัวตัวร้อนดีขึ้นไม่น้อย แม้ตลอดคืนจะมีไข้สูงกว่า 38 องศา ด้วยความที่พยาบาลส่วนตัวทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี คอยลุกขึ้นมาให้ความช่วยเหลือคุณหมอและพยาบาล วัดไข้ เช็ดตัวทุกสามถึงสี่ชั่วโมง พาคนป่วยเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ในตอนเช้า ดูแลเรื่องอาหารและยา ถึงเขาจะรับประทานเองได้เธอก็จะป้อนจนอิ่มโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ เป็นความสุขของหนุ่มโสดที่มีสาวสวยมาบริการ ทีแรกอลันคงนึกอยากแกล้งเสียมากกว่า กลายเป็นว่าเขาดันเผลอคิดคล้อยตามเรื่องที่ปรายลดาเคยเล่าให้ฟังว่าเพื่อนเป็นคนน่ารัก ใจดี แค่ปากเสียไปสักหน่อย นัชชาเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีมาก ๆ ตรงกันข้ามกับความคิดอคติของเขาโดยสิ้นเชิง “ถ้าน้ำเกลือมันหมด เดี๋ยวพยาบาลคงเข้ามาเปลี่ยน คุณง่วงก็ไปนอนเถอะ” เสียงแหบพร่าบอก ข้างเตียงในฝั่งซ้ายถัดจากเสาน้ำเกลือ ร่างบางในเสื้อยืดสีชมพู กางเกงยีนเข้ารูปทรงโค้งเว้าเข้าสัดส่วน กวาดตามองดูความเรียบร้อย ก่อนก้มหน้ามองเขาอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มหวานผ่านดวงตาเหนื่อยล้าจากการนอนไม่ค่อยเต็มอิ่ม ภายใต้หน้ากากอนามัย “ฉันไม่เป็นไร คุณจะกินอะไรนอกจากข้าวต้มหรือเปล่า ดูผอมจังเลยนะคุณอลัน เอาอกไก่หรือไข่ขาวสักสองลังไหม?” เขารู้ว่าเธอกำลังประชดเรื่องกล้าม! ทั้งที่ไม่เคยมีใครจะว่า แม้แต่พยาบาลสาว ๆ ผลัดกันเดินเข้าเดินออกไม่ซ้ำหน้า ตั้งใจมาช่วยเช็ดตัวให้เขาก็ปฏิเสธไปให้ญาติเป็นคนดูแล “คุณปริม... พูดจากับใครดี ๆ มันลำบากมากเลยหรือไง? ผมว่าคุณไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีเลยนะ” นัชชาไหวไหล่ตอบ “ฉันก็เป็นแบบนี้อ่ะ ทำไมล่ะ? ตกลงคุณจะเอาอะไรไหม ฉันจะไปซื้อให้ คุณกินข้าวต้มทุกมื้อนี่อิ่มเหรอ? หวังดีนะเนี่ยเลยถาม” “ไม่เอา ผม... กินอะไรไม่ค่อยไหว ตอนนี้... รู้สึกเหนียวตัว” อึกอักบอกอย่างเกรงใจ เขาคิดว่าอีกคนคงเหนื่อยทว่าเธอก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร ค่อย ๆ หย่อนก้นนั่งลงบนเตียง หยิบผ้าชุบน้ำที่ลอยอยู่ขึ้นมาบิดเบา ๆ ปากไม่หยุดบ่นผ่านผ้าที่ปิดบังใบหน้าอยู่ครึ่งหนึ่ง “เวลาป่วยใครดูแลล่ะเนี่ย? เพื่อน ๆ คุณกลัว ‘ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A H1N1’ กันหมด ตอนไปเที่ยวกันก็ไปเที่ยวได้ ทำไมตอนไม่สบายคบไม่ได้สักคน เพื่อนปลอมแหง ๆ” “ยุุ่งจริง... เด็กอะไร...” ปากไม่มีหูรูด ไม่มีสัมมาคารวะ... นั่นคือที่เขาอยากต่อว่าแต่กลับไม่พูดออกไป อย่างน้อย ๆ อลันก็มีสำนึกในบุญคุณคน “เอ่อ... ยังไงก็ขอบคุณ... นะ” “ไม่เป็นไร ฉันชอบทำบุญทำทาน โดยเฉพาะกับฝรั่งไร้ญาติ ฉันอุตส่าห์ลืมเรื่องตอนเด็ก ๆ ที่คุณรังแกฉันด้วยล่ะ” เธอพูดไปเรื่อยเปื่อย ปัดเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ปรกหน้าผากของเขาขึ้นไม่ให้เกะกะ แตะผ้าเปียกหมาดเช็ดไปมาตามที่พยาบาลสอนบอก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม