ของหวานบทที่ห้า เทพแห่งตระกละกับขนมบุหลันดั้นเมฆ (1/2)

4385 คำ
ของหวานบทที่5 : เทพแห่งเวลากับขนมบุหลันดั้นเมฆ ……. …………. …………………. เราปราณนาอะไรบางอย่างจากมนุษย์ และความต้องการมากมายที่ไม่สิ้นสุดในช่วงหนึ่งพันปีของการร่วมงานเลี้ยงของเทพนั้น จะอวดเรื่องราวของ[ผู้กล้า]ของพวกเขากัน “ผู้กล้าของเจ้าสามารถปราบจอมมารได้แล้วนี่น่า? ” “ฉากจบแฮปปี้เอนดิ้งดี? แล้วหลังจากนี้จะกลับโลกหรือแต่งงานกับเจ้าหญิงล่ะ? ” “ข้าก็คิดว่าเขาควรแต่งนะ ถึงโลกเดิมจะเป็นคนที่ไม่ได้เรื่อง แต่อยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ” เหล่าเทพมากมายต่างก็เล่าเรื่องราวการผจญภัยของพวกเขา และการทำพันธะสัญญากับผู้กล้าต่างโลก หรือ[มนุษย์]ผู้ถูกเลือกก่อนที่ชายหนุ่มผมสีดำคนหนึ่งจะมองเราที่ยืนหลบมุมตรงเสานั้นจะเข้ามาคุยกับเรา “เจ้ายังหา [ผู้กล้า]ไม่ได้อีกเหรอ เอเบล? ” “มันก็แค่งานอดิเรกที่น่าเบื่อมิใช่ฤา บิอา? ” เทพแห่งอำนาจคลี่ยิ้มจางๆ มองมาที่เราที่ยิ้มรับในขณะที่เขาถือแก้วไวน์ขึ้นมา ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ สายตาของพวกเรากวาดตามองเทพมากมายที่เข้าร่วมในงานที่มีแต่คำพูดโอ้อวดที่กล่าวถึงผู้กล้าของพวกเขา ไม่มีอะไรที่ทำให้เราสนใจได้เลย “ไม่มีมนุษย์ที่สามารถทำให้ข้าอยากจะได้เป็นผู้กล้าพอหรอก บิอา” “ให้ข้าแนะนำมนุษย์ให้ไหม? ” “ไม่เอา ” “เถอะน่าเอเบล ในฐานะเพื่อนที่อยากจะเห็นเรื่องราวของ [ผู้กล้า] ของเจ้านะ” รอยยิ้มเป็นมิตรที่แฝงอะไรบางอย่างทำให้เรารู้สึกอึดอัดกับอีกฝ่ายที่ตามตื้อเราแบบนั้น “คิดว่าเหรอว่าจะมีคนที่สามารถเติมเต็มความปราณนาให้เราได้? ” “1 ใน 4 ที่ข้าคิดว่าดูเหมาะสมกับเจ้านะ จะลองพนันกันหรือไม่? ” บิอาไม่ใช่เทพแห่งการพนันแน่นอน แต่เขาแค่ต้องการความสนุก และได้เรื่องเล่าที่น่าสนใจกว่างานเลี้ยงของที่นี้ การที่เขา เข้าหาเรานั้นก็พอรู้เจตนาที่ชัดเจนอยู่ เสียงดีดนิ้วดังขึ้นพร้อมกับกระดาษในมือสี่ใบที่เผยออกมาจากประกายแสงสีแดงเล็กๆ “ถ้าหากข้าชนะที่จะไม่เลือก 1 ใน 4 คนนั้นล่ะ บิอา? ” “เจ้าจะได้ทุกอย่างจากข้าทั้งหมดเอเบล รวมทั้งชีวิตของข้าด้วย” เขารู้ว่าชีวิตของเทพนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เทพตนอื่นๆ นั้นสามารถมีอำนาจได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะมองเราที่คิ้วขมวดโดยที่เราหยิบกระดาษในมือของเขาขึ้นมาอ่าน แน่นอนว่ามีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก คนแก่ จากหนึ่งในสี่นั้นชีวิตของพวกเขาก็ดูทำให้เราสนใจพอสมควร “เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่ บิอา? ” “เพราะข้าคิดว่าต้องมีใครสักคนที่ทำให้เจ้าสนใจความปราณนาของพวกเขาได้” แม้เราจะไม่ได้รับปาก แต่บิอานั้นก็ไม่ได้บอกเอาไว้ถึงจุดสิ้นสุดของเกมที่เขาจัดแต่อย่างใด และเขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ เมื่อเลือกใครสักคนแล้วคอยมาคุยกันที่หลังก็ยังได้ ดูเหมือนจะมั่นใจในสิ่งที่หยิบยื่นมาเสียเหลือเกิน ……………… มนุษย์ เป็นก้อนพลังงานอย่างหนึ่งที่ทำให้เทพนั้นสามารถเติมเต็มความปราณนาของพวกเขาได้ และเป็นของเล่นของพวกเขาได้อีกเช่นกัน กระดาษบนมือที่เราได้จากเทพแห่งอำนาจ บิอา ถูกเผาไปทีละนิด หลังจากที่สิ่งที่เขาหยิบยื่นมานั้นหนึ่งในสี่นั้นไม่สามารถทำให้เราพอใจ เริ่มจากคนแรก สาวที่ชีวิตนี้อาภัพ สูญเสียครอบครัว และเก็บตัวอยู่แต่ในห้องจนตาย และคนที่สองคือ ชายแก่ที่ใกล้ถึงมรณะภาพ และรอคอยกลับคืนสู่อ้อมกอดของคนรัก คนที่สามคือเด็กน้อยพิการทางหู แม้ชีวิตครอบครัวจะปกติแต่ก็มีปัญหากับเรื่องโรงเรียนที่บ้าน มันก็แค่ปัญหาทั่วไปของชีวิตมนุษย์ บิอาทำไมถึงคิดว่าพวกเขาจะชนะโชคชะตากันได้กัน? คนสุดท้าย ชายหนุ่มที่เหมือนจะทำให้เราสนใจเขาได้สมควร เขามีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง และดูเหมือนเวลาของพี่เขาจะเหลืออยู่ไม่มาก ในขณะเดียวกันที่เขาก็มีความคิดมากมายหลายอย่างเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองด้วย การไปดู [ผู้กล้า] ของเราคงไม่ได้มีปัญหาอะไร หากข้อมูลนี้ผิดเพี้ยนไปเราก็พร้อมตัดหนึ่งในสี่ทิ้ง ข้ารับใช้ของเราที่ถือขนมมานั้นจะชะงักกับกองเศษผงกระดาษที่เราเผาไปเมื่อกี้นี้ “ท่านจะไปไหนกันฤา เอเบล? ” “โลกมนุษย์” เสื้อผ้าในการแต่งตัวก็สำคัญ การไปที่แห่งนั้นก็ควรมีมารยาทด้วย เอาล่ะ มุ่งสู่ [ประเทศไทย] กันเถอะ ประเทศนี้ช่างก้ำกึ้งระหว่างการ [พัฒนาและ การหยุดอยู่กับที่] ยิ่งนัก เรามองร้านขนมตึกแถวสีขาวแห่งหนึ่งที่เขียนคำว่ากัลยรัตน์ และขนมโบราณมากมายที่ถูกตั้งอยู่ ก่อนที่จะมีเสียงโวยวายของชายวัยกลางคนผมสีน้ำตาลมัดจุกที่เขกหัวหญิงสาวคนหนึ่ง “อาบอกแล้วไงว่าเวลาทอนเงินหัดคิดให้ถูกหน่อย!” “โอ๊ย ขอโทษได้ป่ะ!” “แล้วนี้อะไร? ไอ้ชมอยู่ไหน ไปตามมันมาช่วยเดี๋ยวนี้!” “ไอ้ชมมมมมมม! ” เสียงตะโกนในร้านดังขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายคนนั้นจะมองเราที่ยังคงยืนอยู่พร้อมกับเปิดประตูต้อนรับเรา และพูดกับเราด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มแจ่มใส แม้เมื่อสักครู่จะทำหน้าบูดบึ้งใส่หลานของเขาก็ตาม “ยินดีต้อนรับครับ จะรับอะไรดีครับ ? ” “มีขนมอะไรที่อยากแนะนำเราตอนนี้หรือไม่? ” “...เอ่อ ผมไม่ใช่คนที่แนะนำเก่งหรอก หากคุณถูกใจอันไหนมันจะดีกว่าที่ผมเลือกอีกนะ” เขาทำหน้าดูเหมือนว่าเราจะเป็นลูกค้าที่รับมือยาก ในขณะเดียวกันที่มีร่างของชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้ากันเปื้อนสีดำเดินเข้ามาหาอาที่กำลังยืนอยู่ข้างเรา ภาพที่เราเห็นนั้นช่างแตกต่างกับสิ่งที่ที่ บิอา ให้เราดูเสียจริง ชมณัฐ กัลยรัตน์ นั้นดวงตาสีดำช่างมืดมนดูไม่คอยมีชีวิตชีวา ใบหน้าเกียจคร้านและใบหน้าที่นิ่งนั่นยืนมองอยู่ข้างพี่สาวที่สดใสที่ยิ้มให้เราอยู่ “ชม เฝ้าร้านให้ทีและดูแลลูกค้าคนนี้ด้วย อาจะไปทำขนมเพิ่มหลังร้าน และกมลเองรีบไปส่งให้ลูกค้าด้วย” “รู้น่า ตั้งใจนะชมน่ะ จะรีบมารีบไป” ชายวัยกลางคนตบหลังชมณัฐที่ทำหน้าเบื่อหน่ายงานนี้ ก่อนที่อาของเขาจะยื่นถุงขนม ให้พี่สาวที่รีบวิ่งไปส่งของ และคุณอาที่เดินกลับหลังไปทำขนมหลังร้าน หลงเหลือแค่เราและเป้าหมายที่ยืนนิ่งตรงหน้าก่อนที่เขาจะเดินไปตรงมุมร้านและสุ่มหยิบขนมกล่องหนึ่งที่ลักษณะภายนอกของมันเป็นวงกลม ด้านนอกเป็นสีฟ้า และด้านในนั้นเป็นสีเหลืองยื่นมาให้เราโดยที่ไม่ได้พูดอะไร “ไม่อยากแนะนำขนมชิ้นนี้ให้เราหน่อยงั้นเหรอ? ” “...มีให้ชิมอยู่ครับ” น้ำเสียงในการบริการลูกค้าช่างแย่จริงๆ แต่ก็มีจานและขนมชิ้นเล็กๆ ที่ให้เราได้ลองก่อนด้วย ถึงอาหารของมนุษย์จะไม่สามารถทำให้เราพอใจได้ก็เถอะ ก่อนที่จะหยิบชิ้นเล็กๆ ขึ้นมาลองชิมเข้าปากดู สัมผัสด้านนอกนั้นประกอบไปด้วยแป้งข้าวและแป้งมันบางอย่าง รวมทั้งน้ำตาลทราย และสีฟ้าที่ทำมาจากดอกไม้บางอย่างด้วย ในส่วนไส้ตรงกลางนั้นน่าจะเป็นไข่ และนม พร้อมน้ำตาลกับมะพร้าวที่เป็นส่วนประกอบของมัน “ใช้ได้” “120 ครับ” “เหมาอันนี้ทั้งหมด” เราหยิบสิ่งที่เรียกว่า[เงิน] ที่เป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้จับจ่ายในการซื้อของจากกระเป๋าที่เสกขึ้นมาโดยที่เป้าหมายของเรานั้นยืนอึ้งกับคำพูดของเรา ก่อนที่จะพยักหน้าโดยที่หยิบขนมที่หลายๆ กล่องเอาไปคิดเงินตรงเคาส์เตอร์แทนเรา แม้จะมีสีหน้าที่เหมือนจะตกใจอยู่ก็ตาม .. และ… “ไอ้ชม ลุงนรสิงค์! พี่สาวแกไปมีเรื่องกับมันอีกแล้ว!” หญิงชราคนหนึ่งที่รีบวิ่งมาเปิดประตูหน้าร้านขนมพร้อมกับชมณัฐที่กำลังคิดเงินอยู่เขาแทบปล่อยขนมที่เรากำลังรออยู่รีบออกไปทันที ในขณะที่ผู้ซึ่งเป็นอาได้ยินเสียงนั้นก็รีบวิ่งตามไปด้วย พี่สาวของเขาไปเจออะไรกันนะ? “ปล่อยนะโว้ย!” เสียงตะโกนของอันธพาลคนหนึ่งพร้อมกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่สภาพของเธอนั้นเหมือนจะมีรอยฟกช้ำจากการถูกชกต่อยในขณะที่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ขึ้นคร่อมชายเกรี้ยวกราดนั้นกำลังซัดหมัดใส่อีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าตรงตลาดนัดที่มีผู้คนมากมายยยืนดู “พี่แก--อั๊ก!" ผลั๊วะ! "มาหาเรื่องก่อน!” ผลั๊วะ! “ชม หยุดก่อน ไอ้ชม! ไอ้หลานเวร!” ผู้เป็นอาที่พยายามดึงรั้งหลานของตัวเองที่ดูเหมือนจะคุมสติไม่ได้เมื่อได้เห็นสภาพพี่สาวที่กำลังถูกฝูงชนคอยดูแลอยู่ สายตาของเรามองไปที่ถุงขนมที่เราพอจำได้ว่า เมื่อสักครู่นี้ชายวัยกลางคนนั้นพึ่งให้เธอไปส่งของไป หากขยับเวลาไปเมื่อสักครู่นี้จากมุมมองของเทพแล้ว ดูจะเป็นหญิงสาวที่เอาตัวเข้าปกป้องคุณป้าที่กำลังถูกลูกชายของตนเองรีดไถ่ตังค์อยู่หน้าร้าน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกล้าหาญที่โง่เขลา หรือเพราะว่าไม่สามารถมองข้ามได้กันนะ? “ไอ้ชม! ฉันบอกให้หยุด! แล้วพาพี่สาวไปโรงพยาบาล” เมื่ออาได้พูดถึงพี่สาวที่กำลังถูกปฐมพยาบาลชั่วคราวอยู่นั้น ชายหนุ่มก็หยุดชะงักทันที ใบหน้าของอันธพาลนั้นฟันหลายซี่หลุดล๋อ พร้อมกับใบหน้าฟกช้ำจำนวนมาก ในขณะที่ร่างกายสูงใหญ่นั้นก็มีร่องรอยจากการถูกเตะและต่อยก่อนหน้านั้นด้วย มือของชมณัฐทั้งสองข้างเปื้อนเลือดจากการต่อยชายคนนั้น ก่อนจะมีผู้หวังดีเรียกรถพยาบาลเข้ามาช่วยเหลือพร้อมกับอาของเขาที่หันไปมองคนที่นอนหมดสภาพ ไม่ต่างกับหลานสาวของเธอก่อนพวกเขาจะถูกส่งเข้าโรงพยายาลไป ……………………………… ในห้องผู้ป่วยนั้นกมลพัชรเหมือนจะไม่ได้เจ็บปวดอะไรมาก ในขณะที่อาและน้องชายกำลังนั่งเก้าอี้ดูอาการของเธอและรอคุยอยู่ด้วย แม้น้องชายตัวน้อย จะถูกนางพยาบาลสองสามคนดูแผลบนมือทั้งสองข้างให้จากการชกต่อยไปเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ดวงตานั้นก็ยังคงดูพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อเช่นกัน เราได้ร่ายเวทย์ล่องหนนั่งไขว์ขาอยู่ตรงโซฟามุมห้องฟังพวกเขา ทั้งสามคนที่ตอนนี้บรรยากาศมาคุพอสมควร แม้พวกเขาจะไม่เห็นร่างของเราก็ตาม “อาบอกแล้วใช่ไหมว่าบางอย่างก็ควรมองข้ามไปบ้าง ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเรา ” ผู้เป็นอานั้นดูเหมือนจะวางตัวดีกว่าที่คิด ในขณะเดียวกันพี่สาวที่ทำหน้าเหมือนจะรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่ตัวเองแสร้งเอาตัวเข้าไปรับนั้นท่าทางจะดูไม่สบอารมณ์กับคำพูดของเขา “..ให้มองข้ามคนที่เคยดีกับเรางั้นเหรอ? ” “....” “บางทีพี่ก็ควรรู้นะ ว่าคุณป้าคนนั้นไม่ใช่คนที่พอจะช่วยได้แบบแต่ก่อนนะ” หลังจากที่ชมณัฐฟังคนที่เถียงอากลับ สองมือของหญิงสาวก็กำผ้าห่มแน่นในขณะที่เธอดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบที่จะโดนดุเท่าไหร่ ก๊อก ก๊อก “คุณนรสิงค์ รบกวนช่วยมาหาหมอหน่อยได้ไหมคะ? ” มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากนางพยาบาลคนหนึ่งที่ยืนเรียกอยู่ข้างนอกโดยที่เขาพยักหน้าและปล่อยให้พี่สาวและน้องชายได้อยู่ในห้องกันสองคน “ไปหาอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะนอนแล้ว…” “พวกเรายังคุยกันไม่จบนะพี่” “......” “ถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้อีกด้วยการเอาตัวเข้าไปยุ่งเรื่องวุ่นวายพี่จ-” “แล้วมันยังไงกันวะ!? ” “มันจะทำให้พวกเราเดือดร้อนกันหมด!” และเป็นครั้งนี้ที่ชมณัฐไม่ยอมทนกับความดื้อรั้นของอีกฝ่ายที่เถียงกลับในขณะเดียวกันที่กมลพัชรก็สะดุ้งกับอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะโมโหแทนอาของเขา นั้นเป็นความจริง โลกนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด การทำดีก็ไม่ใช่ว่าจะได้ดีไปซักหมด “ไม่ได้เหมือนตอนเด็กๆ ที่พี่จะใช้พละกำลังได้แล้วนะ --แล้วก็ผมกำลังจะเรียนต่อแล้วด้ว-” ตึก ใบหน้าของหญิงสาวนั้นเหมือนจะมีเลือดกำเดาไหลออกมาตรงจมูกในขณะเดียวกันที่ชายหนุ่มนั้นชะงักกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เราที่นั่งมองอยู่ก็พอเข้าใจได้ทันที เวลาของเธอกำลังใกล้เข้ามาแล้ว อาการของเธอ ที่เหมือนว่าเลือดจะไม่ยอมหยุดไหลเลยจนมันเปื้อนผ้าห่มและเสื้อผ้าทีละนิด พี่สาวที่พยายามบอกว่าไม่เป็นไรก็เหมือนจะประคองสติไม่ไหว ก่อนที่น้องชายนั้นจะเปิดประตูตะโกนเรียกพยาบาลและหมอเพื่อมาช่วยพี่สาวของเขาที่กำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่กับอาการของตนอยู่ ผ่านไปสักพักน้องชายก็เดินออกไปตามคุณอาของเขาที่กำลังฟังคุณหมออยู่ และท่าทางนรสิงค์นั้นก็ดูจะช็อคกับคำพูดของคุณหมอ รวมทั้งหลานชายที่ยืนฟังอยู่ข้างนอกด้วย “โชคไม่ดีนะครับ หลานของคุณน่ะ …” หลังจากที่เรายืนมองเป้าหมายนั้น ตอนนี้ใบหน้าที่นิ่งเฉยนั้นก็เริ่มจะช็อคจากคำพูดของคุณหมอที่ดูเหมือนว่าพี่สาวของเขาจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้นานเท่าไหร่ ในขณะที่คุณอาที่นั่งฟังอยู่ก็เสียใจกับข่าวร้ายของอีกฝ่าย อาการนั้นดูเหมือนจะเป็นจากความเครียดที่มากเกินไป และการโดนทำร้ายร่างกายตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันนี้ที่มักจะชอบชกต่อยอยู่บ่อยๆ เราต้องลงรายละเอียดลึกกว่านี้เหรอ? คนเราก็ต้องตายอยู่แล้ว? จะสนใจทำไม? ชมณัฐเดินออกมาจากห้องของคุณหมอพร้อมกับคุณอาที่ดูเหมือนวันนี้พวกเขาจะตกลงคุยกันว่าจะพักกันและค้างคืนในโรงพยายาลอยู่ดูแลกมลด้วย ก่อนที่ชายหนุ่มที่สวมแว่นนั้นจะเดินขึ้นลิฟต์พร้อมกับกดลงไปที่ชั้นล่างของโรงอาหาร เรายืนมองอยู่ข้างในลิฟต์โดยที่ข้ารับใช้กระต่ายเล็กๆ ปรากฏออกมาจากมิติ “นายท่าน กลับดึกเสียเล่าทำอะไรอยู่ที่นี้นานแท้? ” “ก็แค่มาดูเรื่องน่าเบื่อ …” สุดท้ายชีวิตที่สำคัญของมนุษย์ก็ต้องจากไป …แต่น่าแปลกที่มันมีอะไรบางอย่างที่เราอยากจะเห็นให้มันแน่ชัดกว่านั้น เราหยิบคนรับใช้เจ้าก้อนตัวเล็กๆ โยนกลับเข้ามิติทันที ก่อนที่จะเดินตามชมณัฐที่นั่งอยู่โรงอาหารเงียบๆ ที่ไร้ผู้คน พร้อมกับชานมไข่มุกสองแก้วที่กำลังละลายอยู่ “เจอกันอีกแล้วนะ” “....” “ไม่คิดจะตอบเหรอ? ” “อาสอนไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้าครับ” ถือว่าอาของเขาสอนดี..หรือเปล่านะ? แต่ก็ไม่สบอารมณ์กับวัฒธรรมที่นี่เสียจริง เราค่อยๆ นั่งลงโดยที่ชมณัฐซ่อนอาการนั่งซึมเมื่อสักครู่นี้เอาไว้ “ขนมที่จะให้เรา นายลืมบอกชื่อมัน” “บุหลันดั้นเมฆเหรอครับ ..? " เป็นขนมที่ชื่อไพเราะเสียจริง แม้จะไม่รู้ว่ามันทำมาจากอะไรก็เถอะ ชมณัฐในตอนที่กังวลก็ค่อนข้างน่าเอ็นดูแปลกๆ เดียว อะไรนะ? น่าเอ็นดู คำนี้โผล่เข้ามาในหัวได้ไง “ตอนนั้น ...คุณเองที่เป็นคนเหมาขนมทั้งหมดสินะครับ? ” “ใช่ เป็นพ่อค้าประสาอะไรที่ทิ้งลูกค้าให้รออยู่” “...ขอโทษครับ” "อยู่กับพี่สาวมาตลอดสินะ…" แก้วชานมไข่มุกสองอันนั้นมีแก้วหนึ่งที่เหมือนจะใส่ถุงพลาสติกเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าน้องชายคนนั้นจะไม่กล้าเอาไปให้พี่สาว และท่าทางไม่อยากจะเจอหน้าเธอในเวลาตอนนี้ “คุณต้องการอะไรจากผม? ” ดูเหมือนว่าจะทำให้อีกฝ่ายเริ่มระแวงแล้วก่อนที่เราจะหยิบแก้วที่ละลายขึ้นมาดื่มแทนทันที โดยไม่สนว่าชมณัฐจะมองยังไง โอ้ รสชาตินี้มันนมสินะ? “ถ้าเกิดว่าสามารถทำให้พี่สาวของตัวเองมีชีวิตได้นานมากขึ้นจะสนใจไหม? ” “ผมจะโทร 191 ข้อหา 18 มงกุฏ” เจ้ามนุษย์คนนี้นี่ช่างสามหาวยิ่งนัก แม้คนตรงหน้าเราจะพูดเถียงคำไม่ตกฟากคล้ายพี่สาวของเขาก็เถอะ ก่อนที่ชมณัฐจะได้ยินเสียงมือถือพร้อมกับหยิบขึ้นมารับสายต่อหน้าเราที่ยังมองเขาอยู่ “ครับ เดี๋ยวผมจะกลับขึ้นไปครับ” ท่าทางอาจจะเป็นคุณอาก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาพร้อมกับเราที่นั่งเท้าคางมองอีกฝ่าย ยังไงเจ้าเด็กคนนี้ก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำ “โชคดี” “แก้วชานมไข่มุกนั้นราคา 35 บาทจ่ายคืนด้วยครับ” “......” “ถามจริง? ” “ไม่ได้ให้ฟรีง่ายๆ ครับ” ………………………………… กระดาษแผนที่สี่ถูกเผาลงช้าๆ ในขณะที่เรารู้สึกว่ามนุษย์คนนี้ช่างกวนประสาทกว่าที่คิด ไม่สมบูรณ์ และน่าโมโห คนใช้ตัวเล็กของเราที่เห็นท่าทางไม่พอใจเราในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่กล้าเข้าใกล้ก่อนที่จะมีหน้าจอภาพโฮโลแกรมสัญญาแจ้งเตือนจากคนที่พนันกับเราก่อนเราจะกางมือออก เผยให้เห็นภาพของคนที่พนันกับเรา บิอา [หาคนที่จะเป็นผู้กล้าสำหรับเจ้าได้หรือไม่?] “ไม่มี ..คนที่เจ้าเลือกมาไม่มีสักนิดที่ถูกใจข้าเลยสักนิด ” [หื้ม งั้นเหรอ?] “ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถอะกับสิ่งที่เจ้าพนันน่ะ บิอา ” [กลัวจัง] น้ำเสียงที่ไม่ยี่หระแบบนั้นช่างน่าหมั่นไส้ยิ่งนัก แม้สีหน้าแบบนั้นจะคิดว่าอยู่เหนือกว่าเทพตนอื่นๆ ก็ตามเถอะ ทำไมถึงยอมเล่นเกมบ้าๆ กับเจ้าคนประเภทแบบนี้กันได้นะ? [เอเบล คนสุดท้ายเจ้าไม่ถูกใจเหรอ น้องชายที่อยากจะปกป้องพี่สาวน่ะ?] สุดท้ายมนุษย์ก็ต้องแตกสลายไป การหยิบยื่นโอกาศอีกฝั่งนั้นมันไม่จำเป็นที่จะต้องสงสารอะไรกัน ถ้าหากมีประโยชน์ด้วยกันนั้นน่ะถือจะเป็นการทำสัญญาที่่ล้ำค่าสำหรับเราก่อนที่เราจะพูดยอกย้อนใส่อีกฝ่ายกลับ “แล้วเจ้าล่ะพร้อมจะโดนสัญญาเมื่อตอนนั้นหรือยัง? ” [ใจเย็นก่อน ในสัญญายังเหลือเวลาอีกนานมิใช่ฤา?] มันก็จริง ษุรุษตรงหน้ายังรู้เรื่องสัญญากฏหมายในเกมก่อนที่จะทำท่าโบกมือลาเล็กๆ โดยที่เราจิ๊ปากขึ้นมาเบาๆ ก่อนเราจะพ่นลมหายใจออกมา แต่ว่า มันก็น่าเจ็บใจเหลือเกิน ขนมที่เรียกว่า บุหลันดั้นเมฆ นั้นยังอยากจะกินอีกชะมัด แต่ก็ไม่อยากจะเจอเด็กผู้ชายคนนั้นที่กวนประสาทด้วย อาจจะแวะไปดูสักนิดก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกมั้ง? “พี่ นี้คิดจะทำอะไร!? ” “ก็มันตามฉัน จะให้ทำอะไรอีกล่ะ แจ้งตำรวจก็ทำได้แค่บันทึกประจำวันแหละแต่ไอ้คนที่เองไปตีตอนนั้นมันมีแบ็คใหญ่นะเว้ย!” “เพราะงั้นก็ควรโทรหาอาก่อนสิ นี้ไม่ใช่เรื่องของพี่คนเดียว!” เมื่อเราเดินมาที่หน้าร้านขนมกัลยรัตน์ก็เห็นสภาพของพี่สาวและน้องชายที่ทะเลาะกันอยู่หน้าร้านพร้อมกับกระเป๋าสะพายด้านหลังของหญิงสาวที่ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามหนีออกจากร้านขนมของคุณอาดูแลเอาไว้ ในขณะที่น้องชายของเธอคอยรั้นเอาไว้ก่อนที่เราจะหยุดยืนดูพวกเขาทั้งสองคนที่กำลังโกรธกันอยู่ ชมณัฐหันใบหน้ามองมาที่เรา เหมือนจะจำได้และทำให้พี่สาวของเขาที่ทะเลาะกันนั้นได้หยุดลง “คุณ …? ” “เรามาซื้อขนม” “ขอโทษครับ ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดและ - ” “ช่างมันเถอะ ให้เขามาซื้อขนมก่อนชม” ดูเหมือนขอบตาของกมลพัชรนั้นจะแดงจากการกลั้นน้ำตาเอาไว้ก่อนที่น้องชายคนนั้นที่เห็นจะยอมปล่อยมือออกและยอมตามใจพี่สาวของเขาโดยเราเดินตามหลังสองพี่น้องคู่นั้นในขนาดที่กวาดตามองภายในร้านขนมด้านในมีขนมรูปร่างแปลกประหลาดมากมายที่ถูกค่อนข้างน่าสนใจ เราจับจ้องไปตรงโซนขนมนั้นอีกครั้ง แม้ชมณัฐดูเหมือนจะไม่พอใจกับการที่เรามาขัดจังหวะพวกเขาก็ตาม ในขณะที่ได้ยินเสียงขึ้นบรรไดค่อนข้างรุงแรงพอสมควร เด็กไม่ดี ในส่วนของกมลพัชรนั้นที่เมื่อกี้นี้เหมือนจะซึมอยู่นั้น เธอพยายามรีบเช็ดน้ำตาของตัวเองก่อนจะพยายามปั้มหน้ายิ้มรับลูกค้าอย่างเราที่ยืนมองอยู่ “บุหลันดั้นเมฆ โชคยังดีนะคะที่คุณอาทำให้ก่อนที่จะไปต่างจังหวัดน่ะ” เธอยิ้มออกมาในขณะที่หยิบขนมสองกล่องใส่ถุงพร้อมกับเล่าถึงคุณอาที่ไปต่างจังหวัด “ทั้งหมด” “คะ? ” “เราจะซื้อทั้งหมด” หลังจากที่เราพูดออกมานั้นทำให้ใบหน้าที่ซึมอยู่เมื่อกี้นี้เผลอหลุดขำออกมาทันที “เข้าใจแล้วล่ะค่ะ” “ทำไมถึงทะเลาะกับน้องชายล่ะ? ” “.....” ดวงตากลมโตสีน้ำตาลนั้นชะงักกับคำพูดของเราที่พูดออกมาในขณะที่สีหน้านั้นดูกังวลเล็กน้อยก่อนที่สายตาของเราจะมองกระเป๋าใบใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าที่จะพร้อมเก็บหนีออกจากบ้านไป กมลพัชรขยับริมฝีปากกำลังจะพูดออกมาแต่ดูเหมือนจะยังกลัวที่จะเปิดปากพูดกับเราอยู่ “...ฉันเคยคิดว่าสิ่งที่ฉันทำมาตลอดมันจะเป็นการช่วยคนรอบข้างได้ แต่ว่ายิ่งโตมาก็รู้สึกว่าการเป็นผู้ใหญ่ที่มากขึ้นก็มีแต่เหนื่อยกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาน่ะค่ะ” เธอพูดออกมาในขณะที่หลุดหัวเราะออกมาอีกครั้งแม้น้ำเสียงนั้นจะซึมนิดๆ ก่อนที่ร่างเล็กนั้นจะเดินไปหยิบขนมกล่องที่เราต้องการจะกินจัดเรียงใส่ในถุงสักสิบกล่องได้พร้อมกับมองเราอีกครั้ง “จนบางครั้งน้องชายอาจจะเหนื่อยที่มีฉันเป็นพี่สาวก็ได้” ภาพเหมือนหวนกลับมาเมื่อเราเห็นร่างของพี่สาวของชมกำลังถูกกระชากผม ท่ามกลางตลาดนัดในเมืองที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง มีเพียงแค่น้องชายที่กระโจนเข้ามาดึงตัวพี่สาวของตัวเองเอาไว้ก่อนที่หมัดนั้นจะเหวี่ยงเข้าไปที่ใบหน้าของชายอันธพาลคนนั้นจนใบหน้าของเขาเสียโฉม แม้แววตาในตอนนั้นจะโกรธเกรี้ยวก็ตามแต่เขาก็คงกลัวว่าตัวเองจะทำให้พี่สาวเหนื่อยเช่นกัน ช่างคล้ายกันในตอนนี้จริงๆ “.....” สายสัมพันธ์ของครอบครัวช่างซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าไปยุ่งได้ “เท่าไหร่” “1600บาท น่ะค่ะ” ถุงกล่องขนมสีฟ้าขนาดใหญ่ถูกยื่นให้เราก่อนที่จะหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาและยื่นธนบัตรสองใบโดยที่มองอีกฝ่ายที่ยังคงคลี่ยิ้มจางๆ ให้เรา “ที่เหลือเป็นค่าขนมให้น้องชายกับเธอไป” “เอ๊ะ? อ่า .. ขอบคุณนะคะ คุณรู้จักน้องชายฉันด้วยเหรอ? ” “แค่รู้จักกับเด็กไม่มีมารยาทเท่านั้น ชานมก็หวงเพราะพี่ชอบอีก” เราพูดออกมาในขณะที่มองใบหน้าซื่อบื้อของหญิงสาวตรงหน้าก่อนที่เราจะหยิบถุงขนมนั้นพร้อมกับมองเธออีกครั้ง “...แล้วตอนนี้คิดจะหนีหรือเปล่า? ” "....." “ฉันว่าจะพักคืนนี้คุยกับน้องชายก่อน ถ้าตอนเช้ามีแค่น้องชายอยู่ในร้านคนเดียวมันจะยุ่งน่ะค่ะ” กมลพัชรพูดออกมาในขณะที่เบ่งกล้ามแขนเล็กๆ ก่อนที่จะพนมมือโค้งลาเรา “ขอบคุณนะคะ ไว้มาซื้อขนมกับเราอีกรอบนะคะ!” เพราะแบบนี้เจ้าห่วงเธอเพราะแบบนี้หรือเปล่า? ช่างน่าเอ็นดู ชมณัฐ “หวังว่าจะคุยกับน้องชายของเจ้าได้นะ โชคดี” เราอวยพรอีกฝ่ายไปในขณะเดียวกันที่เดินออกจากร้านขนมโดยที่เธอยืนส่งลาเรา ก่อนเราจะก้าวเท้าออกไปพร้อมกับหยุดมองและรู้สึกได้ว่ามีสายตาของใครบางคนจับจ้องมองตรงหน้าต่างชั้นบนอยู่ นั้นคือชมณัฐที่ดูเหมือนจะไม่ชอบใจที่เราคุยกับพี่สาวในขณะที่เราเหยียดยิ้มมองอีกฝ่าย ก่อนเขาจะปิดหน้าต่างลงด้วยอารมณ์หัวเสีย เราหัวเราะออกมาเบาๆ ช่างน่ารักจริงๆ …………………………………
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม