ตอนที่ 7
ร่างใหญ่กำยำของเซนต์นั่งอยู่บนโซฟาหรูเครื่องบินส่วนตัว ดวงตาคมกริบมองหน้าจอสมาทโฟนบางเฉียบ ปรากฏภาพหญิงสาวกับชายหนุ่มคู่หนึ่งกำลังเดินกอดกันกลมที่สวนสาธารณะใกล้ๆ แถวมหาวิทยาลัยของเขา ด้วยแววตาเรียบนิ่ง
เซนต์สั่งลูกน้องคอยติดตามลันตาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เขาต้องไปสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เยอรมัน คงต้องปล่อยเธอไปก่อน กลับมาค่อยตามมาเก็บทีหลังก็ยังไม่สาย...
เมื่อถึงปลายทางร่างสูงใหญ่ก้าวเท้ามุ่งหน้าไปรถหรูที่จอดรอเตรียมไว้ เดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วบึ่งรถไปที่คลับทันที บอดี้การ์ดคอยตามอารักขายี่สิบกว่าชีวิตขับรถตามผู้เป็นนายออกไปโดยมีไมค์ที่เป็นหัวหน้าคอยสั่งอีกที
เซนต์มุ่งตรงไปที่ห้องทำงานใต้ดินของกาสิโนหรู
“นายครับคุณเจสันรออยู่ที่ห้องเรียบร้อยแล้วครับ” บอดี้การ์ดหุ่นล่ำบึ๊กรายงานผู้เป็นนายพร้อมเปิดประตูบานใหญ่ห้องที่มีแขกรอพบอยู่
“อืม” เสียงเรียบเอ่ยตอบรับ ก้าวเดินนำร่างใหญ่ไปนั่งบนโซฟาหรูกับคนตรงข้าม
“คุณเซนต์ครับ โครงสร้างแบบใหม่ที่ต้องการผมออกแบบเรียบร้อยแล้วครับ”
วิศวกรหนุ่มผู้มีหน้าที่รับผิดชอบระบบสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจมืดของเซนต์ ยื่นแบบดีไซน์ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยมากขึ้นให้กับคนที่เพิ่งเดินข้างมาในห้อง
เจสันเป็นหัวหน้าวิศวกรของตระกูล ลูกชายของวิศวกรที่ทำงานให้กับตระกูลดีลล์ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อเขา ค่อนข้างสนิทกับเซนต์ในระดับหนึ่งเนื่องจากเคยเรียนที่เดียวกัน ถึงอย่างนั้นเจสันก็ยังนับถือเซนต์เหมือนเจ้านายมาตลอด เซนต์ไว้ใจเจสันในการทำหน้าที่นี้และเขาก็ไม่เคยผิดหวัง
“.....”
“มีส่วนไหนที่ต้องแก้ไขหรือเปล่าครับ”
“ไม่มี เริ่มทำงานได้เลย” รับเอกสารมาพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะบอกคนที่นั่งตรงข้าม
วิศวกรหนุ่มลุกขึ้นยืนโค้งคำนับให้นายเป็นการเคารพและรับคำสั่งไปในตัว ก่อนจะเดินออกไปปฏิบัติงานทันนี้
ยิ่งสร้างเสร็จเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ระหว่างที่สร้างใหม่ต้องสูญเสียรายได้หลายสิบล้านเหรียญเลยทีเดียว
ระเบิดครั้งนี้ทำให้เขาต้องรื้อโครงสร้างของกาสิโนทั้งหมด เพื่อระบบรักษาความปลอดภัยของลูกค้าและตัวเขาเอง จากที่ดีมากอยู่แล้วให้ดีมากขึ้นไปอีก
ไอ้คินทร์คนก่อเรื่องทั้งหมดจนตอนนี้เขาก็ยังค้นหาตัวไม่เจอ มือใหญ่จับสมาทโฟนขึ้นโทรไปหาเพื่อนรักเพื่อถามความคืบหน้า
“กว่าจะรับสายนะมึง”
“เออ ขอโทษกูขอโทษด้วย” เคลย์ตันเอ่ยขอโทษเพื่อนเพราะเขามีธุระติดพันอยู่
“อย่าเสพสุขจนลืมงาน”
“เออกูรู้น่า ตอนนี้เจอแค่น้องสาวของมัน แต่ตัวมันยังหาไม่เจอ เดี๋ยวกูรีบให้”
“เออ รีบๆ ล่ะ กูวางละ” ตอนแรกเขาจะไม่ให้เคลย์ตันช่วยเพราะมันกำลังมีปัญหาที่โรงแรมอยู่ อีกอย่างเรื่องแค่นี้เขาจัดการเองได้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อมันอาสาจะทำเองเขาก็ไม่ขัดข้อง
ลันตายืนเหม่ออยู่ที่ริมระเบียงบนห้องนอน เห็นความสวยงามของสวนที่เพิ่งถูกจัดแต่งใหม่โดยฝีมือป้านวลทำให้เธอคลายความเครียดได้สักพัก ก่อนจะกลับมาคิดมากอีกครั้ง
เธอจะไปเอาเอกสารที่ลืมไว้กับเขายังไงดี ช่างโง่เหลือเกินที่พลาดของลืมสำคัญไว้ หรือเธอจะไปรอพบเขาดีนะ...บ้าสิ! ถ้าเกิดเขาจับเธอโยนออกมาจะทำยังไง
ทำอย่างไรถึงจะได้ของคืนมาโดยที่ไม่ต้องเจอเขานะ โอ๊ยย ยัยลันตาเอ้ย!!
ร่างบางเดินกลับเข้ามาในห้องนอน ล้มตัวลงนอนกับเตียงขนาดควีนไซต์ แล้วดึงผ้าห่มหนามาบดบังอากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ มือเล็กจับสมาทโฟนขึ้นมาหาเบอร์โทรบ้านสุขใจก่อนจะกดโทรออก
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เพราะเวลาที่ประเทศไทยกับอิตาลีไม่ตรงกันหลายชั่วโมง และตัวเธอก็ยังคงวุ่นวายกับเรื่องต่างๆ ด้วยเลยทำให้ไม่ค่อยได้คุยกับครูอารีมาสักพักใหญ่
“สวัสดีค่ะพี่ลัน” ไม่นานคนทางนั้นก็รับสาย
“สวัสดีจ้ะหนูดี กำลังทำอะไรกันอยู่คะ” เสียงหวานทักทายคนในสายซึ่งเป็นน้องๆ ของเธอเอง
“กำลังจะเข้านอนแล้วค่ะ แต่หนูดีได้ยินเสียงโทรศัพท์ หนูดีเลยกดรับสายแทนค่ะ” ลันตายิ้มเอ็นดูกับเสียงเจื้อยแจ้วสดใสที่กำลังอธิบายอยู่ในสาย
“เอ่อทแล้วคุณครูไปไหนคะ”
“คุณครูกำลังแพ็คขนมเพื่อไปส่งที่โรงแรมวันพรุ่งนี้ค่ะพี่ลัน...หนูดี ใครโทรมาเหรอจ๊ะ” เสียงในสายสอดแทรกเข้ามาอีกคน
“พี่ลันโทรมาค่ะคุณครู นี่ค่ะ”
ครูอารีเดินเข้ามาหลังจากที่ได้ยินใครคุยโทรศัพท์อยู่สักพัก พบเด็กตัวเล็กๆ สูงเท่าเอว กำลังยืนเขย่งเท้าพูดกับโทรศัพท์อยู่ หนูดีจึงยื่นโทรศัพท์ให้คุณครูแล้วเดินออกไปหาเพื่อนเพื่อเข้านอน
“ฮัลโหลลัน เป็นยังไงบ้างลูก สบายดีหรือเปล่าจ๊ะ” ทันทีที่รับสาย ร่างอ้วนท้วมก็สอบถามความเป็นอยู่ของหญิงสาวเลย
“แม่จ๋า ลันสบายดี คิดถึงแม่จังเลยค่ะ” เสียงหวานพูดอ้อนบอกคนที่เธอเรียกว่าแม่
“แม่ก็คิดถึงหนูเหมือนกัน ทุกอย่างที่โน่นโอเคไหมลูก”
“เริ่มโอเคขึ้นแล้วค่ะ ค่อยๆ ปรับตัวไป”
“ดีแล้วจ้ะ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่เหรอ”
“ลันเพิ่งกลับมาจากมหาลัยค่ะ แม่อย่าทำงานหนักเกินไปนะคะ ลันเป็นห่วงแม่นะ”
“ขอบใจมากลูก เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้แล้วแม่ก็จะเข้านอนแล้วล่ะ ลันก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
“ลันอยากกอดแม่จังเลยค่ะ...”
ตอนนี้เธออยากเข้าไปกอดร่างท้วมครูอารีใจแทบขาด เผื่อว่าอะไรในใจจะเย็นลง สองคนร่ำลากันในโทรศัพท์ก่อนจะกดวางสาย ร่างบางกระชับผ้าห่มหนาให้อุ่นขึ้น ไม่นานก็เคลิ้มหลับไป
ลันตารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ตอนเย็นแล้ว กระเพาะน้อยร้องประท้วงด้วยความหิว ร่างบางเดินลงมาในห้องครัวเปิดตู้เย็นหาวัตถุดิบเพื่อทำอาหารเย็น เห็นกระดาษโน๊ตใบเล็กที่ติดไว้ตรงหน้าตู้เย็นของป้านวล
‘ป้าจะไปเคาะประตูเพื่อบอกลัน แต่คงหลับอยู่ป้าเลยไม่อยากรบกวนป้าไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลนอกเมือง เพื่อนป้าไม่สบายไม่มีใครคอยดูแล ป้าเลยอาสาไปดูแลแทน ลันไม่ต้องห่วงนะลูก’ ข้อความป้านวลที่เขียนติดไว้
เธอต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วเหรอเนี่ย...
หลังจากทำอาหารแบบง่ายๆ ทานแล้ว คนตัวเล็กออกมาเดินเล่นที่เรือนกล้วยไม้พร้อมกับน้ำผลไม้ในมือ ร่างบางชื่นชมดอกกล้วยไม้อยู่สักพักแล้วจึงออกมาเดินดูสวนที่หน้าบ้าน
สังเกตเห็นเงาสีดำหลบอยู่หลังพุ่มไม้ตรงประตูใหญ่หน้าบ้าน
“นั่นใคร? ...” ลันตาตะโกนถามเผื่อจะมีเสียงตอบรับกลับมา
“....” แต่ก็เงียบกริบ ได้ยินแต่เสียงลมพัดอ่อนๆ
“ใคร?” เธอถามอีกครั้งก่อนที่เงานั้นจะเคลื่อนตัวหลบออกและหายไป
เรียวขาขาวรีบก้าวเท้ายาวกลับเข้ามาในบ้าน สำรวจความเรียบร้อยจัดการล็อกประตูหน้าต่างจนหมดทุกบานแล้วขึ้นไปห้องนอนของตัวเอง
มือเล็กคว้าแมคบุ๊คขึ้นมาเปิดค้นหาประวัติของเจ้านายใหญ่ เซนต์ วาโลว ดีลล์
เขาเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลดีลล์ สืบทอดตำแหน่งท่านประธานใหญ่ PETROLEUM D. PARK แทนคุณเครสเซน วาโลว ดีลล์ที่วางมือการบริหารไปตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว และยังเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยดีลล์ที่สร้างขึ้นเพื่อศึกษาเกี่ยวกับปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติโดยเฉพาะ นี่คือข้อมูลคร่าวๆ ที่เธอค้นหาเจอและคงเป็นข้อมูลที่ใครๆ ต่างก็รู้ดี ข้อมูลนอกเหนือจากนี้ก็ไม่พบอะไรเลย นอกเสียจากข่าวคาวๆ เรื่องผู้หญิง ควงคนนั้นคนนี้บ้าง
กลับมาทำงานโปรเจคของตัวเองดีกว่า หลังจากเปิดเรียนได้ไม่นานเหล่าอาจารย์ทั้งหลายก็มอบหมายงานชิ้นใหญ่ให้นักศึกษาอย่างเธอเสียแล้ว แต่ยังมีความใจดีอยู่บ้างคือให้ทำงานด้วยกันสามคนเพื่อที่จะได้คอยช่วยเหลือกัน แต่ตอนนี้ทีมของเธอมีแค่สองคนคือเธอกับโรเจอร์ยังขาดเหลืออีกหนึ่งคน พรุ่งนี้คงต้องไปหาเพื่อนมาร่วมทีมให้ครบ งานโปรเจคแบบนี้ถ้าให้ทำคนเดียวมีหวังได้ตายก่อนจะรู้เรื่องพ่อแม่เธอแน่ๆ
ร่างแบบบางเดินขึ้นไปบนชั้นเรียน ดวงตาหวานมองไปที่โรเจอร์ที่กำลังพูดคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เธอจัดว่าสวยมาก รูปร่างดี มีเซ็กแอพพีลสูงบวกกับผมยาวสลวยนั่นอีก อย่าว่าแต่ผู้ชายมองตาไม่กะพริบเลย เธอเป็นผู้หญิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะมอง
“ลันตา ฉันได้คนมาร่วมทีมกับเราแล้วนะ” ระหว่างรอเข้าคลาสเรียนโรเจอร์ก็หาเพื่อนมาร่วมทีมครบจนได้
“อื้ม จริงเหรอ”
“สวัสดีค่ะ ลันตาใช่มั้ย เราเอมี่นะ” คนที่ซึ่งกำลังจะเป็นเพื่อนใหม่ของเธอ ใบหน้าสวยซ่อนเปรี้ยวเอ่ยขึ้นพลางยื่นมือสวยออกมาจับทักทาย
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“ขอบคุณที่ให้เราร่วมทีมด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรเลย เรากำลังหาคนเพิ่มอยู่พอดีน่ะ” ลันตาตอบยิ้มหวานให้กับสมาชิกใหม่ในทีม
“เอาล่ะ ในเมื่อรู้จักกันหมดแล้ว ก็เข้าคลาสกันเลยเนอะ อาจารย์มาแล้วจ้ะ” โรเจอร์เอ่ยขึ้นบ้างหลังจากที่ปล่อยให้สองสาวรู้จักทักทายกัน ชี้ไปทางที่มีอาจารย์กำลังเดินมาทางพวกเธอ
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในคลาส เพื่อนบางคนยังคงมองมาที่ลันตาเหมือนเดิมเมื่อวันก่อนๆ แต่เธอก็ยังเลือกไม่สนใจ ก่อนจะเดินนำไปนั่งที่ประจำ ก็บอกแล้วไงว่าคนอื่นจะคิดยังไงก็ไม่สำคัญสำหรับเธอ
“คนพวกนี้ เมื่อไหร่จะเลิกสนใจเธอสักทีนะลัน” ไม่มีอะไรจะทำหรือไงถึงได้เอาแต่นินทาคนอื่น โรเจอร์ทนไม่ไหวกับสายตาและการซุบซิบนินทาแบบนั้น แต่ก็เก็บประโยคหลังไว้ในใจ
“ช่างคนพวกนั้นเถอะลัน เดี๋ยวก็คงลืมกันไปเอง” เอมี่พูดเสริมขึ้น ลันตาพยักหน้าให้เบาๆ แล้วหันไปสนใจสิ่งที่อาจารย์กำลังสอนอยู่ด้านหน้า