ตอนที่ 6
ทางด้านปัญญาวีร์ที่กำลังบริการลูกค้าอยู่ก็เงยหน้ามองห้องวีไอพีด้วยสีหน้ายุ่งๆ หลังจากเพื่อนร่วมงานมาบอกให้เธอไปบริการแขกวีไอพีในห้องนั้น เจ้าของร่างบางบิดปากออกนิดๆ อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมลูกค้าถึงได้เจาะจงว่าต้องเป็นเธอด้วย แต่เมื่อไม่มีทางปฏิเสธได้ เธอก็ได้แต่จำใจเดินไปยังห้องวีไอพี ทว่าแขนของเธอถูกรั้งเอาไว้เสียก่อน
“เจ๊มีอะไรหรือเปล่าคะ ป่านจะรีบไปดูแลลูกค้า” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยเสียงกึ่งจะเบื่อหน่อย เมื่อเห็นสายตาของเจ้าของผับ ที่เธอเดาออกว่าเจ๊จะให้เธอทำอะไร
“เจ๊รู้แล้ว แล้วที่เจ๊มานี่ก็มาบอกให้หนูป่านดูแลลูกค้าวีไอพีคนนี้ให้ดีๆ แล้วถ้าลูกค้าอยากได้อะไร หนูป่านก็รีบจัดหาให้ด้วยล่ะ”
“ได้ค่ะเจ๊”
“ขอบใจนะจ๊ะหนูป่าน อ๋อ! เจ๊ลืมบอกไปว่าลูกค้าต้องการให้หนูป่านขึ้นไปร้องเพลงให้ฟังด้วย ส่วนค่าเหนื่อย ทางลูกค้าจะจ่ายให้ไม่อั๋น เจ๊แนะนำว่าหนูป่านควรเรียกให้เยอะๆ เข้าไว้ แล้วที่สำคัญอย่าลืมที่เจ๊บอกด้วยล่ะ หากลูกค้าต้องการอะไรก็รีบหาให้ แล้วอย่าไปขัดใจลูกค้าล่ะ เดี๋ยวร้านเจ๊จะเสียชื่อ” เจ้าของผับบอกน้ำเสียงราบเรียบแต่ก็แฝงคำสั่งเอาไว้ ส่วนปัญญาวีร์ลอบถอนใจเฮือกใหญ่ กี่ครั้งแล้วที่เจ๊พูดในทำนองให้เธอเอาตัวเข้าไปประเคนให้ลูกค้ารายใหญ่ๆ
“เรื่องร้องเพลง ป่านจะขึ้นไปร้องให้ แต่แค่สองเพลงเท่านั้นนะคะ วันนี้ป่านเหนื่อย ส่วนเรื่องที่ลูกค้าต้องการอะไรก็รีบหาให้ เจ๊คงไม่ได้หมายถึงตัวป่านใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่หรอกหนูป่าน เพราะของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับใครว่าจะยอมหรือไม่ยอม แต่ตอนนี้เจ๊ว่าหนูป่านรีบไปเถอะ เดี๋ยวลูกค้าจะรอนาน” สิ้นคำเจ้าของผับหรู ปัญญาวีร์ก็เดินตรงไปยังห้องวีไอพี โดยมีสายตาจากเจ้าของผับมองตามด้วยความขุ่นเคืองที่พนักงานสาวไม่ยอมทำตามที่ตนเปรยไว้
ทางด้านปัญญาวีร์ หลังจากเธอเดินมาถึงหน้าห้องวีไอพี ก็ยืนรออยู่อึดใจเพื่อรอให้บอดี้การ์ดหน้าห้องเข้าไปบอกกล่าวเจ้านาย และเมื่อได้รับอนุญาต เธอจึงเปิดประตูแล้วเดินก้มหน้าเข้าไปยืนห่างๆ โซฟาที่ลูกค้านั่งอยู่
“ท่านจะรับอะไรดีคะ” พนักงานสาวพูดขึ้นโดยไม่คิดจะเงยหน้ามองลูกค้า เพราะเธอถือว่ามันเป็นการเสียมารยาท ส่วนมือก็จับปากกาเตรียมพร้อมจดรายอาหารและเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าต้องการ แต่ทุกอย่างเงียบกริบ ครู่ต่อมาเธอก็ได้ยินเสียงถอนใจดังมาจากคนที่นั่งบนโซฟาเรียบหรูนั่น
“ที่นี่ต้อนรับลูกค้าแบบนี้หรือไง ไม่ได้เรื่อง!” มาเฟียหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงกระชาก เพราะไม่พอใจที่หญิงสาวไม่เงยหน้าขึ้นมองเขา ทั้งที่หน้าตาของเขาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่จนถึงขนาดไม่อยากมอง
ขณะที่ปัญญาวีร์ก็เงยหน้ามองทันทีหลังจากถูกกล่าวหา ดวงตากลมสวยต้องเบิกกว้างเมื่อได้เห็นโฉมหน้าคนที่เรียกใช้เธอ
เขา! ผู้ชายหนุ่มเจ้าของดวงตามีเสน่ห์ที่เธอเจอในงานเลี้ยง
อาการตะลึงองหญิงสาวเรียกรอยยิ้มขบขันจากมาเฟียหนุ่มได้มากทีเดียว
“เป็นอะไรไปคุณนักร้อง หรือคุณเห็นหน้าผมเป็นปีศาจหรือไง ถึงได้ทำตาถลนแล้วก็จ้องผมจนตาไม่กะพริบแบบนี้” มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์
“ปละ…เปล่าค่ะ ว่าแต่ท่านจะรับอะไรดีคะ” คำแต่ละคำที่ปัญญาวีร์พยายามถามมันช่างลำบากลำบนยิ่งนัก ทั้งที่เธอไม่เคยประหม่าเลยสักครั้ง
“ผมว่าคุณคงไม่พร้อมจะบริการใครหรอก ดูอย่างคำพูดสิ พูดติดๆ ขัดๆ ไปหมด” เอเรสกล่าวด้วยน้ำเสียงคล้ายดูถูก แล้วเอนแผ่นหลังผิงพนักโซฟา ยกแขนทั้งสองพาดบนโซฟาพร้อมตวัดท่อนขาแข็งแกร่งขึ้นทับกันในท่วงท่าสบาย
ดวงตาคมจับจ้องไปยังหญิงสาว รูปร่างบอบบางแต่ดูเหมือนมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าจะไม่เล็กอย่างที่ตาเห็น มาเฟียหนุ่มใช้สายตาสำรวจซอกแซก ราวกับว่าจะสอดส่องเข้าตรวจดูก้อนเนื้ออวบอิ่มให้มันรู้กันไปเลยว่าตกลงขนาดมันแค่ไหนกันแน่
ปัญญาวีร์ตวัดสายตาโกรธขึงใส่ลูกค้าหนุ่ม บ่งบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าเธอไม่ชอบใจสายตาซอกแซกของเขา ขณะที่มาเฟียหนุ่มก็ทำเพียงไหวไหล่ ปากได้รูปของเขาก็คลียิ้มส่งไปเขย่าหัวใจของใครบางใครและก็ได้ผล เพราะหัวใจดวงน้อยๆ ของเธอหวามไหวไปกับรอยยิ้มมีเสน่ห์นั่น
“ว่าไงคุณนักร้อง ผมว่าคุณไม่พร้อมจริงๆ นั่นแหละ แบบนี้ผมคงต้องไปรายงานเจ้าของผับทราบดีไหม ว่าพนักงานของที่นี่ นอกจากหน้าตาจะไม่ยิ้มแย้มแล้ว น้ำเสียงยังไม่รื่นหูอีก” น้ำเสียงยียวนดังขึ้นหลังจากได้มองอย่างทะลุปรุโปร่งไปถึงไหนๆ ตามที่ใจเขาอยากมอง
“ขอประทานโทษค่ะท่าน ที่ดิฉันแสดงกิริยาแบบนั้นออกไป ท่านอย่าได้ถือสาดิฉันเลยนะคะ แล้วตอนนี้ดิฉันก็พร้อมทำงาน เชิญท่านสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาได้เลยค่ะ” น้ำเสียงที่ปรับให้อ่อนลง ทว่ามันก็ยังติดประชดประชันไม่น้อยพูดขึ้น
เอเรสยิ้มมุมปากชอบใจ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มน่ารักของหญิงสาว ถึงแม้มันจะดูฝืนๆ ก็ตาม แต่เขาก็ชอบ และอยากเป็นเจ้าของตัวเธอ
“แล้วที่นี่มีของดีอะไรบ้างล่ะ ช่วยจัดให้ผมหน่อย” มาเฟียหนุ่มย้ำคำว่า ‘ของดี’ พร้อมดวงตาคมส่อประกายแพรวพราวเสียจนน่าควักออกมาสับให้เละ
“ได้ค่ะ ดิฉันจะจัดของดีมาให้ท่าน โปรดรอสักครู่นะคะ” ปัญญาวีร์ข่มอารมณ์เดือดดาลของตนไว้ในอก เพราะไม่อยากมีเรื่องกับลูกค้า ไม่งั้นเธอคงต้องไปหางานใหม่
“งั้นก็รีบจัดของดีมาให้ผมเร็วๆ” น้ำเสียงติดจะยียวนจากริมฝีปากได้รูปดังตามหลัง เมื่อปัญญาวีร์หมุนตัวหันหลังให้ลูกค้าหนุ่มและกำลังก้าวออกไปจากห้องวีไอพี
เอเรสมองตามจนหญิงสาวลับตาไป จึงหันไปหาสอง บอดี้การ์ดหนุ่มสื่อความหมายทางสายตาให้อีกฝ่ายรับรู้ ดอมและแมค ยิ้มอย่างรู้ใจนายแล้วก็ลุกเดินออกไปจากห้องวีไอพี โดยสั่งให้ลูกน้องสองคนคอยดูแลหน้าห้องของเจ้านายหนุ่ม