บ่ายคล้อยสามสาวนัดเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าดังของย่านนี้ ซึ่งใบพลูได้ขออนุญาตบิดามารดาไปนอนค้างกับเพื่อน คราวนี้กวินได้อนุญาตเนื่องจากว่าลูกสาวของเขาโตและเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ทว่าในเวลานี้ ใบพลูกลับดูไม่มีชีวิตชีวาเลยสักนิด
เธอรู้สึกเหนื่อยและล้าอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไรกับออสติน แต่พอเอาเข้าจริงๆ เธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมต้องคิดมาก หลังจากที่เห็นภาพเหล่านั้น แค่ภาพนิ่งไม่เท่าไหร่ที่สำคัญมันมีวิดีโอด้วยนี่สิ จึงทำให้หญิงสาวมั่นใจว่าออสตินกับมิ้นต์คงมีอะไรที่เกินเลย มากกว่าในภาพที่เธอได้เห็นแน่ๆ
“ใบพลู สรุปแล้วแกจะเลือกอะไรให้เดย์” วาวาเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่เธอกับนัทตี้เลือกของขวัญให้กับเดย์ได้คนละชิ้นแล้ว มีแต่ใบพลูที่ไม่ยอมหยิบชิ้นไหนสักที
“เธอเลือกให้หน่อยสิอะไรก็ได้” หญิงสาวพูดออกมาราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจ กับของขวัญที่จะให้เดย์สักเท่าไหร่ ทั้งที่ชายหนุ่มให้ความสำคัญกับเธอมาโดยตลอด
“แกเป็นอะไรทำไมหน้าตาถึงดูโรยๆ ยังกับคนอดหลับอดนอนมาทั้งคืน ไหวหรือเปล่าใบพลู” นัทตี้เดินเข้าไปถาม พร้อมทั้งโอบไหล่ใบพลูเอาไว้ เมื่อเธอเห็นว่าเพื่อนรักมีใบหน้าที่ดูซีดๆ ดวงตากลมโตดูโรยๆ ไม่มีชีวิตชีวา เหมือนกับคนที่ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน
“อย่าบอกนะว่า แกคิดมากเรื่องออสติน จริงดิ!” วาวาแซวขึ้น พลางส่งสายตาให้กับเพื่อนด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ประหนึ่งว่าใบพลูกำลังเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ไม่มิด
“จะบ้ารึไง ทำไมฉันจะต้องคิดมากเรื่องนายนั่นด้วย เขาจะไปค้างที่ไหนหรือจะเอากับใครก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย พวกแกสองคนก็รู้ว่าฉันไม่ชอบขี้หน้านายออสตินมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ใบพลูพูดออกมาซะยืดยาว จนวาวากับนัทตี้รู้สึกเหนื่อยใจ เมื่อเพื่อนรักของเธอกับออสตินปากไม่ตรงกับใจ
“แกสองคนคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวมา” นัทตี้พูดจบ เธอก็รีบเดินเข้าไปในร้านนาฬิกายี่ห้อดัง ปล่อยให้วาวากับใบพลูยืนคุยกันรออยู่ด้านนอก
“ใบพลู ฉันขอพูดในฐานะที่เป็นเพื่อนกับแกมานาน ฉันบอกตามตรงเลยนะ แกกับออสตินก็แค่หาเรื่องทะเลาะกันบังหน้า ความจริงแล้วพวกแกสองคนต่างก็แอบมีใจให้กัน ทำไมไม่ตกลงปลงใจคบกันสักที”
วาวาเห็นว่าทั้งคู่เรียนจบแล้ว ก็น่าจะลองคบกันดู เพราะเธอเชื่อสายตาตัวเอง ยังไงก็มองคนทั้งสองไม่ผิดแน่ ต่างคนต่างก็แอบมีใจให้กัน แต่คำว่าทิฐิยังคงค้ำคอให้สองคนกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมาอย่างไม่มีเหตุผล
“ฉันเนี่ยนะมีใจให้นายนั่น เธอเอาอะไรมาพูด ฉันจะบอกให้นะวาวา ต่อให้โลกใบนี้มีผู้ชายคนเดียว ฉันก็ไม่มีทางเอานายนั่นมาทำพันธุ์หรอกนะจะบอกให้” ใบพลูถึงกับขึ้นเสียง เมื่อเธอไม่มีทางยอมรับว่าชอบออสตินเด็ดขาด
“คุยอะไรกันเสียงดังจัง พวกเราไปนั่งพักแล้วหาอะไรเย็นๆ ดื่มกันดีกว่า ไปกันเถอะ เอานี่ของขวัญที่แกให้ฉันหาให้ เป็นนาฬิกาผู้ชาย เดย์คงชอบมาก เพราะว่าแกเป็นคนซื้อให้” นัทตี้พูดพลางยัดถุงกระดาษ ซึ่งมีห่อของขวัญให้กับใบพลู ก่อนจะจูงแขนเพื่อนเดินตรงไปยังร้านกาแฟ ที่จัดมุมเอาไว้ได้อย่างน่ารัก และเป็นส่วนตัวค่อนข้างชัดเจน มีอาณาเขตที่รองรับลูกค้าสำหรับคุยธุรกิจอีกด้วย
“พวกแกสองคนเอาไรอ่ะ ชาเขียวป่ะ” วาวาเอ่ยหันไปเอ่ยถามเพื่อนทั้งสอง เมื่อพนักงานหนุ่มหล่อกำลังยืนรอรับออเดอร์ของสามสาว
“อืม...” เมื่อตกลงกันได้แล้ว วาวาจึงจัดการสั่งเมนูที่เธอต้องการ หลังจากที่เดินชอปปิงมาเป็นชั่วโมงก็เริ่มรู้สึกล้า ในตอนที่หยุดพักนี่เอง เพราะการชอปปิงกับสาวๆ เป็นของคู่กัน ต่อให้ชอปปิงทั้งวันพวกหล่อนก็คงไม่หวั่นใดๆ ถ้าหากมีวงเงินไม่จำกัด ก็พร้อมจะจัดให้กระจาย
“ว่าแต่เมื่อคืนพวกแกสองคน คิดว่า... ออสตินกับยัยคุณหนูมิ้นต์อะไรนั่น ไปถึงไหนกันแล้ว” วาวาเริ่มเปิดประเด็น จนนัทตี้สะกิดเอาไว้ไม่ทัน แต่ก็ดีเหมือนกัน ปากแข็งด้วยกันทั้งคู่จะได้รู้ใจตัวเองเสียที
“ถ้าให้ฉันเดา พวกเขาต้องกลับด้วยกันแน่ๆ มีเหรอที่ยัยคุณหนูนั่น จะปล่อยให้ออสตินหลุดมือไปได้ มองตาเดียวก็รู้ว่าหล่อนจ้องจะเขมือบออสตินมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว” นัทตี้ยังคงพูดเสริมให้ใบพลูได้คิดตาม แต่เพื่อนๆ จะรู้ไหมว่าเธอไม่ได้นอนเลย เมื่อภาพของออสตินกับมิ้นต์ตามมาหลอกหลอนทั้งกลางวันและกลางคืน
“ใบพลูแกว่าพวกเขาสองคน จะมีโอกาสพัฒนาไปเป็นแฟนกันหรือเปล่า” คำถามของวาวาเป็นเหมือนหอกหนาม เมื่อหญิงสาวรู้สึกว่าถ้อยคำเหล่านั้นกำลังกรีดลงมาที่กลางหัวใจของเธอ เมื่อภาพล่าสุดที่เดย์ส่งมาให้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาสองคนไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว
“ถามฉันทำไม นายนั่นจะคว้าเอาผู้หญิงคนไหนมาทำแฟน หรือจะไปนอนกับใครก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย” ใบพลูพูดพลางหยิบแก้วน้ำขึ้นมา ก่อจะค่อยดูดน้ำชาเขียวจากหลอด หลังจากที่พนักงานเข้ามาเสิร์ฟพอดี แต่ท่าทีของเธอยิ่งทำให้เพื่อนทั้งสองหมั่นไส้ ไม่รู้ว่าจะปากแข็งกันไปทำไมกัน
“ก็ดีแล้วแหละ ที่แกคิดได้แบบนั้น เพราะออสตินเองก็คงจะคิดกับแก ในแบบที่แกกำลังคิดกับเขาเหมือนกัน” วาวายังคงพยายามที่จะพูดให้เพื่อนรักเข้าใจ ในความรู้สึกที่ใบพลูกับออสตินมีให้กัน แต่ทว่าหญิงสาวกลับคิดว่าชายหนุ่มเป็นดั่งไฟ ถ้าหากวันใดแมลงเม่าอย่างเธอเผลอบินเข้าไปก็มีแต่จะมอดไหม้ คงสาแก่ใจออสติน ถ้าหากว่าเธอนั้น ตามเกมเขาไม่ทัน เผลอเข้าไปตกหลุมพรางที่ชายหนุ่มวางเอาไว้
“เขาเห็นฉันเป็นแค่หมากในเกม ฉันเองก็เห็นเขาเป็นเพียงแค่คนเห็นแก่ตัว พวกแกสองคนเลิกยุให้ฉันกับเขาดีกันสักที เพราะชาตินี้ทั้งชาติฉันจะมี่วันญาติดีกับนายออสติน!”
หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง แต่ทว่ากลับไม่กล้าสบตาเพื่อนรัก เธอพยายามเบือนหน้าหนี เพื่อให้ความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นนั้นยุติลงโดยเร็ว
ในขณะที่สามสามกำลังสนทนากันอยู่นั้น สายตาของใครบางคนจับจ้องมองมาที่ใบพลู พลางแสยะยิ้มร้ายด้วยแววตาที่ดูไม่เป็นมิตร เมื่อมิ้นต์กำลังคิดแผนการอันร้ายกาจออกมาจากสมองที่ชาญฉลาด แต่ทว่าหล่อนมักใช้ไปในทางที่ผิด เมื่อมันมีแต่สิ่งที่เรียกว่าอิจฉาริษยาเต็มอยู่ในหัวของหล่อน
“อุ้ย! ทำไมโลกกลมจัง ขอนั่งด้วยคนสิ” หล่อนไม่ได้รอให้ใครอนุญาตรีบหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ ใบพลู พร้อมแววตาดูร้ายลึก ซึ่งมองยังไงสามสามก็รู้ว่าหล่อนคงไม่ได้มาดี
“พวกเรากำลังจะกลับพอดี มีอะไรหรือเปล่ามิ้นต์” นัทตี้รู้ดีว่าใบพลูรู้สึกอย่างไร แม้ว่าเพื่อนของเธอจะไม่แสดงออก แต่ด้วยความที่คบกันมานานมองตาก็รู้ใจ จึงรีบตัดปัญหาออกไป ด้วยการหลีกเลี่ยงที่จะสนทนากับมิ้นต์
“แหม... ฉันแค่แวะมาทัก ทำไมถึงรีบกลับจัง” หญิงสาวยังคงพยายามที่จะทำให้ใบพลูได้เห็นรอยเขี้ยวที่ซอกคอระหงของหล่อน เพราะในเวลานี้ดูเหมือนว่ามิ้นต์กำลังจงใจ ในการรวบผมที่ปล่อยสยายไปไว้ยังไหล่อีกข้าง เพื่อเผยให้เห็นร่องรอยที่ชายหนุ่มฝากเอาไว้ให้ดูต่างหน้า บริเวณลำคอขาวผ่องเยื้องติ่งหูลงมาเล็กน้อย ซึ่งมีรอยดูดและรอยขบกัดมองแวบเดียวก็รู้ว่าเกิดจากอะไร
“เชี้ย...” วาวาถึงกับอุทานออกมา แต่ก็ไม่ดังมาก พร้อมเอามือป้องปากเอาไว้ด้วยความตกใจ ไม่คิดว่ามิ้นต์จะกล้าเปิดเผยร่องรอยที่แสนน่าอับอาย ให้พวกเธอได้เห็น
“ตกใจอะไรเหรอวาวา หรือว่าวันนี้ฉันดูสวยเป็นพิเศษ เสียดายจัง เมื่อคืนพวกเธอน่าจะอยู่ต่อ ไม่อย่างนั้นออสตินคงไม่รีบชวนฉันกลับห้อง ขอตัวก่อนนะ พอดีว่าคืนนี้นัดออสตินเอาไว้ เราจะไปงานวันเกิดเดย์” มิ้นต์ปรายตามองไปที่ใบพลู พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับเธอ แต่ทว่าดวงตาของหล่อนกลับเต็มไปด้วยเลศนัยที่มองยังไงก็ดูร้ายกาจไม่เบา ก่อนที่หล่อนจะลุกขึ้น เดินนวยนาดออกไปด้วยท่าทางที่มั่นอกมั่นใจ ในชุดเดรสรัดติ้วเสียจนแนบเนื้อเกินงาม
ใบพลูถึงกับขบกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ เพื่อไม่ให้น้ำตาเล็ดออกมา เมื่อเธอรู้สึกเจ็บจนจุกอย่างบอกไม่ถูก ไหนบอกว่าไม่รักไม่สนใจ แล้วทำไมเธอต้องแคร์ในสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินมา ในเมื่อออสตินกับเธอนั้นไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
“ใบพลู แกไหวไหมอ่ะ” วาวาเอ่ยถามเพื่อนรักออกไปด้วยความห่วงใย พลางหันไปสบตานัทตี้ ซึ่งดูแล้วเธอก็แคร์ความรู้สึกของใบพลูไม่แพ้กัน
“พวกแกสองคนทำไมมองฉันแบบนั้น บอกแล้วไง ต่อให้นายนั่นไปเอากับใครก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย เรากลับกันเถอะ” พอพูดจบประโยคหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวดวงตากลมโตปากนิดจมูกหน่อย มองยังไงก็ดูมีเสน่ห์ เธอได้ลุกเดินออกไปจากร้านกาแฟ ผู้ชายหลายคนถึงกับมองตามตามหลัง เพราะใบหน้ารูปไข่ในลุคสาวหวาน ที่มององศาไหนเธอก็ดูน่ารัก จึงทำให้หลายคนอยากเข้าไปทัก แต่เธอกลับเมินผู้ชายทุกคนที่เข้าหาใคร
ทั้งที่ปากบอกกับเพื่อนว่าไม่เป็นไร แต่ทำไมหัวใจของเธอถึงอ่อนแรง เพียงแค่ได้รู้ในสิ่งที่แคลงใจ ทั้งที่พยายามบอกใครๆ ว่าไม่รู้สึกอะไรกับออสติน เพียงแค่นึกภาพชายหนุ่มกับหญิงอื่นบนเตียง น้ำตาที่กลั้นเอาไว้กลับไหลออกมาเป็นทาง ต่อไปนี้เธอคงต้องอยู่ให้ห่างๆ
จากที่เคยพยายามจะเกลียดเขา คราวนี้หญิงสาวคงต้องเกลียดออสตินเข้าให้แล้วจริงๆ เธอปาดน้ำตาออกจากแก้ม ด้วยแววตาที่ดูมุ่งมั่น พร้อมที่จะยอมรับความจริงข้อนั้น เมื่อเขาและเธอเกิดมาเพื่อเป็นเส้นขนานท่ามกลางละติจูดที่ไม่มีทางมาบรรจบกันได้