Lovely shot 7
“กานต์ไปยังไง” พี่ขิมถามเมื่อเรากำลังเก็บของไปยังร้านอาหารที่เลขาคุณกรแจ้งไว้
“วันนี้เอารถมาค่ะ”
“โอเค งั้นเจอกันอยู่ร้านนะ”
“ค่ะพี่” พี่ ๆ ทยอยออกไป ส่วนฉันเองก็เก็บของเสร็จตั้งใจจะออกไปรอที่ร้านแต่เท้าที่กำลังก้าวมีอันต้องชะงักไปเมื่อเลขาคุณกรก้าวมาดักตรงหน้าไว้พร้อมกับส่งรอยยิ้มเอ็นดูมาให้
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้คุณเลขาไป พี่เขารับไหว้พร้อมกับยิ้มให้อยู่ดังเดิม
“คุณกรเชิญคุณกานต์ที่ห้องค่ะ”
“คะ? ทำไมคะ”
“ดิฉันไม่ทราบค่ะ เชิญคุณกานต์ค่ะ”
“ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ค่ะ เรียกน้องแบบนี้ดีกว่า”
“ได้ค่ะน้องกานต์ เดี๋ยวเดินไปพร้อมกันเลยนะคะ” คุณเลขาผายมือเชิญ ฉันจำต้องเดินเจี๋ยมเจี้ยมตามคุณเลขาไป กว่าจะถึงห้องคุณกร ในหัวฉันก็ขบคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งเข้าไปในห้องคุณกรเงยหน้าจากเอกสารขึ้นมองฉันแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าดูเอกสารต่อ
“นั่งรอก่อนครับ พี่ขอดูเอกสารต่ออีกนิด” จะให้รอทำไมล่ะฉันเองก็มีรถไปเองได้
“ดิฉันมีรถค่ะ”
“อย่าพูดทางการกับพี่ แล้วก็นั่งรอ”
“แต่...”
“กานต์ พี่จะทำงานนั่งรอก่อน” ดูเอาเถอะมันใช่ไหมล่ะ จะมาดุแบบนี้ได้ยังไงกัน
เกือบสิบห้านาทีที่ฉันนั่งเฝ้าคุณกรทำงาน ฉันเอาแต่เงียบกระทั่งเขาลุกจากเก้าอี้หยิบกระเป๋าและเสื้อสูทนั่นแหละถึงได้ลุกขึ้นยืนบ้าง
“ไปรถพี่”
“แต่ดิฉันเอารถมาค่ะ”
“พี่บอกว่าไง อย่ามาพูดทางการกับพี่” เขายืนจ้องหน้าฉันเขม็ง ปกติเขาจะดุและไม่พอใจบ่อย ๆ แต่ตอนนี้เขากลับจ้องหน้าฉัน ความไม่พอใจฉายชัดในดวงตาคู่นั้น ฉันจะร้องไห้แล้วนะอย่ามาจ้องฉันแบบนั้น อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ แบบที่เคยมองฉันเมื่อหลายปีก่อน
“นะ หนูเอารถมา” ฉันไม่กล้าสบตาเขาแล้ว
“เดี๋ยวพี่ให้คนขับไปไว้ที่ห้องให้ หนูก็ไปกับพี่” เขารวบรัดคำตอบ ก่อนจะก้าวเข้ามายืนตรงหน้าแบมือขอกุญแจรถ
“งั้นจอดไว้ที่นี่ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเอากลับไปหรอก” ขืนให้คนของเขาไป เขาก็รู้หมดสิว่าฉันพักที่ไหน เดี๋ยวพอทานข้าวเสร็จฉันก็จะให้พี่ ๆ ไปส่งไม่ก็บอกว่ามีนัดกับเพื่อนต่อแค่นี้เขาก็ไม่รู้ที่พักฉันแล้ว อิอิ เก่งมากตัวฉันคิดแผนได้ยังไงเนี่ย
“ได้ เราไปกันเถอะหิวหรือยัง”
“ยังค่ะ” ฉันตอบทั้งยังเดินตามเขาห่าง ๆ ไปจนถึงรถหรูของเขา เขาเปิดประตูรถให้ฉันขึ้นไปนั่ง เมื่อเขาเงียบฉันเองก็เงียบตาม ก็ไม่คิดจะพูดอะไรอยู่แล้วนี่นา ระยะทางจากออฟฟิศไปจนถึงร้านอาหารใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีกว่าจะถึง นับว่าเป็นเรื่องดีที่พี่ ๆ ที่อยู่ในร้านอาหารกำลังสนุกเลยไม่มีใครสนใจการมาถึงของคุณกรและฉัน
“จะนั่งไหน” คุณกรเอ่ยถามเบา ๆ เขายังเดินตามติดฉันอย่างกับวิญญาณ
“ไม่รู้ค่ะ เชิญคุณกรนั่งก่อนเลยค่ะ”
“นั่งด้วยกัน” เขาบอกสั้น ๆ มือก็เอื้อมมาจับมือฉันไว้ ดึงให้ไปนั่งที่เก้าอี้ที่ว่างติดกันสองตัว ยังดีที่ได้นั่งใกล้พี่ ๆ ในแผนก พี่ปองหันมายักคิ้วให้กวน ๆ ก่อนจะเริ่มเทเครื่องดื่มมาให้ และแน่นอนค่ะว่าไม่ใช่น้ำเปล่าหรือน้ำอัดลม ฉันรับแก้วเบียร์มาก่อนจะมองด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ปกติไปดื่มหรือดื่มกับพี่ ๆ ก็ไม่เคยมีใครมานั่งจ้องฉันแบบนี้นี่นา เขาเองก็ได้เครื่องดื่มนี่ทำไมต้องมาจ้องฉันด้วยล่ะ
“ทานกันเลยครับ ขอบคุณที่ทำงานหนักกันมานานนะครับ” คุณกรกล่าวเปิดและให้ทุกคนทานอาหาร ฉันแอบขยับเก้าอี้ให้ออกห่างจากเขาเอียงไปทางพี่ปอง พี่ชายที่น่ารักอย่างพี่ปองมองอย่างสงสัยก่อนจะมองเลยไหล่ฉันไปแล้วทำหน้าตกใจยกเท้ายันเก้าอี้ฉันให้ไถลกลับไปอยู่จุดเดิม หยาบคายกันน้องกับนุ่งที่สุดเลย!
“พี่ปองอา” ฉันเริ่มงอแงเมื่อพี่ชายที่เป็นที่พึ่งเดียวปฏิเสธการช่วยเหลือ
“งานนี้ช่วยไม่ได้น้องรัก” พี่ปองขำ
“นั่งดี ๆ แล้วทานข้าว” เขาสั่งมาแบบนั้นฉันจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากทานข้าว เวลาผ่านไปไม่นานฉันทานข้าวเสร็จก็นั่งดื่มและคุยเล่นกับพี่ ๆ แต่ก็มิวายโดนคนอื่นแซะเรื่องติ่ง ก็คนเดิม ๆ นั่นแหละ คนไม่ชอบฉันก็เยอะนะทั้งที่ฉันเองวัน ๆ อยู่แต่แผนกไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวหรือสุงสิงกับใคร แต่พวกเขาก็เลือกที่จะไม่ชอบฉัน
“นี่น้องกานต์ ไอ้เกาหลีจะมาเตรียมเงินไว้เท่าไหร่จ๊ะ”
“คิกคิก ก็คงต้องเตรียมเยอะหน่อยนะหลงผู้ชายขนาดนั้นน่ะ” สาวสวยของออฟฟิศและกลุ่มเพื่อนเธอไม่ลืมที่จะเอ่ยแซะฉัน ฉันล่ะเบื่อกับคนพวกนี้จริง ๆ นะ พอเงียบก็ได้ใจพูดถากถางเรา พอเราเถียงกลับก็หาว่าไม่มีมารยาท และคนอย่างฉันจะอยู่จุดไหนได้ล่ะ
“ว่าไงจ๊ะ เตรียมไว้เยอะไหม” ยัง ยังไม่หยุด
“นี่ น้องมันจะทำอะไรก็อย่าไปยุ่งกับมันสิ เงินก็เงินมันเธอไม่ได้ช่วยมันหานี่” พี่ซิมบอกคนพวกนั้น แต่มันก็จริงอย่างที่พี่ซิมบอกนะ เงินก็เงินฉัน ฉันทำงานหาเงินเองแล้วคนอื่นจะมายุ่งทำไมล่ะ ความสุขคนเรามันต่างกันนะ บ้าจริง ฉันเริ่มจะหัวร้อนแล้วล่ะ ปกติใจเย็นและทนได้แต่ตอนนี้ดื่มเบียร์ร่างกายมีแอลกอฮอล์ก็ชักจะทนไม่ไหวแล้วล่ะ
“ก็เป็นห่วงไงจ๊ะ กลัวว่าแก่ไปจะไม่มีใครเอา เก็บเงินไว้บ้างก็ดี” ห่วงตัวเองเถอะป้า!! ค่ะ ฉันเก่งแค่ในใจเท่านั้นแหละ
“อ้อ ได้ข่าวจะกดบัตรนี่นา ไวไฟที่ออฟฟิศช้ามากเลยนะ คนอื่นเขาทำงานทำการตัวเองจะเอาไวไฟไปใช้กดบัตรไปหาผู้ชายคงไม่ได้ คิดบ้างนะจ๊ะจุดนี้” ทนไม่ไหวแล้วล่ะแบบนี้น่ะ
“แหมรู้ดีจังเลยนะคะ ไม่ได้ชอบจริง ๆ เหรอคะ รู้กระทั่งวันกดบัตร หรือว่าจริง ๆ แล้วก็ชอบแต่พูดจาดูถูกคนอื่นไว้เยอะเลยต้องแสร้งทำตัวปากจัดกัดคนอื่นไปทั่ว ถามว่าเตรียมเงินไว้เยอะไหมก็น่าจะเยอะกว่าเกินทำศพพวกพี่นั่นแหละ” ฉันจ้องคนพวกนั้นอย่างไม่พอใจ อายุเยอะกว่าแล้วไงทำตัวไม่น่าเคารพฉันก็ไม่อยากเคารพหรอกนะ ที่ทนอยู่ทุกวันนี้เพื่อความสงบในการทำงานแต่เหมือนพวกเขาจะไม่อยากสงบน่ะสิ ถ้าสันติไม่ใช่ทางออกก็บวกแม่งเลยแล้วกัน!!