ตอนที่ 14 ก่อนวันกลับบ้าน
“ซานซาน” ซีหยางเรียกฉันเหมือนมีอะไรจะพูด
“หืม ท่านพี่มีอะไรอย่างนั้นรึ”
“เหตุใดเจ้าตกน้ำ ถึงสูญเสียวรยุทธไปจนหมดสิ้น แบบนี้ข้าว่ามันไม่ถูกต้อง การตกน้ำเพียงครั้งเดียว เหตุใดจึงทำให้เจ้าเปลี่ยนไปเช่นนี้ ราวกับไม่ใช่น้องสาวของข้า” ซีหยางพูดพร้อมกับแสดงสีหน้าสงสัยออกมา
ฉันใบหน้าซีดเผือด ซีหยางสมกับเป็นชายหนุ่มผู้เฉลียวฉลาดจริง ๆ มองเพียงแวบเดียวก็สามารถแยกได้ หากเขารู้ว่าฉันไม่ใช่หลินซานซาน เขาจะเอาผิดฉันไหม -0- เขาจะเอาปลายกระบี่มาจี้ที่คอฉันหรือเปล่า
“ข้าเองก็ไม่รู้ เพียงแต่ตอนตกน้ำไป ศีรษะของข้าไปกระแทกกับบางอย่างเข้า ทำให้ข้าเลอะเลือนกระมัง” ฉันพูดแก้ตัว ขอให้เชื่อทีเถอะ
“อืมม หากเจ้าลืมเรื่องที่ทุกข์ใจไปจนหมดสิ้น เช่นนั้นก็ดี หากเจ้ามีเรื่องทุกข์ใจอันใดอีก ครานั้นเจ้าต้องมาปรึกษาข้า ห้ามตัดสินใจเพียงคนเดียว เข้าใจหรือไม่”
หงึกๆๆ <<<< ฉันพยักหน้า แล้วส่งยิ้มให้ซีหยาง ดีที่ซีหยางไม่ซักไซ้ไต่ถามต่อ
“เจ้ายิ้มได้ เห็นเช่นนั้น ข้าเองก็เบาใจลง” ซีหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พร้อมกับเอามือข้างนึงมายีหัวฉัน
อ๊ากก! ชอบพี่ชายตัวเองผิดไม๊? (ไม่ได้! คนเขียนไม่ให้ชอบ)
แหม ตั้งแต่เกิดมาไอ้คนเขียน ไม่เคยให้ชีวิตของฉันพบเจอมีชายใด ที่ดีกับฉันขนาดนี้ ให้หวั่นไหวนิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้
“เจ้ากลับตำหนักกับข้า” ซีหยางพูด แล้วจูงมือของฉันขึ้นรถม้าไป
“ตำหนัก?” ฉันทวนคำ
“ตำหนักจื่อรุ่ย เจ้าลืมแล้วหรือ ว่าคือชายาของจื่อรุ่ย ข้าจะไปที่นั่นพอดี ไม่ได้พบสหายเสียนาน มาเที่ยวนี้กลับไปเยี่ยมเสียหน่อย”
“ท่านพี่ คือว่าข้าแอบหนีมา ข้าว่าข้ากลับเองดีกว่า” ฉันบอกซีหยางไปตรงๆ
“เจ้าคงไม่ได้หนีมาหาจื้อหงกระมัง ไม่เป็นไรเสียหน่อย จื่อรุ่ยมิได้สนใจใยดีเจ้า เจ้าหายไปคงไม่ทราบกระมัง ข้ารู้ว่าเจ้าปักใจรักกับจื้อหง แต่
จื้อหงแต่งงานกับพี่หญิงของเจ้าแล้ว เจ้าหักใจเสียซานซาน เจ้ากลับกับข้าเถิด เดี๋ยวจะค่ำมืดเสียก่อน วันพรุ่งนี้ เจ้าต้องกลับบ้าน ครบ 7 วันการแต่งงานของเจ้า”
“ข้าไม่ได้เสียใจเรื่องนั้นแล้ว เพียงแต่ข้าต้องการออกมาข้างนอกวังเท่านั้น ข้าอยู่ในตำหนัก ค่อนข้างอึดอัด”
“หากเจ้าต้องการออกมานอกวัง ข้าจะไปขอจื่อรุ่ยให้เจ้า ข้าจะไปรับเจ้าออกมาเที่ยวนอกวังดีหรือไม่ ข้ากลัวว่าเจ้าอยู่แต่ในวังมีแต่จะโศกเศร้า”
“ดีๆๆ ขอบใจท่านมาก ท่านพี่ ข้ารักท่านที่สุดเลย” ฉันพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับกระโดดกอดคอซีหยาง แบบนี้ทางสะดวกเลยสิ จะได้ไม่ต้องหลบซ่อน หนีออกมาแล้ว
“ซานซานเจ้าระวังกิริยาของเจ้าหน่อย เจ้าเป็นพระชายาขององค์ชายสามจะทำเช่นนี้กับชายใดไม่ได้ แม้ข้าจะเป็นพี่ชายของเจ้า เช่นนี้ก็ไม่ควร มันไม่งาม”
O[]O ฉันโดนบ่นยาวเหยียด การเป็นพระชายานี่มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ
“ซานซาน” ซีหยางเรียกฉัน
“หือ มีอะไรงั้นหรือท่านพี่”
“ข้ารู้ ว่าจื่อรุ่ยไร้น้ำใจต่อเจ้า แต่งงานกับเจ้าได้เพียงวันเดียว วันรุ่งขึ้นกลับแต่งสนมเข้ามาในตำหนัก แม้แต่หน้าตาของเจ้า จื่อรุ่ยกลับไม่เคยเห็น จื่อรุ่ยทำกับเจ้าเช่นนี้ เท่ากับหยามเกียรติเจ้า วันนี้แม้เขาจะเป็นสหายของข้า ข้าจะไปคุยกับจื่อรุ่ยให้รู้ความ ให้ดีกับเจ้าหน่อย อย่าได้หลงเชื่อข่าวลือ ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเต๋อยี่”
“ไม่จำเป็นหรอกท่านพี่ เขาทำเช่นนี้ข้านับว่าดี ข้าไม่ได้เสียใจแม้แต่น้อย” ฉันตอบซีหยางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมกับคลี่พัดบุปผามาเคาะที่จมูกเบา ๆ สองครั้ง
“ซานซาน เจ้านำพัดลวดลายอัปลักษณ์มาจากที่....”
~ครืน~ เสียงฟ้าร้องไกลๆ กำลังดังมาใกล้ ๆ รถม้าของฉัน
อ๊ากกกก ! ซีหยางยังไม่ทันพูดจบ แต่โดนฉันตะครุบปิดปากเสียก่อน
“ท่านพี่ท่านอย่าพึ่งพูดสิ่งใด ข้าว่าพัดเล่มนี้งามยิ่งนัก ท่านพี่ว่าเช่นนั้นหรือไม่” ฉันพูดกับซีหยางแต่ยังไม่เอามือที่ปิดปากออก พร้อมกับส่งสายตาเว้าวอน พยักหน้าส่งสัญญาณให้ซีหยางเห็นด้วย
เมื่อซีหยางพยักหน้าเห็นด้วย ฉันจึงเอามือที่ปิดปากของเขาลง แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ท่านเทพ ท่านจะจับตาดูฉันตลอดเวลาเลยรึ !
ณ ตำหนักจื่อรุ่ย
จื่อรุ่ยนั่งหน้านิ่ว คิ้วผูกเป็นปม เขียนบางอย่างลงบนกระดาษเป็นตัวอักษรจีน ในใจได้แต่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่หออวลบุปผา ผู้ใดกันแน่ที่ช่างกล้าลอบทำร้ายองค์ชายอย่างเขา โจรผู้นี้ช่างใจกล้า กล้าล่วงเกินองค์ชายอย่างจื่อรุ่ย สงสัยคงจะเบื่อที่ตัวเองมีชีวิตยืนยาวไป
“องค์ชาย...” เสียงร้อนรนของจินฝานรีบเดินเข้ามาภายในห้องทำงานขององค์ชายจื่อรุ่ย
จื่อรุ่ย เงยหน้าขึ้นมามองจินฝานด้วยแววตาที่เรียบนิ่ง จื่อรุ่ยวางพู่กันที่ถืออยู่ในมือ เพื่อจะฟังเรื่องที่องครักษ์อย่างจินฝานนำข่าวมาแจ้ง
“องค์ชายข้าได้ไปตามหาบุรุษผู้นั้นแต่กลับไม่พบร่องเลยอันใดเลยขอรับ ” จินฝานพูดขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของจื่อรุ่ย ที่รอฟังข่าว
“เพราะเหตุใด” จื่อรุ่ยถามจินฝานออกไป เพราะจินฝานเป็นองครักษ์ที่ไม่เคยทำงานผิดพลาด หากเป็นเช่นนี้ โจรที่ลอบทำร้ายองค์ชายคงจะมากฝีมือไม่น้อย
“ข้าเห็นบุรุษผู้นั้นวิ่งเข้าไปยังร้านขายอาภรณ์สตรี เมื่อข้าได้เข้าไปตรวจค้นกลับไม่พบสิ่งใด พบเพียงแค่สตรีที่กำลังลองชุดอยู่ขอรับ สตรีที่ข้าพบเห็นมีดวงตาคล้ายเจ้าของหออวลบุปผาอยู่ขอรับ” จินฝานเร่งอธิบาย
“สืบต่อไป รวมไปถึงเจ้าของหออวลบุปผานั่นด้วย ที่ข้าไปหออวลบุปผาครานี้ มีเรื่องแปลกใจอยู่บ้าง”
“ขอรับ”
จินฝานรับคำ พร้อมกับยกมือขึ้นประสานกัน แล้วโค้งตัวเล็กน้อยให้องค์ชายจื่อรุ่ย
“ช้าก่อน จินฝาน” จื่อรุ่ยเรียกจินฝานเมื่อจินฝานกำลังจะถอยหลังออกไป
จินฝานชะงักฝีเท้า แล้วเดินมารับคำสั่งจากองค์ชายจื่อรุ่ย “ขอรับ”
“เจ้าสืบหาโจรอย่างลับ ๆ หากกระทำการเป็นการใหญ่จะทำให้ชาวเมืองตื่นตระหนกเจ้าห้ามสร้างความหวาดกลัวให้แก่ชาวเมืองเป็นอันขาด” จื่อรุ่ยกำชับ
“ขอรับ”จินฝานรับคำ
แม้องค์ชายจะดูไร้หัวใจ ไร้น้ำใจ ในเรื่องของความสัมพันธ์กับสตรีนางใด แต่องค์ชายจื่อรุ่ย ยังคงคิดถึงชาวเมืองอยู่ตลอด องค์ชายจื่อรุ่ยทำงานเพื่อประชาชน ไม่เคยหยุดพัก ทำให้องค์ชาย เป็นที่เคารพของชาวเมือง ทุกคนต่างยกยอสรรเสริญองค์ชาย แถมพระองค์ยังช่วยชาวเมืองที่ยากไร้ตามเมืองต่าง ๆ อีกด้วย
องค์ชายรักและเคารพครอบครัว สำคัญเป็นอันดับหนึ่ง เว้นเสียแต่เรื่องสตรี เนื่องจากองค์ชายเป็นลูกที่เกิดจากนางสนม มีข่าวลือในวังอย่างลับ ๆ ว่า มารดาขององค์ชายมีชายที่ปักใจรัก อยู่นอกวัง แต่ตระกูลของนางกลับส่งนางมาเพื่อคัดเลือกให้เป็นนางสนม
ฮ่องเต้เห็นนางก็ต้องตานางตั้งแต่แรกพบ ฮ่องเต้จึงคัดเลือกนางเข้ามาเป็นสนมในวัง เวลาผ่านไป มารดาขององค์ชายก็ได้ตั้งท้อง แต่
สีหน้าของนางกลับไม่มีความสุขเอาเสียเลย
เมื่อถึงเวลาใกล้คลอด นางกลับคลอดก่อนกำหนด ทั้ง ๆ ที่ ร่างกายแข็งแรงดี และเกิดข่าวลือภายในวังว่าลูกของนางไม่ใช่ลูกของฮ่องเต้
มารดาขององค์ชายรู้สึกละอายใจต่อลูกชาย ได้แต่โศกเศร้าเสียใจอยู่ทุกวัน และจื่อรุ่ยเอง กลับไม่ได้รับความรักจากมารดาของตนเลย แม้แต่น้อย มีแต่ฮ่องเต้กับพี่ชายที่ดีต่อเขาตลอดมา
องค์ชายคิดว่ามารดาไม่รักเขา และชีวิตของมารดา คล้ายกับหลินซานซานที่ได้แต่งงานเป็นพระชายาของเขาในตอนนี้ จึงทำให้เขาไร้น้ำใจกับหลินซานซาน ไม่เพียงแต่ไร้น้ำใจ กลับหยามเกียรติของนางโดยการแต่งงานรับสนมอย่างซู่จินเข้ามาอยู่ในตำหนัก
การแต่งงานกับซู่จิน ไม่ได้มีสัมพันธ์รักอันใด เพียงแต่บิดาของนางเป็นแม่ทัพหน้า ในสนามรบที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์ชาย และก่อนบิดาของนางจะตายในสนามรบ บิดาของซู่จินได้ฝากฝังนางไว้ให้กับองค์ชายจื่อรุ่ย ให้รับนางเข้ามาในวัง และดูแลนางแทนท่านแม่ทัพ นั่นทำให้องค์ชายจื่อรุ่ยต้องตัดสินใจแต่งงานรับนางเข้ามาอยู่ในตำหนัก