ตอนที่ 1 หญิงสาวผู้อาภัพ

934 คำ
ตอนที่ 1 หญิงสาวผู้อาภัพ ฉันชื่อหลินหลิน ที่ผ่านมาใช้ชีวิตอย่างลำบากตรากตรำ ไม่มีครอบครัวหรือญาติที่ไหนให้พึ่งพิง เพราะว่าฉันเป็นเด็กกำพร้า หลังๆ มากำแหง ปลีกตัวออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มาประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง นั่นก็คือ เป็นนักเขียนนิยายอิสระนั่นเอง จนตอนนี้ฉันกลายเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จในด้านการเขียนนิยาย ซะที่ไหน ประสบภัยต่างหาก T^T นิยายที่ฉันแต่งเรื่องแรกในชีวิตกลับดังเป็นพลุแตก จนฉันต้องมานั่งเครียด ยกมือ แทบจะยกเท้า เอามาก่ายหน้าผาก นิยายของฉันดังเปรี้ยงปร้างเพียงชั่วข้ามคืน เมื่อฉันกดจบปุ่มจบให้กับมัน มันดังเพราะว่ามีนักอ่านจำนวนหลายร้อยคนกำลังด่าทอฉันเรื่องตอนจบของนิยาย ฉันนั่งจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กมานานหลายชั่วโมงเพื่อเลื่อนอ่านคอมเม้นท์ของนักอ่าน ที่กำลังพิมพ์ด่าทออย่างสนุก ความคิดเห็นนิรนาม 1 :; นางรอง(หลินซานซาน) น่าสงสาร รักกับพระเอก(หานจื้อหง) มาก่อน กลับให้นางไปนอนกับหานเต๋อยี แล้วนางผิดอะไรถึงให้นางตาย ความคิดเห็นนิรนาม 2 :; โอ้โห ให้ซานซานไปนอนกับเต๋อยี แล้วไปแต่งงานกับ จื่อรุ่ย นิยายอะไรเนี่ย นี่คุณเคยมีความรักหรือเปล่า เขียนแบบนี้ออกมาได้ยังไง ความคิดเห็นนิรนาม 3 :; หลินเย่ถง คู่กับ จื้อหงก็จริง แต่ทำไมถึงให้ ซานซานฆ่าตัวตาย เป็นนิยายเรื่องแรกที่อ่านแล้วไม่เข้าใจตรรกะของนักเขียน นางรองไม่มีหัวใจงั้นหรอ “เฮ้อ” ฉันถอนหายใจออกมาแรง ๆ แล้วกรอกตามองบนด้วยความ เบื่อหน่าย นั่งอ่านไปแค่ความคิดเห็นก็รู้สึกท้อละ ไม่อยากจะนึกถึงยอดกดออกจากชั้นหนังสือเลย ปกติแล้วนิยายส่วนใหญ่เขาจะโฟกัสแค่นางเอกและพระเอกไม่ใช่หรอ ทำไมนิยายที่ฉันแต่ง นักอ่านถึงได้โฟกัสที่นางรอง ก่อนที่ฉันจะแต่งนิยายเรื่องนี้ออกมา ตอนนั้นฉันเดินเตะฝุ่นอยู่ข้างถนน ไปสะดุดตาสมุดเล่มหนึ่ง ในนั้นเขียนชื่อบุคคล และชะตาชีวิตของคนในนั้นอย่างชัดเจน ฉันเปิดอ่านดู เนื้อหาในนั้นค่อนข้างน่าสนใจ ไม่เคยได้ยินเรื่องราวหรือเรื่องเล่าจากที่ไหนมาก่อน แถมยังไม่มีชื่อเจ้าของสมุดเล่มนั้นอีก ดังนั้นจึงตัดสินใจเอาชื่อบุคคลที่อยู่ในสมุด เขียนเรื่องราวเป็นนิยาย แล้วฉีกกระดาษออก เขียนพล๊อตใหม่เพื่อไม่ให้ซ้ำกับเรื่องราวเดิม ทุกอย่างเป็นไปได้สวย นิยายที่ฉันแต่งตามพล็อตที่วางไว้ ได้รับการตอบรับที่ดี จนวันนี้เมื่อนิยายจบ สถานการณ์พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้า “นิยายขายไม่ได้แถมยังโดนคอมเม้นท์ถล่มเละ เงินเก็บยังไม่มี ยืมใครก็ไม่ได้” ฉันตัดพ้อออกมาด้วยความอนาถใจ ทำไมชีวิตนี้ถึงรันทดนัก “การจะเป็นนักเขียนนิยายที่มีชื่อเสียงคงหมดหวังแล้วล่ะมั้ง” ฉันพูดพร้อมกับกลืนน้ำลายที่หนืด ๆ ลงคอ แล้วเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำด้านขวามือ ใช้มือข้างนึงจับขวดน้ำให้แน่น อีกมือหนึ่งหมุนฝาขวดน้ำไปทางซ้าย “เปิดไม่ออก” ฉันบ่นแล้วออกแรงให้มากขึ้น เปิดไม่ออกอยู่ดี ชีวิต! แค่เปิดฝาขวดน้ำยังยากเลย ในขณะที่ฉันบิด ๆ หมุน ๆ ฝาขวดน้ำอยู่นั้น จู่ ๆ ฝาขวดน้ำก็กระเด็นหลุดไปที่ไหนของมุมห้องไม่รู้ เพียงชั่วพริบตาน้ำในขวดพุ่งพรวดออกมาหกใส่หน้าจอโน้ตบุ๊กของฉันดับพรึบ ! ซวยแล้ว! อุปกรณ์ทำมาหากินของฉัน ฉันรีบหาผ้ามาเช็ดน้ำที่หกทันที แต่ทว่า โน้ตบุ๊กน่าจะใช้งานไม่ได้แล้ว ไม่มีแม้กระทั่งเสียงหรือสัญญาณอะไรที่บ่งบอกว่ามันยังสามารถใช้งานได้ “โอเคเลย หลินหลิน เธอนี่มันดวงซวย อภิมหาเจ้าพ่อเจ้าแม่ของวงการคนดวงซวยแห่งชาติ หิวน้ำก็ไม่ได้กิน ฝาขวดน้ำเปิดไม่ได้ พอจะเปิดได้น้ำหกหมดขวด แล้วมันเหลือแค่ขวดเดียวอีก เครื่องมือทำมาหากินก็มาพัง เงินตอนนี้เหลือพอแค่ซื้อน้ำเปล่าขวดเดียว เฮ้อ” ฉันบ่นยาวเหยียดอย่างกับเดอะแร็ปเปอร์ "สงสัยวันพรุ่งนี้คงต้องไปหางานทำซะแล้ว อาชีพนักเขียนคงต้องพักไว้แค่นี้ เพราะว่าเงินไม่มีซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย แล้วใช้มือควานหาเอกสารในกระเป๋า ซึ่งเป็นใบจบการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย ฉันหยิบใบวุฒิการศึกษาออกมาดู กวาดสายตามองไปยังเกรดเฉลี่ย “หึ เรียนจบก็ดีเท่าไหร่แล้ว” ที่ห้องมีนักเรียน 40 คน ฉันสอบได้ที่ 35 ถือว่าดีอยู่ที่ไม่ได้อันดับสุดท้าย ไม่ต้องมาว่าฉันเรียนไม่เก่งนะ ทีไอ้คนแต่ง สอบคณิตศาสตร์ได้ 3 เต็ม 10 คะแนน ยังไม่มีใครว่านางเลย ด้วยความที่ฉันหัวทึบนั่นแหละ จึงไม่ได้เรียนต่อมหาลัย เนื่องจากไม่มีเงิน สอบชิงทุนก็ไม่ได้ เป็นเศร้า T^T เอาไว้พรุ่งนี้ฉันลองไปเดินเตะฝุ่น เตะหมาเล่น ๆ แล้วไปหางานดูแล้วกัน นาทีนี้คอจะแห้งตายอยู่แล้ว ฉันต้องเดินไปซื้อน้ำที่ร้านสะดวกซื้อก่อน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม