ตอนที่ 7

1250 คำ
ความแค้นถ้ายังไม่ได้ดับมันก็จะเผาไหม้หัวใจอยู่อย่างนั้นจนอยู่ไม่เป็นสุข ดังนั้นมัทนาที่แค้นเคืองแมทธิวจนล้นอก จึงตัดสินใจเอาคืนชายหนุ่มในวันเดียวกันเลย หล่อนให้ดลกรขับรถมาส่งที่หน้าบริษัทของแมทธิว จากนั้นก็ให้เพื่อนรักไปจอดรถอยู่อีกฝั่งของถนน รอให้หล่อนปฏิบัติภารกิจสำคัญให้เสร็จ จะได้กลับไปฉลองพร้อมกัน เพราะคลุกคลีกับหนุ่มๆ มาเลซาสโซมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้หล่อนจดจำได้หมดว่าใครขับรถคันไหน หล่อนก้าวเข้ามายังบริเวณที่จอดรถสำหรับผู้บริหาร ซึ่งแน่นอนว่าในสถานที่นี้ไม่มีผู้คน เพราะหล่อนรอจนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำจุดนี้ไปห้องน้ำ จึงเล็ดลอดเข้ามา รอยยิ้มพึงพอใจเกลื่อนใบหน้านวล เมื่อเดินมาหยุดที่ข้างรถสปอร์ตหรูคันงามของแมทธิว “บังอาจมาจับจิ๋มฉัน...นายต้องโดนแบบนี้” กระดาษสีขาวในมือที่เตรียมมาถูกยกขึ้นสูง ดวงตากลมโตไล่ไปตามตัวอักษรที่เป็นลายมือของตัวเองด้วยความสะใจ ‘รถคันนี้ควายขับ’ “เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับคนอย่างมัทนา รู้จักฉันน้อยไปแล้ว ไอ้คนฉวยโอกาส” แล้วหล่อนก็เดินวนรอบรถ เพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะจัดการแปะกระดาษแผ่นนี้ลงไป และในที่สุดก็ได้จุดที่พอเหมาะพอเจาะ หล่อนจัดการติดลงไปทันที จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบกันไปมาเล็กน้อย “ขอให้สนุกกับการขับรถนะ นายแมทธิว” หล่อนหัวเราะสะใจ ก่อนจะรีบเดินออกไปจากลานจอดรถ แต่ระหว่างทางก็สวนเข้ากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เดินกลับมาจากทำธุระในห้องน้ำพอดี “มาทำอะไรในนี้ครับคุณผู้หญิง” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่รู้จักหล่อนจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยและไม่ไว้ใจ “เอ่อ...หนูมาหาพ่อน่ะค่ะ พ่อหนูชื่อมนตรี ทำงานอยู่ที่นี่ค่ะ” คิ้วของคู่สนทนาเลิกสูงเล็กน้อย ก่อนจะร้องอ๋อออกมา “อ๋อ คุณมนตรี ผู้จัดการฝ่ายขายใช่ไหมครับ” ความจริงไม่ใช่ แต่หล่อนพยักหน้ารับไปอย่างนั้นแหละ เพื่อที่จะได้รีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด “ใช่ค่ะ คนนั้นแหละ งั้นหนูไปก่อนนะคะ” “ครับๆ โชคดีครับ” มัทนาเป่าปากเบาๆ อย่างโล่งอกเมื่อสามารถออกมาจากบริษัทของแมทธิวได้สำเร็จ “เป็นไงแก สำเร็จไหม” เมื่อขึ้นรถมาได้ ดลกรก็รีบเอ่ยถาม “สำเร็จสิยะ มือระดับนี้แล้ว” มัทนาตอบเพื่อน และรีบคาดเข็มขัดนิรภัย “แล้วแกว่าหมอนั่นจะเห็นก่อนขับออกจากบริษัทไหมอะ ถ้าเห็นก่อน ก็ไม่อายเท่าที่ฉันต้องการน่ะสิ” “แล้วแต่เวรแต่กรรมไงแก” ดลกรพูดและรีบหักพวงมาลัยรถให้ขึ้นมาวิ่งบนถนนอีกครั้ง “ไหงแกพูดแบบนี้ล่ะ ฉันอยากให้หมอนั่นอายจนต้องเอาปี๊บคลุมหัวนะ” “งั้นก็คงเป็นอย่างที่แกต้องการนั่นแหละ นี่ฉันหิวแล้ว ไปชาบูด่วนเลย” ดลกรตัดบทอย่างเบื่อหน่าย และมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารตามเสียงเรียกร้องของกระเพาะอย่างรวดเร็ว “กลับแล้วเหรอครับคุณแมท” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทักทาย เมื่อแมทธิวเดินมาที่ลานจอดรถส่วนตัวในเวลาเกือบห้าโมงเย็น “กลับแล้วครับ” “เดินทางปลอดภัยนะครับ” คนพูดรีบวิ่งมาดึงประตูรถเปิดให้อย่างเอาอกเอาใจ “ขอบคุณครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมซื้อขนมมาฝาก” “โอ๊ย...อย่าลำบากเลยครับ ขนมที่เพิ่งให้ผมไปเมื่อวันก่อนยังไม่หมดเลยครับ ขอบพระคุณมากนะครับ” “ไม่เป็นไรหรอก เอาไปให้ลูกกิน” แมทธิวระบายยิ้ม ก้าวขึ้นรถ และขับออกไปทันที เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองตามท้ายรถของเจ้านายไปด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ “เป็นยามมาค่อนชีวิต ยังไม่เคยเจอเจ้านายที่ไหนใจดี แถมยังไม่ถือเนื้อถือตัวแบบคุณแมทสักคน ขอให้เจริญๆ นะครับ” คนที่ได้รับพรขับรถออกมาตามท้องถนน มุ่งหน้าไปยังสถานบันเทิงเพราะนัดเพื่อนเอาไว้ แต่ระหว่างทางที่จอดติดไฟแดง สายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็จับจ้องมาที่เขา และรถของเขา “ก็รู้นะว่าหล่อมาก แต่ไม่ต้องมองจ้องกันขนาดนี้ก็ได้” ชายหนุ่มพึมพำในลำคออย่างภาคภูมิใจ พลางหลิ่วตาให้กับสาวสวยนางหนึ่งที่พยายามจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ “ให้ผมไปส่งไหมครับคนสวย” เขาลดกระจกแล้วก็ตะโกนออกไป “เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ” เจ้าหล่อนยกมือขึ้นปิดปากแล้วก็หัวเราะออกมาจนตัวโยน เขาเริ่มแปลกใจ เพราะเท่าที่สังเกต คนที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่น่าจะมองเขาด้วยความชื่นชมเสียแล้ว มองแล้วหัวเราะแบบนี้มันเหมือนกับ...กำลังขบขัน “หัวเราะอะไรกันขนาดนั้นวะ นี่หน้าเหมือนแจ๊ส ชวนชื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เขาบ่นอย่างหงุดหงิด แล้วก็มีเด็กขายพวงมาลัยวิ่งเข้ามาหา พร้อมกับเคาะกระจกรถ “พี่สุดหล่อครับ ซื้อพวงมาลัยผมสักพวงสิครับ” ความจริงไม่มีความคิดอยากได้พวงมาลัยดอกไม้สดในตอนนี้เลย แต่ที่ซื้อก็เพราะสงสาร “พี่เอาหมดนั่นแหละ ใส่ถุงมาเลย” แล้วเขาก็หยิบแบงก์พันส่งให้กับเด็กชายตัวมอมแมมที่ยืนข้างรถ “ขอบคุณครับพี่” “ไม่เป็นไร” เขากำลังจะเลื่อนกระจกรถขึ้น แต่เด็กชายขายพวงมาลัยเอ่ยถามขึ้นเสียก่อน “พี่ๆ พี่ชื่อควายเหรอครับ” แมทธิวหน้ายุ่งทันควัน “เฮ้ย...ไอ้เด็กนี่ ช่วยอุดหนุนแล้วยังจะมาพูดจาไม่ดีอีก เดี๋ยวเอาตังค์คืนเลย” “เปล่านะครับ ผมไม่ได้ว่าพี่ แต่ผมเห็น...” “อะไร” “มีคนแปะกระดาษไว้ที่รถพี่น่ะครับ นั่นน่ะ” เขาหันคอตะแคงมองแล้วก็มองไม่เห็น “กระดาษอะไรเหรอ พี่ไม่เห็นเลย” “งั้นผมแกะให้ดูไหมครับ” “อืม เอามาดูซิ” แล้วเด็กขายพวงมาลัยก็เดินไปดึงกระดาษสีขาวมายื่นให้ตรงหน้า “นี่ไงครับ กระดาษที่ติดอยู่ข้างรถพี่” แมทธิวถอนหายใจเบาๆ อย่างเบื่อหน่าย ขณะหยิบกระดาษที่เด็กขายพวงมาลัยส่งมาให้ “กระดาษอะไร...” เขาพูดได้แค่นั้นก็ช็อกตาตั้ง แล้วก็รู้ทันทีเลยว่าทำไมสายตาของทุกคนถึงได้จ้องมาที่เขาแล้วหัวเราะขบขัน ‘รถคันนี้ควายขับ’ “ใครมันเล่นอะไรพิเรนทร์แบบนี้วะ!” “ผมไม่รู้ครับ” เด็กขายพวงมาลัยตอบ และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี “ขอบใจมากนะไอ้หนู เอานี่...อีกพัน เอาไปกินขนม แล้วก็ฝากกระดาษนี่ไปเผาด้วย” “ครับๆ ได้เลยครับ” เด็กขายพวงมาลัยยิ้มร่าอย่างดีใจ ซึ่งช่างตรงกันข้ามกับคนที่กำลังบังคับรถให้เคลื่อนไปข้างหน้าเหลือเกิน “ยัยเด็กนรก!” ทำไมเขาจะจำลายมือแบบนี้ไม่ได้ ในเมื่อเขาเคยเป็นคนช่วยสอนการบ้านมัทนามาก่อน “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” ทุกพยางค์เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความเดือดดาลสุดขีด กรามแกร่งขบกันแน่นจนขึ้นสันนูน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม