7

1166 คำ
“แต่ต่อไปนี้ฉันจะอยู่บ้าน คงได้กินอาหารที่แกว่ามา” พีรภัทรตั้งใจอย่างนั้น ทุกคนลงความเห็นพ้องกันว่า ฝีมือป้าก้อยอร่อย รสมือไม่มีตก แต่มีคนหนึ่งที่รู้สึกว่า รสมือของป้าก้อยเปลี่ยนไป          “พี่กินแกงส้มฝีมือก้อยหลายครั้งนะ แต่ทำไมวันนี้รสชาติไม่เหมือนเดิม” พัฒนานึกสงสัย          “ไม่เหมือนเดิมยังไงพี่โอ ผมก็ว่าอร่อยนะ อร่อยมากด้วย” พิพัฒน์ถาม “จะว่าไป อาหารวันนี้อร่อยทุกอย่างนะ โดยเฉพาะแกงรัญจวนชามนี้ กินแล้วนึกถึงคุณย่าเลย”          “ใช่ครับ แกงรัญจวนอร่อยมาก ถ้าได้ขึ้นโต๊ะงานเลี้ยงวันครบรอบแปดสิบปีคุณยายก็คงดีนะครับ”          คุณยายที่ว่านี้คือ มารดาของกิ่งแก้วนามว่ากิ่งโพยม นางจะมีอายุครบแปดสิบปีในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ลูกหลานจึงจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้ที่บ้าน โดยเชิญลูกหลานทุกคนไปร่วมงานด้วย ครอบครัวพีรภัทรคือหนึ่งในหลายครอบครัวที่ถูกเชิญไปเช่นทุกปี          “ถ้างั้นให้ป้าก้อยไปทำให้ดีไหม” กนกวรรณเสนอ          “ดีค่ะพี่วรรณ ถ้าได้แกงรัญจวนไปขึ้นโต๊ะด้วย ทุกคนต้องชอบกินกันอร่อยแน่ๆ ค่ะ โดยเฉพาะคุณแม่ ท่านชอบกินแกงรัญจวนเป็นทุนเดิมค่ะ” กิ่งแก้วมีหรือจะปฏิเสธ น้อมกับต่ายที่ยืนคอยรับใช้เจ้านายทำหน้าเลิกลั่ก หวั่นใจว่า หากรู้ว่าอาหารที่ตั้งโต๊ะใครเป็นคนทำ ทุกคนจะสำลอกอาหารออกมาหรือไม่          “ที่คุณพ่อพูดว่า รสชาติไม่เหมือนเดิม มันคือยังไงครับ” ภาษิตถามขึ้น          “พ่อกินฝีมือก้อยมานาน แกงส้มก็กินมาหลายสิบครั้ง จำรสมือก้อยได้ แกงส้มชามนี้อร่อยมาก แต่เหมือนกับว่าไม่ใช่รสมือก้อย” พัฒนาตอบลูกชาย          “คุณพี่น่ะคิดมาก วรรณกินก็ไม่เห็นว่ารสมือก้อยจะเปลี่ยน ถ้าก้อยไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะคะคุณพี่ ถ้าคิดว่าเป็นน้อมกับต่ายล่ะก็ อย่าไปคิดค่ะ ทำขนาดนี้ไม่ได้หรอก ยิ่งแกงรัญจวนด้วยแล้ว ฝีมือก้อยแน่ๆ พูดถึงแกงรัญจวน เรียกก้อยมาคุยเรื่องจะไปทำอาหารวันงานดีกว่า” กนกวรรณหันมาทางสาวใช้ “น้อม แกไปเรียกก้อยมาที่นี่ทีสิ” กนกวรรณสั่งน้อมที่ยังคงยืนนิ่ง “น้อม ฉันสั่งไม่ได้ยินเหรอ แกใจลอยไปถึงไหนเนี่ย”          “อ๋อค่ะคุณผู้หญิง” น้อมสะดุ้ง “คุณผู้หญิงว่าอะไรนะคะ”          “ฉันบอกให้แกไปตามก้อยมาหาฉัน ทีนี้ได้ยินชัดไหม”          “ค่ะคุณผู้หญิง” น้อมรีบทำตาม ไม่นานนักก้อยก็เดินเข้ามาในห้อง          “คุณผู้หญิงมีอะไรคะ” ป้าก้อยถาม พร้อมกับยืนสูดยาดม          “วันนี้เธอทำกับข้าวอร่อยทุกอย่างเลยนะ ทุกคนชมไม่ขาดปากเลย โดยเฉพาะแกงรัญจวนชามนี้อร่อยสุด เธออยู่กับฉันมานานสามสิบกว่าปี เธอไม่เคยทำให้ฉันกินเลยนะเนี่ย แล้ววันนี้นึกยังไงทำล่ะ” กนกวรรณเอ่ยชม          “วันนี้ก้อยไม่ได้เป็นคนทำอาหารค่ะ พอดีตอนที่จะทำเกิดหน้ามืดแล้วรู้สึกเวียนหัวเลยทำไม่ไหว พยายามฝืนทำแล้วแต่ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ” ป้าก้อยตอบตามจริง ไม่คิดปิดบัง          “แล้วใครทำล่ะ” พัฒนาถาม “อย่าบอกนะว่าน้อมกับต่ายช่วยกันทำแล้วทำโดยดูยูทูป”          “ไม่ใช่ค่ะ คนที่ทำคือคุณหมิวค่ะ อาหารบนโต๊ะทุกอย่างเป็นฝีมือเธอค่ะ รวมทั้งอาหารเช้าทั้งสามวันที่ก้อยไม่สบาย คุณหมิวก็เป็นคนทำ แต่ที่ไม่บอกความจริงเพราะกลัวว่าคุณท่านจะไม่กินค่ะ” เจ้าของบ้านทั้งสี่คนพากันอึ้งและตกใจ รวมทั้งแปลกใจเมื่อรู้ว่า ใครคือแม่ครัวตัวจริงเสียจริง ซึ่งสี่คนพ่อแม่ลูกไม่คิดว่า พรนับพันจะมีฝีมือการทำอาหารที่เยี่ยมยอดขนาดนี้ ทว่าอีกครอบครัวหนึ่งกลับทำหน้าสงสัยว่า คุณหมิวที่ว่านี้คือใคร ครั้นคิดว่าเป็นคนรับใช้ก็ไม่ได้ เนื่องจากป้าก้อยเรียกคำนำหน้าว่าคุณ นั่นหมายความว่า ต้องเป็นเจ้านายคนหนึ่งของบ้านนี้          “ใครกันครับคุณหมิว ชักอยากเห็นหน้าซะแล้วสิ จะได้พูดชมคนทำตรงคน” ดุสิตถาม          “นั่นสิคะพี่วรรณ คุณหมิวนี่คือใครหรือคะ ชื่อไม่คุ้นหูเลย” กิ่งแก้วสงสัยร่วมด้วย พีรภัทรรวบช้อนทันทีที่รู้ว่าใครทำ แม้ว่าข้าวสวยยังเหลืออยู่บ้าง และอยากกินต่อ เขาก็เลือกเมินเฉย ไม่สนใจอาหารรสชาติเยี่ยม กนกวรรณมองหน้าสามีราวกับจะปรึกษาว่า ควรตอบว่าอย่างไร “หมิวเป็นใครจะเล่าให้ฟังหลังกินข้าวก็แล้วกันนะ” สามคนพ่อแม่ลูกหันมองหน้ากัน คำตอบของพัฒนาทำให้รู้สึกได้ว่า ไม่อยากเอ่ยถึงคนชื่อนี้สักเท่าไหร่ “กินกันต่อเถอะ” “ฉันไม่กินแล้วค่ะ กินไม่ลง” กนกวรรณแสดงออกชัดเจน “ผมก็ด้วย” ภาษิตเป็นอีกคนที่เบื่ออาหารขึ้นมาดื้อๆ “ผมขอตัวนะครับ นัดเพื่อนไว้” พีรภัทรชัดเจนที่สุด เพราะเขาเป็นคนแรกที่ไม่อยากกินอาหารต่อ เขาพนมมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสี่คน ก่อนลุกเดินออกจากห้องกินข้าว ป้าก้อย น้อมและต่ายมีความรู้สึกเดียวกันคือ สงสารและเห็นใจพรนับพัน คนบ้านนี้เกลียดชังพรนับพันมาก โดยไม่รู้ว่าความเกลียดชังนั้นมาจากเหตุผลใด เพราะก่อนหน้าที่พรนับพันจะแต่งงานกับพีรภัทร การแสดงออกของเจ้านายบ้านนี้ไม่มากขนาดนี้ ราวกับว่าคนถูกเกลียดมีความชั่วร้าย ความเลวอยู่ในตัวจนไม่อยากนับญาติด้วย อาหารวันนี้ก็เช่นกัน ก่อนหน้ารู้ความจริงยังชมไม่ขาดปาก กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แต่พอรู้ ข้าวสักเม็ดไม่อยากกินต่อ อาหารตรงหน้าคล้ายของบูดของเน่าที่อยากเททิ้ง สามคนรับใช้ช้ำใจแทนพรนับพันเหลือเกิน และยังมีอีกคนหนึ่งที่ยืนช้ำใจหน้าประตูห้องกินข้าว เมื่อนาทีก่อนใบหน้าพรนับพันมีแต่รอยยิ้ม คำชมของทุกคนที่ได้กินอาหารฝีมือเธอ เป็นความสุขอย่างหนึ่งของเธอก็ว่าได้ ทว่านาทีต่อมาความเสียใจอาบไปทุกอณูความรู้สึก คำพูดและการกระทำของครอบครัวพีรภัทรตอกย้ำว่า พวกเขาเกลียดเธอเข้าไส้          พรนับพันเดินหนีความเจ็บปวดทั้งน้ำตา เธอเดินร้องไห้ขึ้นชั้นบนอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัวว่า มีสายตาพิฆาตของพีรภัทรที่เดินออกมาจากห้องกินข้าวมองตนอยู่ หากพรนับพันได้เห็นสายตาสามี ความเสียใจคงปะทุเดือดและมาพร้อมกับความหวาดกลัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม