สองวันต่อมา
หมอชวิณมาถึงโรงพยาบาลในช่วงสายเพื่อเข้างานตามปกติ ร่างสูงโปร่งราวกับนายแบบก้าวเดินทอดน่องอย่างไม่เร่งรีบ มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าข้างของกางเกงสแลกสีดำขณะที่อีกมือถือแก้วกาแฟจากร้านชื่อดังที่เขาต้องแวะซื้อเป็นกิจวัตร ใบหน้าที่หล่อเหลาผิวขาวอย่างคนที่ไม่ค่อยได้ออกแดดสามารถดึงดูดความสนใจจากสาว ๆ ให้หันมามองยามเขาเดินผ่าน
เมื่อหมอหนุ่มเดินผ่านห้องธุรการประจำโรงพยาบาล สายตาคมก็ต้องสะดุดกับหญิงสาวร่างเล็กที่เขาต้องตาเมื่อสองวันก่อน วันนี้เธออยู่ในชุดฟอร์มของร้านอาหารชื่อดังที่เป็นชุดกระโปรงทรงเอความยาวแค่ระดับขาอ่อน หมอหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง สายตาคมไหววูบเมื่อได้มองเรียวขาขาวเนียนน่าสัมผัสของหญิงสาวก่อนที่เขาจะรีบดึงสายตาขึ้นมองหน้าสวยหวานของเธอในวินาทีถัดมาก่อนที่จะมีใครมาเห็นสายตาลามกของเขา
แก้มใสที่ยืนเกาะเคาน์เตอร์ต่อรองกับเจ้าหน้าที่การเงิน ใบหน้าสวยเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ขายาวชะลอความเร็วจนกระทั่งหยุดอยู่ที่มุมเคาน์เตอร์ยาวแล้วเงี่ยหูฟังอย่างสนอกสนใจ
"ให้น้องหนูผ่าตัดก่อนไม่ได้เหรอคะ? หนูสัญญาว่าจะหาเงินมาผ่อนจ่ายแน่นอน แต่ตอนนี้เงินที่หนูมีอยู่ไม่พอ.." แก้มใสยืนกำขอบใบแจ้งค่าใช้จ่ายที่เจ้าหน้าที่การเงินที่เพิ่งส่งให้เธอจนยับยู่ยี่ ดวงตากลมโตมีน้ำสีใสเอ่อคลอ เธอจนปัญญาไม่รู้จะหันไปพึ่งใครได้ ก่อนมาที่โรงพยาบาลนี้เธอตั้งใจจะผ่อนค่ารักษาน้องชายอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าต้องจ่ายค่าผ่าตัดในแต่ละครั้งอย่างน้อยห้าสิบเปอร์เซนต์ทางโรงพยาบาลถึงจะอนุมัติให้มีการผ่าตัดได้
"มันเป็นกฎของโรงพยาบาลนะคะ ถ้ามีเงินมัดจำไม่ถึงครึ่งของค่าผ่าตัดก็ไม่สามารถผ่าตัดได้ พี่ช่วยไม่ได้จริง ๆ นะคะ" เจ้าหน้าที่การเงินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอก็รู้สึกเห็นใจหญิงสาวหน้าหวานตรงหน้าแต่เธอก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้
"แล้วหนูจะทำยังไงดี..." แก้มใสพูดน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำสีใสกลิ้งไหลไปตามแก้มเนียนก่อนจะตกลงไปที่แผ่นกระดาษที่เธอถืออยู่
"ถ้าหากคุณต้องการความช่วยเหลือ หมออาจมีวิธีช่วยคุณได้นะครับ" หมอชวิณที่ยืนฟังการสนทนามาสักพักเอ่ยขึ้นมา เรียกความสนใจให้แก้มใสหันขวับไปยังต้นเสียงทันที
"ชะ..ช่วยหนูเหรอคะ" แก้มใสรีบใช้หลังมือเล็กปาดน้ำตาพอลวก ๆ ร่างเล็กรีบหันหน้ามาเผชิญร่างสูงของผู้ที่แทนตัวเองว่าหมอ และเมื่อเธอขยับเข้ามาใกล้เธอก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อของหมอหนุ่ม เพราะความสูงของเธอนั้นอยู่แค่ระดับอกกว้างแค่นั้นเอง
"สนใจไหมครับ" หมอชวิณเอ่ยขึ้นเสียงทุ้มเรียบน่าฟัง
"สนใจค่ะ" แก้มใสฉีกยิ้มขึ้นอย่างมีความหวัง หมอหนุ่มคนนี้ดูเป็นคนดีคงไม่ได้หลอกเธอให้ดีใจเล่น
"งั้นเราไปคุยกันที่ห้องทำงานหมอดีกว่านะครับ" หมอหนุ่มเสนอแนะให้เปลี่ยนที่คุย เรื่องที่เขาจะเสนอให้เธอนี้ไม่อาจจะให้ใครมาได้ยินได้
"ได้ค่ะ" แก้มใสรีบพยักตอบรับอย่างยินดี ก่อนจะรีบก้าวเดินตามหลังร่างสูงของหมอหนุ่มไปโดยที่เธอไม่สามารถเห็นเลยว่าตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาเขานั้นกำลังกระตุกยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์ คนอย่างหมอชวิณไม่เคยช่วยใครฟรี ๆ ต้องมีของแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อเขาถึงจะพอใจ
************************
หมอชวิณเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับเสี่ยภาคินทร์ย่อมมีนิสัยเจ้าเล่ห์เหมือนกันเป็นธรรมดาไม่งั้นคงคบกันไม่ได้55555
เหตุการณ์ที่ไรท์เขียนขึ้นมานี้เป็นเหตุการณ์สมมตินะคะ แต่งขึ้นเพื่อเป็นอรรถรสในการอ่าน กฎของโรงพยาบาลอาจไม่ได้เป็นดังที่ไรท์เขียนก็ได้ อ่านแล้วโปรดใช้วิจารณญาณและโปรดทำความเข้าใจตรงนี้ด้วยนะคะ?