“ของในตลาดสดส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าทางการเกษตรที่มาจากชาวบ้านผาตะวัน ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร ถั่วหลากสีสัน ผลไม้นานาชนิด ผักปลอดสารพิษ ทุกอย่างที่นี่ล้วนแต่ออร์แกนิคทั้งสิ้น คุณเลือกซื้อได้ตามใจเลย”
ศรัณร่ายยาวให้สาวน้อยฟังระหว่างเดินดูของในตลาดสด ซึ่งอิงครัตก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี โดยการเดินตามอย่างเงียบๆ และระหว่างที่เธอเลือกซื้อของก็จะได้ยินภาษาถิ่นที่ไม่คุ้นหูของพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายดังทักทายนายอำเภอหนุ่มเป็นระยะๆ
จากที่ฟังมาอิงครัตมั่นใจว่าเธอได้ยินมาแล้วไม่ต่ำกว่าสี่ภาษาอย่างแน่นอน เป็นอะไรที่น่าทึ่งมากสำหรับเธอ เพราะตลาดแห่งนี้ไม่มีการสื่อสารด้วยภาษาไทยเลยแม้แต่น้อย แต่ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นเห็นจะเป็นนายอำเภอหนุ่มที่สามารถสื่อสารกับทุกคนได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นเจ้าของภาษา ไม่ว่าใครจะทักอะไรมานายอำเภอก็สามารถโต้ตอบได้อย่างราบรื่นพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับทุกคน และประโยคที่ทำให้สะดุดหูที่สุดเห็นจะเป็นประโยคที่ว่า…
“คุณนายหน่อ-ดะ-จะ-โก้-เว”
เพราะอิงครัตพอจะทราบอยู่คำหนึ่งที่ว่า ‘คุณนาย’ ซึ่งนายอำเภอหนุ่มก็จะคลี่ยิ้มออกมาพลางตอบกลับไปด้วยภาษาเดียวกัน
“อะ-บู-ด่ะ-ยะ”
และมันก็เป็นอยู่แบบนี้กระทั่งมาถึงร้านสุดท้าย หลังจากที่เธอเลือกซื้อข้าวสารเป็นที่เรียบร้อย นายอำเภอหนุ่มก็ทำหน้าที่ชำระเงินอย่างที่เป็นมาตั้งแต่แรก และก็มิวายถูกพ่อค้าทักเป็นภาษาถิ่นอีกตามเคย
“นายอำเภอ นา-เหน่อ-คุณนาย-เก-ระ”
“ต่า-บลึ ครับพาตี่”
ศรัณกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มๆ แล้วก็หันมารับของในมือเธอไปถือไว้เอง เมื่อทนสงสัยต่อไปไม่ไหวอิงครัตก็เลยเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยความอยากรู้
“เขาพูดว่าอะไรเหรอคะ นายอำเภอ”
“เขาบอกว่าคุณนายของผมสวย”
คำตอบเรียบๆ แต่ก็ทำคนฟังถึงกับสะดุดลมหายใจพลางเลิกคิ้วถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เผื่อว่าเธอจะได้ยินผิดไป
“วะ…ว่าไงนะ”
“พวกเขาบอกว่าคุณนาย ของนายอำเภอสวย ผมก็เลยตอบไปว่าขอบคุณ”
ศรัณตอบคำถามของเธออีกครั้ง และครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะกระจ่างกว่าเดิมมาก เล่นเอาแก้มขาวเนียนต้องเปลี่ยนสีกลายเป็นลูกตำลึกสุกอย่างกะทันหันทันที
“ตายจริง! ไม่ใช่นะคะ”
สาวน้อยอุทานออกมาด้วยความตกใจ หันกลับไปโบกไม้โบกมือเพื่ออธิบาย แต่เมื่อเห็นทุกคนส่งยิ้มให้เธอก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่มีทางเข้าใจแน่นๆ เพราะตั้งแต่เธอเดินเข้ามาในตลาดแห่งก็ไม่มีใครใช้ภาษาไทยกลางสื่อสารกันเลยแม้แต่ประโยคเดียว เมื่อเห็นแบบนั้นสาวน้อยก็จำต้องหันกลับมาเขย่าแขนคนข้างๆ พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนขอให้เขาช่วยแปลที
“นายอำเภอช่วยอธิบายให้พวกเขาเข้าใจหน่อยได้ไหมคะว่าฉันไม่ใช่คุณนายของคุณ”
ท่าทางและน้ำเสียงวิงวอนของสาวน้อย ทำให้นายอำเภอหนุ่มอดที่จะระบายยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้ แต่กระนั้นก็ไม่ยอมทำตามที่เธอเรียกร้องแต่อย่างใด
“มาด้วยกันตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ อธิบายไปก็เปล่าประโยชน์ ทางที่ดีคุณควรสร้างไมตรีโดยการยิ้มกว้างๆ ส่งกลับไปน่าจะดีกว่า”
ได้ยินคำตอบหน้าตายพร้อมคำแนะนำของอีกฝ่าย อิงครัตก็อยากจะกระทืบเท้าแรงๆ ด้วยความขัดใจ แต่กระนั้นไม่กล้าพอเพราะตระหนักได้ว่าไม่ได้อยู่กับเขาตามลำพัง สิ่งเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้ก็คือ เม้นริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรงพร้อมสะบัดหน้าก้าวยาวๆ ตรงไปที่รถโดยไม่สนใจรอเขาอีกต่อไป
………………………………….………………
“นี่คุณยังโกรธผมอยู่เหรอ…อิง”
ศรัณเอ่ยถามเมื่อสาวน้อยที่นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซน์นั่งเงียบมาตั้งแต่ตลาด ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังนั่งทิ้งห่างไม่ยอมกอดเอวของเขาไว้เหมือนตอนขาไปอีกด้วย
“รู้ตัวก็ดี”
“ผมบอกแล้วไงว่าอธิบายไปก็เปล่าประโยชน์ เรามากันด้วยกันตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้พูดอะไรไปก็เหมือนเป็นการแก้ตัว”
“แล้วจะปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิดแบบนั้นเหรอคะ”
สาวน้อยย้อนถามด้วยน้ำเสียงสะบัด ทั้งโกรธทั้งเจ็บใจที่เขาไม่คิดจะช่วยเธอ ศรัณเลยต้องละมือซ้ายจากแฮนมอเตอร์ไซค์เพื่อคว้ามือเล็กของคนข้างหลังมาดึงแนบไว้ที่เอวสอบของตัวเอง แต่คนตัวเล็กก็ขัดขืนไม่ยอมให้ความร่วมมือง่ายๆ ทว่าสุดท้ายแล้วแรงอันน้อยนิดของเธอก็สู้เขาไม่ได้เลยต้องปล่อยให้เขากุมมือเธอแนบเอวไว้แบบนั้น
“ไม่เข้าใจผิดหรอก เพราะวันหนึ่งผมจะทำให้ทุกอย่างเป็นจริงเอง”
คราวนี้อิงครัตถึงกับชะงักนิ่งไปทันที เพราะประโยคเรียบๆ นั้นแฝงไปด้วยความนัยอะไรบางอย่างที่ชวนให้คาดเดาไปต่างๆ นาๆ
‘หรือนายอำเภอจะรู้แล้วว่าเราเป็นคู่หมั้นของเขา’
คิดแล้วก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไรเขาออกไป ชายหนุ่มก็หักเลี้ยวมอเตอร์ไซน์เข้าข้างทางจากนั้นก็ดับเครื่องลงจากรถ ทำให้เธอจำต้องเดินตามลงมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“คุณอยากชมทะเลหมอกไหม เช้าๆ แบบนี้ทะเลหมอกกำลังสวย”
จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องพร้อมหันมาถาม ทำให้อิงครัตหูผึ่งไปทันที ใครล่ะจะไม่อยากชมทะเลหมอก นั่นมันเป็นความฝันของเธอตั้งแต่สมัยเด็กๆ เลยนะ การที่เติบโตมาในเมืองกรุงทำให้ไม่ค่อยได้มีโอกาสเที่ยวต่างจังหวัดสักเท่าไหร่ พอไปอยู่เมืองนอกก็เอาแต่เรียนกระทั่งจบกลับมาเมืองไทยแทบจะไม่ได้เที่ยวเลย
สาวน้อยรีบก้าวตามหลังเขาตรงไปยังหน้าผา ก่อนจะหยุดมองดูภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
“สวยจัง” เสียงหวานพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างลืมตัว
อิงครัตเพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกของจริงแบบเต็มสองตาก็วันนี้เอง ด้วยจุดที่เธอยืนอยู่นั้นเป็นยอดดอยสูงทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวเขาที่ปกคลุมด้วยทะเลหมอกจนสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่งดงามเกินคำบรรยาย และเป็นภาพที่ตราตรึงจิตยากที่จะถอดถอนสายตาละออกไปได้
“นายอำเภอโชคดีจังเลยนะคะที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และเห็นภาพสวยๆ แบบนี้ทุกวัน”
สาวน้อยหันมาบอกกับคนข้างๆ ด้วยความรู้สึกอิจฉาอีกฝ่ายในใจลึกๆ แต่แล้วเสียงทุ้มเรียบก็เอ่ยทำลายอารมณ์สุนทรีของเธอให้มลายหายไปในพริบตา
“ก็ไม่เสมอไปหรอก เพราะถ้าเข้าหน้าร้อนเมื่อไหร่ก็จะเห็นแต่หมอกควันจากไฟป่า”
พูดจบก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความรู้สึกหนักอก คิ้วดกขมวดเข้าหากันยุ่งเมื่อพูดถึงหมอกควันในฤดูร้อน บ่งบอกชัดว่าน่าจะเป็นปัญหาใหญ่ของที่นี่ ทำให้สาวน้อยอดที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“ไฟป่าเกิดจากอะไรเหรอคะ นายอำเภอ”
‘ช่างเจรจาแบบนี้แสดงว่าหายโกรธแล้วสินะ’
นายอำเภอหนุ่มคิดพลางลอบยิ้มด้วยความพอใจ ก่อนจะตอบคำถามของเธอ
“ก็มีหลายสาเหตุนะ… ทั้งจากธรรมชาติและฝีมือมนุษย์ แต่หลักๆ ก็มาจากมนุษย์เสียมากกว่า โดยเฉพาะการเผาป่าในช่วงฤดูร้อน”
“คนที่นี่อยู่กับป่า แล้วทำไมต้องเผาที่อยู่ของตัวเองด้วยละคะ”
......................................................................
ได้อะไรจากนิยายตอนนี้บ้าง?
ภาษาลาหู่ / หน่อ=เธอ , ดะจะโกเว=สวยมาก,อะบูดะยะ=ขอบคุณ /
ภาษากะเหรี่ยง(สะกอ หรือ ปาเกอญอ) / นา=เธอ , เกระ=สวยมาก,ต่าบลึ=ขอบคุณ /
เพิ่มเติมให้อีก 2 ภาษานะคะ
ภาษาลีซู / นู=เธอ, อะกึบิว=สวย , อะคือโบะโม๊ะ=ขอบคุณ /
ภาษาไทยใหญ่ / เมา=เธอ,ฮั่งหลี=สวย,ยีหลีหน่ำๆ=ขอบคุณมากๆ /
หมายเหตุ: เนื่องจากภาษาถิ่นบางตัวไม่สามารถสะกดด้วยพยัญชนะไทยได้ อาจจะมีความคลาดเคลื่อนบ้างเล็กน้อยนะคะ
...ใครชอบคำไหนลองคอมเม้นต์มาบอกกันบ้างนะ…