ตอนที่ 1 ลูกมีคู่หมั้น 1
บทที่ 1 ลูกมีคู่หมั้น
“พระพาย ม๊าไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดกับเราแล้ว” ท่าทีหญิงวัยกลางคนยกมือขึ้นมานวดเบาๆ สายตาแห่งความสิ้นหวังแอบมองใบหน้าเรีภายในแสดงความรู้สึกแบบไหนหล่อนย่อมรู้ดี เพราะเลี้ยงลูกมาเองกับมือตั้งยี่สิบสามปี
ถ้าไม่บอกว่าหล่อนไม่สบายมีรึลูกสาวคนนี้จะย่างกายเข้ามาถามไถ่ ความสนิทสนมเป็นห่วงเป็นเริ่มจะสิ้นสุดลงตั้งแต่หล่อนตั้งใจหาผัว เอ้ย! หาแฟนให้ลูก ยอมหมั้นว่าขอบคุณแล้ว แต่ลูกเธอกลับสนใจเรื่องแต่งงาน และไม่สนใจว่าคู่หมั้นตัวเองคือใคร
“ม๊าคงใกล้หัวใจจะวายตายเพราะเรานี้แหละ” ยังมิวายตัดพ้อลูกสาวคนสวย บัดนี้นั่งมองขนมในจานไม่หันมามองคนที่กำลังคร่ำครวญเหมือนจะขาดใจตายจริงๆ
“ทางนั้นเขาก็ไม่อยากจะแต่ง!” ริมฝีปากอวบอิ่มขยับเอ่ยตอบผู้เป็นมารดา เพราะเธอก็รู้คร่าวๆ มาว่าทางฝ่ายนั้นก็ไม่ได้สนใจเรื่องหมั้นเลยสักนิด
มาริน่าก้มหน้าใช้ความคิดอยากจะปลุกพลังฮึกเหิมในใจของลูกสาวแต่ดูเหมือนคนผู้นี้จะไม่ได้สนใจอะไรในว่าที่ลูกเขยของเธอ
ม๊าอยากได้คนนี้โถ่ลูกรักเชื่อม๊าเถอะแล้วหนูจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดคนหนึ่งเลยมาริน่าได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดออกไปแค่นี้ลูกก็หลบหน้าเธอไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ถ้าไม่ให้แม่อรบอกว่าหล่อนป่วยแล้วผู้เป็นบิดาไปดูงานที่ต่างประเทศแม่ลูกสาวคนงามก็คงไม่โผล่หน้ามาง่ายๆ ยิ่งช่วงหลังๆ หล่อนพูดถึงแต่คนคนนั้นลูกสาวยิ่งหนีหายเข้ากลีบเมฆ
“แม่ก็นึกว่าไอ้ลูกสาวตัวเองทั้งสวยทั้งเก่ง หนุ่มๆ ที่ไหนก็ตกหลุมรักสยบแทบเท้า ไม่คิดว่าแค่ผู้ชายคนเดียวลูกสาวเราก็ทำให้เขาสนใจไม่ได้ เห้อ ความงามที่ม๊าให้ไปหนูใช้ไม่เป็นจริงๆ”ใบหน้าสวยคมค่อยๆ หันไปมองหน้ามารดาผู้ให้กำเนิดด้วยท่าทางอึ้งๆ ไม่คิดว่ามารดาจะเอาเรื่องความสวยความงามของลูกผู้หญิงมาใช้กดดันเธอ พูดแบบนี้ตบเข้ามาสักฉาดเธอยังรู้สึกดีกว่าเลย
ใช่ที่ไหนล่ะม๊า ลูกสาวม๊าคนนี้ย่างกรายไปทางไหนถ้ามีผู้ชายหนึ่งในสิบก็ต้องมีสักสิบที่หันมามองเธอ!
“ม๊าพูดแบบนี้ทำร้ายจิตใจหนูมากเลยนะ”
พรพิชชา หรือ ‘พระพาย’ บุตรสาวคนกลางของคุณหญิงมาริน่า ความสวยสะพรั่งที่มารดามอบให้เธอนั้นสะคราญใจหนุ่มๆ อันนี้หลายคนไม่ปฏิเสธ แต่ความหัวดื้อ และปากไว แถมยังมีสไตลคุณหนูแอบเอาแต่ใจตัวเองหน่อยๆนั่นแหละทำให้คุณหญิงมาริน่าปวดหัวอยู่บ่อยครั้ง เธอจบด้านบริหารมา แต่ตอนนี้แยกตัวออกไปทำธุรกิจร้านอาหารกับเพื่อนรักไม่ได้เข้ามาบริหารในส่วนธุรกิจของครอบครัว เรื่องนี้ครอบครัวก็ตามใจ เพราะเด็กจบใหม่ไฟคงแรงจะไปเบรกก็ไม่เข้าท่า
พระพายหมั้นหมายแต่เด็กกับทายาทบริษัทผลิตแปรรูปอาหารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แถมกิจการก็ขยายใหญ่ไปยังหลายๆ ประเทศ แต่เด็กสองคนนี้เคยเจอกันเมื่อหลายสิบปีก่อน จังหวะชีวิตในการพบหน้ากันไม่ค่อยจะเข้ากันเท่าไหร่ คนนั้นกลับมา คนนี้ดันออกจากประเทศไป พอคนนั้นไปคนนี้ดันกลับมา ทำให้ลูกสาวเธอและคนนั้นคลาดกันอยู่เสมอ
“พูดแบบนั้นป้าอรไม่อยากคิดเลยค่ะว่าคุณหนูจะหัวเสียแค่ไหน” ป้าอร แม่นมของคุณหนูพระพายตามใจกันยิ่งกว่าอะไรเอื้อมมือไปแตะแขนคุณหญิงตาฟ้าของบ้านอย่างขอผ่อนปรน
“แม่อรไม่ต้องห่วงไปคนแบบนั้นต้องกระตุ้นเสียหน่อย” คุณหญิงตบมือเหี่ยวย่นที่ข้างแขนอย่างเข้าใจดีเธอแค่พูดกระตุ้นลูกสาว เพราะลูกเขยที่เธออยากได้ต้องคนนี้เท่านั้น แม่ล็อกเป้าแล้ว ลูกสาวไปคว้ามาซะ!
หลังจากปะทะฝีปากกับมารดาพอหอมปากหอมคอร่างสูงเพรียวในชุดกางเกงรัดรูปสีขาวกับเกาะอกสีดำขลับผิวขาวให้เด่นชัดเข้าไปอีกร่างสมส่วนเดินนวยนาดเข้ามาในร้านอาหารที่ตัวเองคุ้นเคยดีร้านอาหารตกแต่งตามยุคสมัยใหม่บรรยากาศในร้านที่น้อยนักจะมีคนใจกล้าบ้าบิ่นลงทุนซื้อที่ดินผืนข้างๆ ทั้งสองฝั่งปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา บรรยากาสในร้านอาหารทั้งเย็นสงบมองไปทางไหนก็สบายหูสบายตาทั้งได้ทำเลที่ดีแต่ก็หมดเงินไปเยอะโชคดีที่มี
วาจานำโชคลาภเธอเลยได้ที่ดินผืนนี้มาด้วยเปอร์เซ็นต์ที่ลดจนนายหน้ายากลาออกเมื่อเจอคนอย่างพระพายลูกคุณนายมาริน่า
“คุณพระพายขนมไทยของเราขายขาดตั้งแต่หัววัน มีลูกค้ามาเหมาไปยกแพงอีกแล้วค่ะ” บริกรสาวในชุดเสิร์ฟเหมือนคนอื่นๆ เดินเข้ามารายงานเจ้านายยิ้มแย้มพร้อมกับผายมือไปยังโซนขนมไทย ซึ้งมันก็หมดเกลี้ยงจริงๆ
“พราวฟ้าคงกำลังเตรียมทำใหม่ งั้นดูแลหน้าร้านดีๆ นะจ๊ะพี่ไปหลังครัวก่อน” บริกรสาวอมยิ้มก่อนจะพยักหน้ายอมรับ เธอได้ยินเป็นประจำเวลามีลูกค้ามาทานอาหารที่ร้าน คนที่พบเจอเจ้านายสาวไม่หนึ่งก็สามที่มักจะพูดว่าเจ้านายเธอหยิ่ง ดูเข้าถึงยาก ทุกครั้งเธออยากจะเดินเข้าไปแก้ต่างให้เจ้านายแต่มันก็เท่านั้น นั้นคือสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาให้คนอื่นได้มองจากภายนอกแล้วก็คิดไปต่างๆ นานา แต่พนักงานคนนี้ตะโกนก้องในใจ มาลองรู้จักเธอจริงๆ แล้วจะรู้ว่าคำว่าหยิ่งนั้นไกลจากเจ้านายเธอมากโข
“อย่าทำหน้าแบบนั้นได้ป่ะ กูมองแล้วขนลุก” นี้คือคำทักทายแรกในเช้าวันถัดมา สองสาวที่อยู่ในชุดนอนมองข่าวหน้าหนึ่งที่ขึ้นรูปสี่เหลี่ยมมีเงาสีดำแล้วมีอักษรงองอกไว้กลางรูป ส่วนคนที่พินิจพิจราณามาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแค่คิดก็ลมแทบจับ จะไม่ให้ตาดำหน้าคล้ำได้ยังไงก็วันนี้ม๊าสั่งให้เธอไปรับ ‘คู่หมั้น’ คนนั้นที่สนามบิน ถ้าไม่ไปมีตัดแม่ลูก คุณหญิงมาริน่าไม่จริงจังอันนั้นเธอรู้ แต่มันก็เป็นอีกอย่างที่เธอควรรับผิดชอบ แถมยังปฏิเสธไม่ได้
“มึงว่าคนที่ไม่เคยรู้จักกัน ไม่ได้รักกัน จะแต่งงานกันได้หรอนี้มันสมัยไหนแล้ว” พรพิชชาหันไปขอความเห็นจากเพื่อนรักสิ่งที่ได้กลับมาคือการยักไหล่ด้วยท่าทีสบายๆ ได้เดือดร้อนทุกข์ใจเหมือนเธอตอนนี้ “อีกอย่างฉันไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีผัวทำไมม๊าไม่เข้าว่าคนสวยไม่จำเป็นต้องมีผัวก็ได้ม่ะ!”
ใบหน้าสวยงอง้ำ เพราะเธอคิดอยากใช้ชีวิตอิสระ สวยๆ เชิดๆ หยิ่งๆ แบบนี้แหละดีแล้ว
พราวฟ้า หรือ ‘พราว’ ช้อนตามองเพื่อนอย่างจริงจัง เธอรู้ว่าเพื่อนคนนี้มีปัญหาอย่างไร เป็นเรื่องที่ไม่เอ่ยขึ้นมาจะดีที่สุด ไม่แปลกใจที่เพื่อนปิดกั้น แต่ในใจลึกๆ ก็อยากให้เพื่อนไปลองดูสักตั้ง ไม่มีใครไม่รู้ว่าคุณหญิงมาริน่ารักลูกสาวคนกลางแค่ไหนไม่มีทางหาผู้ชายไม่ดีให้ลูกสาวเป็นแน่ เธอก็แอบคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะหน้าตาท่าทางเป็นยังไง ทั้งที่เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแต่กลับไม่ค่อยออกงานสังคม ไม่มีรูป มีแต่ความสำเร็จของโปรเจ็คอาหารต่างๆ ออกมาให้ผู้คนได้ยอมรับในความเก่ง ฉลาด แต่ก็แอบมีข่าวลือในวงในว่าหล่อแตกแตนมาก
“บ่นทำไม ไปแต่งตัวสวยๆ ต้อนรับการกลับมาของคู่หมั้นแกเถอะ” พรพิชชาหน้ามุ่ยกว่าเดิม ใช่! เธอบ่นแทบตายสุดท้ายก็ต้องทำตามคำสั่งมารดา เอาเถอะแค่ไปแอบมองห่างๆ และอีกอย่างเธอไม่ได้ผิดสัญญาเธอก็ไม่รับเขาแบบไกลๆ ไงล่ะ ฮึ!
“ฝากดูแลร้านด้วย ฉันจะรีบไปรีบเผ่น!” พราวฟ้าคิ้วกระตุกเพราะเป็นเพื่อนกันมาหลายปี เรื่องแค่มีหรอจะไม่รู้ว่าเพื่อนคิดจะทำอะไร
“ระวังด้วยล่ะ” สายตากรุ้มกริ่มที่เพื่อนมองประสานมาทำให้คนที่คิดแผนการดีๆ ออกต้องหยุดคิดเรื่องราวแล้วหันมองเพื่อนอย่างจริงจัง มีอะไรให้ระวังงั้นหรอ หรือเขาไม่ได้แค่ชอบชำแหละปลา ชอบชำแหละคนด้วยงั้นหรอ
“เขาน่ากลัวหรอ?”
“เปล่า ระวังหัวใจตัวเองไว้ให้ดีล่ะเพื่อนรัก ฉันได้ยินจากวงในว่าคนนี้หล่อแบบตะโกนเวอร์วัง!”
“ฉันไม่บ้าคนหล่อแกก็รู้”