"พ่อเลี้ยงปักษ์" พริมพิจิกาเผลอเรียกชื่อปักษ์ออกไปเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า ภูผารู้สึกแปลกใจที่ลูกพี่ลูกน้องของตนดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่ม
"คุณแม่ให้มารับเธอไปทานมื้อเย็นที่ไร่ ไม่ใช่เพราะว่าฉันอยากมาหรอกนะ" น้ำเสียงเย็นชาของพ่อเลี้ยงปักษ์ทำให้พริมพิจิกากรอกตาไปมาและหันมาหาภูผา
"พี่ไม่รู้ว่าพริมรู้จักกับพ่อเลี้ยงมาก่อน"
"อ๋อ...คือว่า...พี่ผาไปรับแขกให้คุณพ่อเถอะค่ะ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะคะ" หญิงสาวพูดเท่านั้นก็รีบเดินตรงไปหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กของตนเองที่บริเวณล็อบบี้ เธอพูดคุยกับพนักงานของตนเองเล็กน้อยและเดินกลับมาหาปักษ์โดยชายหนุ่มหมุนตัวเดินนำหน้าออกไปยังรถยนต์ซึ่งจอดอยู่บริเวณหน้าโรงแรม
ร่างสูงกำยำเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับโดยไม่สนใจพริมพิจิกาเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ปักษ์ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย มือเรียวเอื้อมไปเปิดประตูและก้าวเข้าไปนั่งในรถด้วยสีหน้าบึ้งตึง
"ชีวิตมันจำเป็นต้องเสแสร้งขนาดนี้เลยหรอ?" พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบในขณะที่ขับรถออกจากบริเวณโรงแรมโดยไม่หันมามองคนข้างกายเลยแม้แต่น้อย
"เสแสร้งเรื่องอะไรคะ?" ใบหน้าสวยคมหันขวับไปถามเจ้าของคำพูดแสนดูหมิ่นดูแคลนเมื่อครู่
"เป็นถึงลูกสาวเจ้าของโรงแรมแต่ว่าแต่งตัวเป็นพนักงานโรงแรมแบบนี้ มาจับผิดพนักงานว่างั้น?"
"ดูท่าทางคุณจะอคติกับผู้หญิงทุกคนเลยนะคะ"
"หึ! ฉันพูดความจริงหน่อยก็ทำเป็นรับไม่ได้หาว่าฉันอคติ"
"สิ่งที่คุณดูแคลนฉันมันไม่เป็นความจริง การที่ฉันแต่งชุดพนักงานโรงแรมก็เพราะฉันให้เกียรติสถานที่และแขกของโรงแรม ฉันทำงานในฐานะพนักงานคนหนึ่งที่รับเงินเดือนจากทางโรงแรมและก็ในฐานะนักศึกษาฝึกงานด้วย ไม่ได้มาจับผิดพนักงานอย่างที่พ่อเลี้ยงกล่าวหา" หญิงสาวอธิบายความเป็นจริงแม้ว่าความจริงแล้วเธอไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายให้คนคิดลบเช่นเขาฟังเลยเสียด้วยซ้ำ
"ใครๆก็พูดให้ตัวเองดูดีได้ทั้งนั้น" พ่อเลี้ยงหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปากและจ้องมองไปยังหนทางข้างหน้าซึ่งเป็นถนนสายคดเคี้ยวขึ้นไปสู่ไร่ของตนเอง เธอเลือกที่จะไม่โต้เถียงอะไรออกไปเพราะดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ที่จะเถียงกับคนเช่นพ่อเลี้ยงปักษ์
ไร่ปักษา
พริมพิจิกากวาดสายตามองไปรอบบริเวณไร่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาซึ่งมีผลผลิตทางการเกษตรมากมาย หญิงสาวเคยได้ยินผู้คนพูดคุยกันว่าไร่ปักษานั้นเป็นไร่ที่จัดอยู่ในอันดับต้นๆของจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่งได้เห็นกับตาวันนี้ถึงเชื่อว่าไร่สวยงามใหญ่โตอย่างที่ผู้คนเขาพูดถึงจริงๆ
เมื่อขับรถใกล้เข้ามายังบ้านหลังใหญ่ก็เห็นว่าเหล่าคนงานเริ่มทยอยกันกลับเข้าที่พักบ้างก็กลับออกจากไร่ พวกเขาต่างส่งยิ้มทักทายมายังรถของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังหักพวงมาลัยรถจอดริมทาง พ่อเลี้ยงปักษ์เปิดประตูก้าวลงจากรถและเดินตรงไปพูดคุยกับกลุ่มคนงานกลุ่มหนึ่งที่นั่งพักผ่อนกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
"ก็ดูคนงานรักและเคารพดีนี่นา แต่ทำไมชอบทำหน้าขี้เก๊กจังเลย" เธอพึมพำ จากนั้นจึงถือวิสาสะเปิดประตูลงจากรถและเดินเข้าไปหาพ่อเลี้ยงหนุ่ม พริมพิจิกาส่งยิ้มหวานไปยังคนงานอย่างเป็นมิตร
"ทีแรกพวกเราก็คิดว่านายโสด ที่แท้นายก็มีเมียแล้วนี่เอง เมียนายสวยมากเลยนะครับ" บุรุษวัยกลางคนเอ่ยแซวเจ้านายระหว่างที่สายตาทุกคู่จ้องมองมายังคนตัวเล็กเป็นตาเดียว ปักษ์หันขวับมามองหญิงสาวซึ่งยืนอยู่ข้างหลังตนด้วยแววตาดุดัน
"เอ่อ...ไม่ใช่ค่ะ" ใบหน้าสวยคมคลี่ยิ้มพร้อมกับปฏิเสธออกไปเสียงสุภาพ เธอปรายตามองพ่อเลี้ยงหนุ่มเล็กน้อยก็เห็นว่าเขายังคงตีสีหน้าบึ้งตึงและไม่ยอมพูดอะไรออกมา
"ทำงานที่โรงแรมสวยๆในเมืองใช่ก่อเจ้า จำชุดงามๆนี่ได้ หลานสาวข้างบ้านก็เป็นพนักงานที่โรงแรมนี้เหมือนกันเจ้า" คนงานหญิงวัยราวๆสี่สิบปีเอ่ยทักขึ้น
"ใช่ค่ะ จริงๆแล้วแค่ฝึกงานเฉยๆเพราะว่าเรียนยังไม่จบ เหลืออีกหนึ่งเทอมก็จบแล้วค่ะ" ปักษ์รู้เรื่องการเรียนของหญิงสาวจากมารดาของตนเองอยู่แล้ว เขาจึงยืนฟังพริมพิจิกาพูดคุยกับคนงานอย่างเป็นกันเองและไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก เมื่อเห็นหญิงสาวปฏิบัติเช่นนี้ต่อคนงานกลับนึกถึงมาริสสาอดีตภรรยาของตนขึ้นมา หล่อนมีลักษณะนิสัยที่แสดงออกกับคนงานแตกต่างกันกับที่พริมพิจิกาโดยสิ้นเชิง
"ใกล้จะหกโมงแล้วเดี๋ยวคุณแม่รอ" ปักษ์พูดเท่านั้นก็หมุนตัวเดินตรงไปขึ้นรถทันที หญิงสาวส่งยิ้มให้คนงานแล้วจึงรีบเดินกลับไปขึ้นรถทันที
"อยากเสนอตัวให้ชาวบ้านเขารู้นักหรือไงว่าเป็นว่าที่เมียฉัน?" พ่อเลี้ยงหนุ่มถามเสียงเรียบ
"คุณพูดเรื่องอะไรของคุณคะ ฉันก็เห็นคุณยืนคุยกับคนงานก็เลยอยากลงไปทักทายก็แค่นั้นเอง อีกอย่างคุณนั่นแหละที่ไม่ปฏิเสธสักคำที่เขากล่าวหาว่าฉันเป็นเมียคุณ" หญิงสาวพูดเท่านั้นก็ทำทีเมินหน้าหนีออกไปทางกระจกรถ
"ก็เพราะฉันไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเองไง ปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่เมียวันนี้ แต่อีกไม่นานเธอเป็นเมียฉันอยู่ดี" คำพูดของพ่อเลี้ยงหนุ่มทำให้ใบหน้าสวยคมหันขวับมาจ้องมองเขาด้วยแววตาขุ่นเคือง
"แต่คุณพูดเองไม่ใช่หรอว่ายังไงก็แล้วแต่คุณจะทำให้เราไม่ต้องแต่งงานกัน"
"ใช่! แต่เธอก็ควรรู้อะไรเอาไว้อย่างหนึ่ง แม่ของฉันคือคนที่ฉันรักและเคารพที่สุดในชีวิต เพราะฉะนั้นเรื่องบางเรื่องฉันก็ปฏิเสธแม่ไม่ได้ เหมือนกับที่เธอปฏิเสธครอบครัวของเธอไม่ได้นั่นแหละ"
"อย่ามาพูดให้ฉันใจคอไม่ดีนะ ฉันไม่มีทางแต่งงานกับคุณหรอก" พริมพิจิกาหน้าบึ้งในขณะที่พ่อเลี้ยงหนุ่มขับรถเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านหลังงามที่ถูกตกแต่งด้วยต้นไม้นานาพันธุ์และต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาร่มรื่น บ้านหลังใหญ่ตระการตาถูกสร้างด้วยไม้สักเสียส่วนใหญ่
"ฉันก็จะไม่มีทางแต่งงานกับเธอเหมือนกัน แต่เรื่องที่จะเอาทำเมียเล่นๆหรือเปล่ามันก็คนละเรื่องกัน" ชายหนุ่มกดเสียงต่ำพร้อมกับกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นร่างสูงจึงก้าวลงจากรถไป พริมพิจิกาอ้าปากค้างกับคำพูดแสนร้ายกาจของเขา ร่างเล็กกะทัดรัดเปิดประตูก้าวลงจากรถและเดินตรงเข้าไปหาพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วยสีหน้าโกรธเคือง
"ถอนคำพูดของคุณเดี๋ยวนี้นะ! คุณกำลังพูดจาดูถูกฉันอยู่รู้ตัวหรือเปล่า?"
"หึ! ทำไม หรือเพราะว่าเธอมีผัวอยู่แล้วหรอถึงเป็นเมียฉันไม่ได้?" เขาเลิกคิ้วถามเสียงเรียบ และนั่นทำให้พริมพิจิกาโกรธจนต้องกำมือไว้แน่นอย่างเหลืออดเหลือทน