“เจ้าแฝดล่ะคะ”
“หลับไปตั้งแต่ช่วงหัวค่ำกันแล้วค่ะ วันนี้เล่นกันจนเหนื่อยน่าดูส่วนคุณการันต์งอแงหาแต่คุณค่ะ”
“ตอนนี้การันต์อยู่ไหนคะ”
“เอ่อ...อยู่กับคุณเมฆที่ห้องรับแขกค่ะ” ป้าแม่บ้านวัยกลางคนมีท่าทีแปลกๆ ยามเอ่ยถึงเมฆินทร์ โชติพิสุทธิ์เมธา รองผู้บริหารระดับสูงของเมธากรูปจำกัด
ดารินพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังห้องรับแขกที่ว่าลูกชายคนเล็กของเธออยู่กับสามี... ดารินมีลูกคนแรกตอนอายุสิบแปด ไม่สิ…ลูกสองคนแรกถึงจะถูก เพราะเป็นแฝดชายแถมยังเป็นการพลาดท้องในวัยเรียนกับลูกชายคนใหญ่คนโตสกุลดังอย่าง โชติพิสุทธิ์เมธา เขาไม่ใช่ใครที่ไหนคู่หมั้นคู่หมายที่พ่อแม่ของเราตั้งใจจะปรองดองกันอยู่แล้วเพียงแค่ขยับเวลาให้เร็วขึ้นหน่อยเท่านั้นเอง
สำหรับดารินเหมือนตกนรกทั้งเป็น ชีวิตวัยรุ่นที่ควรจะมีหายไปในชั่วพริบตาเซ็กซ์ไร้ความรักเจือปนมีเพียงความลุ่มหลงขับเคลื่อนหนุ่มสาวต่างฝ่ายต่างไม่ได้ป้องกัน เพราะเด็กเกินกว่าจะมานั่งคิดถึงผลที่จะตามมา
สองเดือนจากนั้นดารินพบว่าตนเองท้องกลัวแทบแย่ว่าจะถูกบิดาขับไล่ แต่พอรู้ว่าพ่อของเด็กเป็นใครเรื่องราวกลับตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังมือ การใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนในช่วงวัยรุ่นไม่ได้ราบรื่นเหมือนละครหลังข่าว มีฐานะแล้วยังไง รวยล้นฟ้าแล้วยังไง สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ตัวการันตีความสุข
ส่วนเธอน่ะเหรอ เพราะถูกสอนให้เป็นช้างเท้าหลังมาแต่ไหนแต่ไรชีวิตวนลูบต้องยอม ต้องฟัง ต้องสนับสนุนสามีไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม ดังนั้นหลังจากเรียนจบดารินเลี้ยงลูกอย่างเต็มตัว ร่างกาย และวิญญาณถวายแด่ลูกชายทั้งสอง กระทั่งเธอค้นพบว่าพวกเขานั้นไม่ใช่ข้อผิดพลาดในชีวิตหากแต่เป็นของขวัญแสนล้ำค่าที่สวรรค์ส่งมาให้ ฉะนั้นช่วงเวลาเลวร้ายมักผ่านไปได้เพราะมีลูกเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
กระทั่งเจ้าฝาแฝดอายุได้สี่ขวบ ดารินท้องลูกชายคนที่สามนั่นก็คือเด็กชายการันต์ ปัจจุบันการันต์อายุสามขวบแล้ว และตอนนี้เจ้าตัวเล็กของเธอกำลังนั่งม้าโยกที่ทำจากท่อนขาแข็งแรงของผู้เป็นสามี
กลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยพัดผ่านปลายจมูกโด่งพอเอี้ยวคอมองก็เห็นภรรยาคนสวยยืนจ้องกันอยู่นานแล้ว
“ไปไหนมา” เสียงเรียบเอ่ยถามพลางอุ้มลูกชายลงจากหน้าขา
ไม่มีคำพูดหวานเหมือนสามีบ้านอื่นมีเพียงสายตาเคลือบแคลงเท่านั้นเป็นเช่นนี้เสมอยามต้องปะหน้ากัน
“สปาค่ะ”
“การันต์ติดเธอลูกร้องหาแต่เธอ”
“แล้ว?” คิ้วเข้มขมวดปมกับอาการไม่รู้ร้อนรู้หนาวของภรรยา
“แล้วอะไรน่ะเหรอ เธอก็ยังทิ้งลูกแล้วไปหาความสุขให้ตัวเองได้ลงคอ”
ดารินหัวเราะเมื่อเขาพูดจบ “ลูกมีพี่เลี้ยงนะคะ”
“...”
เกิดความเงียบท่ามกลางสงครามประสาท คนทั้งสองจ้องหน้ากันนิ่งอย่างไม่มีใครยอมใคร
“แม่ฮะ อุ้มหน่อย” เด็กน้อยไม่รู้ประสาเมื่อเห็นมารดายืนอยู่ตรงหน้าก็ไขว่คว้ามือในอากาศเพื่อหวังให้แม่อุ้ม
เมฆินทร์ยืนขึ้นเต็มความสูงเขาอุ้มร่างเล็กป้อมขึ้นมาแนบอก สายตาอบอุ่นมองลูกชายต่างจากสายตาเย็นชาเมื่อครู่ยามมองเมียเป็นไหนๆ
“ให้พ่อคุยกับแม่เขาก่อนนะครับแล้วเดี๋ยวตื่นมาพรุ่งนี้การันต์ค่อยเล่นกับแม่...ป้าแววอยู่ไหมครับ ช่วยพาการันต์เข้านอนที” ประโยคหลังตะโกนเรียกป้าแม่บ้าน ไม่นานนักร่างท้วมก็เดินเข้ามา
“มาค่ะคนเก่งของป้าแวว”
ป้าแววเดินอุ้มเด็กชายมายังคุณผู้หญิงของบ้าน ดารินหอมแก้มลูกหนึ่งฟอด เธอส่งยิ้มอ่อนโยนก่อนที่จะค่อยๆ หุบลงยามเผชิญหน้ากับสามีอีกครั้ง
ร่างสูงราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรขยับปลายเท้ามายังภรรยาคนสวย เมฆินทร์ตวัดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจดเท้า
ชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีแดงเลือดหมูเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งเป็นพิเศษ เฮอะ… คิ้วหนาเลิกขึ้น มุมปากหยักไม่หนาไม่บางกระตุกยิ้มกึ่งเย้ยหยัน
“แน่ใจเหรอว่าไปสปาจัดเต็มขนาดนี้”
“ค่ะ ขนาดนี้เท่าที่คุณเห็นนั่นแหละ”
พูดจบก็เดินไปยังโซฟาตัวยาวเนื้อกำมะหยี่ สะโพกกลมกลึงน่าฟาดฝ่ามือลงไปสักทีสองทีนั่งลงอย่างเชื่องช้า
“มีธุระอะไรก็ว่ามาค่ะ เหนื่อยจะขึ้นไปนอน” แผ่นหลังบางเอนพิงพนักโซฟาในท่วงท่าผ่อนคลาย เรียวขางามไขว้กันจนเห็นเนื้อขาอ่อนด้านใน เมฆินทร์มองทุกการเคลื่อนไหวด้วยสายตาลุ่มลึก
ลูกสามคนทำอะไรยายคนนี้ไม่ได้จริงๆ
เขาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเธอ มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงก้นลึกกดสายตาลงต่ำมองลงมาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ดารินรู้ดีว่าคืออะไร
“แค่คุยกับเมียตัวเองต้องมีธุระด้วยหรือไง”
“...”
ท่ามกลางความเงียบได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน เมฆินทร์หมุนตัวหย่อนสะโพกนั่งลงข้างภรรยา จากนั้นออกแรงดึงร่างบางเหวี่ยงเธอขึ้นมาให้นั่งคร่อมบนหน้าตักอย่างง่ายดาย
ได้ยินเสียงผ้าขาดดังแควก คิ้วเรียงเส้นสวยขมวดปมก้มมองชุดเดรสราคาหลายแสนก็เห็นว่ามันขาดร่นขึ้นมาถึงบริเวณเนื้อขาอ่อนจดสะโพกเห็นชั้นในลูกไม้สีดำ
แควก...
และขาดมากยิ่งขึ้นด้วยน้ำมือเพียงข้างเดียวของสามีตัวร้าย
“ทำอะไรของคุณ ตัวนี้ฉันซื้อมาแพงนะ”
“ก็เงินฉันทั้งนั้นไม่ใช่หรือไงที่เอาไปถลุงอยู่ทุกวันน่ะ”
ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง เกลียด...เกลียดเวลาที่เขายกประโยคนี้ขึ้นมาพูด
ลมหายใจอุ่นรินรดซอกคอหอมกรุ่น ชายหนุ่มตวัดลิ้นชิมเนื้อต้นคอขาว ขบกัดแรงๆ ยามคนตัวบางดิ้นขลุกขลักไปมา ดิ้นจนสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างภายใต้กางเกงสแล็กแบรนด์ดังผงาดลำตัวขึ้นมาช้าๆ
“ทุเรศ”
“ด่าตอนนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ ก็ไอ้คนทุเรศคนนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำเธอท้องตั้งสามคน หรือจะเอาคนที่สี่อีกสักคนหาคนช่วยใช้ตังค์” เสียงแหบต่ำกระซิบข้างริมหู ดารินกำหมัดแน่นทั้งโกรธทั้งโมโห ไอ้ผัวเฮงซวย กล้าพูดถึงคนที่สี่ได้อย่างหน้าตาเฉยก็ใช่สิ คนอุ้มท้องมันคือเธอนี่!
ฝ่ามือหนาร้อนระอุซุกซนสอดแทรกเข้ามาบริเวณเนื้อผ้าที่ถูกกระชากจนขาดวิ่น บีบขยำแก้มก้นจนคุณแม่ลูกสามกัดปากกลั้นเสียงประหลาดในลำคอ
“ขอโทษด้วยละกันหากต้องพูดตัดฝันคุณตอนนี้คนที่สี่คงเป็นไปได้ยาก...เพราะฉันทำหมันแล้ว”
มือร้อนหยุดการบีบเคล้นกะทันหัน ดวงตาสีเข้มมีความไม่พอใจฉายชัดดันภรรยาออกห่างในระยะที่สามารถมองเห็นใบหน้ากันได้ถนัดตา
“หมายความว่าไงอย่ามาพูดจาล้อเล่นกันแบบนี้ ฉันไม่ชอบ”
“โวยวายทำไม ลูกชายสามคนยังไม่พอใจคุณอีกเหรอ”
“ดาริน...” เสียงเข้มกดดันทั้งมีความโกรธในดวงตาคู่คมอย่างชัดเจน
“จริงหรือเปล่าเรื่องทำหมัน”
“ไม่โกหกคุณหรอกค่ะ ตั้งแต่คลอดการันต์ฉันก็บอกหมอว่าขอทำหมันเลย”
“เวรเอ๊ย เธอทำงี้ได้ไงวะ”
“ก็ไม่อะไรแค่ไม่อยากมี”
เมฆินทร์หัวเราะเสียงต่ำ ใช้สายตาหยามเหยียดจ้องใบหน้าสวย “ทำมาเป็นรังเกียจทั้ง ๆ ที่อุ้มท้องลูกฉันตั้งสามคน หรือว่ามีแผนอยากจะไปจากฉันจนตัวสั่น”
“คุณเมฆ” รอยยิ้มหวานปรากฏเหนือมุมปากเธอจ้องตาเขาและพูดต่อไปว่า “ถึงมีลูกฉันก็ไปจากคุณได้อยู่ดี”
“อ๋อเหรอ ปากดีจังคนสวยลืมไปแล้วหรือเปล่าธรุกิจของพ่อเธออยู่มั่นคงยันทุกวันนี้ได้เพราะใคร ก็ผัวอย่างฉันไม่ใช่หรือไงที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือตลอดน่ะ ทำอะไรหัดคิดให้มันเยอะๆ บ้าง ไม่ใช่เอาแต่แต่งตัวสวยแต่ทำตัวโง่ไร้สมองไปวันๆ”
“นี่! มากเกินไปนะ”
“เฮอะ แล้วฉันพูดผิดตรงไหนมีกินมีใช้ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะผัวหรือไง”
ดารินทนฟังวาจาร้ายกาจไม่ได้อีกต่อไปมันเป็นหน้าที่ผัวอย่างเขาไม่ใช่หรือไงเลี้ยงดูลูกและภรรยา เป็นเสาหลักของครอบครัวแล้วไหนเลยถึงชอบพูดจาทวงบุญคุณกันทุกครั้ง
เธอขยับตัวลุกขึ้นจากหน้าตักแกร่งใช้มือผลักหน้าอกสามีอย่างแรงจนเขาเอนไหวไปด้านหลัง
“ฉันเกลียดคุณ!”
“เออ! ก็ไม่ต่างกันหรอกว่ะไสหัวไปไหนก็ไปเลยไป ฉันเองก็ไม่ได้พิศวาสเธอสักเท่าไรหรอก”
มือบางกำเข้าหากันแน่น เผลอจิกเล็บเข้าเนื้อจนเป็นรอยแดง ทว่าความเจ็บแสบที่ได้รับเทียบไม่ได้กับวาจาร้ายกาจของชายตรงหน้าเลยสักนิดเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาเราทะเลาะกัน เขามักผลักไสไล่ส่งกันเสมอทำเหมือนเธอไม่มีค่า ทำเหมือนเธอไม่มีความรู้สึก
ทำเหมือนว่าเธอไม่ใช่แม่ของลูก...แต่เป็นเพียงผู้หญิงหน้าเงินคนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อไรความสัมพันธ์เฮงซวยนี้มันจะจบลงเสียที...