บทที่ 3
:เวนิส:
ร่างเพรียวในโค้ทสีครีมกำลังยืนมองท่าเรือบัสอย่างเซ็ง ๆ สถานที่แรกที่พะพิงนัดกับป๋าไม่ใช่ที่นี่แน่ ๆ แต่สาเหตุที่เจ้าหล่อนมาโผล่ที่นี่ก็เพราะได้รับโทรศัพท์สายด่วนจากไอเซยาห์หรือที่เขาเรียกว่าอาจารย์นั่นแหละ ไอเซยาห์ให้เปลี่ยนที่หมายให้มาพบที่นี่ จึงทำให้ร่างบางมายืนเซ็งอยู่ตรงนี้
"ไฮที่รัก" ยืนรอไม่นานชายร่างโปร่งที่สูงกว่าเขาประมาณเจ็ดเซนเอ่ยทัก ผมสีบลอนด์ยาวระต้นคอถูกมัดไว้ข้างหลังส่วนใบหน้าเรียวเกลี้ยงเกลาดูเด็กกว่าอายุจริงหลายปีกำลังส่งยิ้มหวานมาให้
"สวัสดีไอ" ร่างเพรียวของพะพิงถูกดึงไปกอด ก่อนที่จะ "เฮ้ ทำไมได้ข้าวของมาเยอะขนาดนี้" ไอเซยาห์พูดเมื่อแอบส่งมือเข้าไปในกระเป๋าเสือโค้ชของพะพิง
"ของพวกอ่อนหัดน่ะไอ พาไปที่พักเถอะง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว" เพราะระหว่างทางที่มาที่นี่พะพิงพบกับพวกนักล้วงกระเป๋าหลายคนเขาเลยได้ของติดไม้ติดมือมามากมาย คนพวกนั้นคิดจะล้วงหล่อนแต่ไม่ได้ระวังตัวเองเลยสักนิดผลก็คือในกระเป๋าโค้ชของตัวที่หล่อนสวมมาจึงมีเครื่องประดับไม่ต่ำกว่าสิบชิ้น
"เจอหน้าก็อ้อนกันเลยนะ ปีนี้ก็ยี่สิบห้าแล้วจะมาอ้อนเหมือนตอนห้าหกขวบได้ไง" รอยยิ้มเอ็นดูแสนอบอุ่นที่มอบให้แก่พะพิงเสมอมาถูกส่งมาให้ก่อนที่มือบางของนักโจรกรรมอันดับหนึ่งในบัญชีดำของตำรวจสากลจะจูงมือของลูกศิษย์ให้เดินตามไป
"ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็อยากอ้อนไอนั่นแหละ" เธอพูดจากใจจริง ตั้งแต่เด็กพะพิงถูกไอเชยาห์เลี้ยงมาซะส่วนใหญ่เพราะบิดาบุญธรรมต้องไปทำงานครั้งละนาน ๆ เธอเลยติดนิสัยขี้อ้อนที่มักจะใช้ประจำมาใช้กับไอเชยาห์
"ปากหวาน" ร่างโปร่งอดไม่ได้ที่จะยีผมนุ่มให้ยุ่งด้วยความหมันเขี้ยว "ไหนลองเล่าเรื่องพ่อหนุ่มคนนั้นให้เราฟังหน่อยสิ"
"ป๋าบอกไอเหรอ" คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินอีกคนถามแบบนั้น "เดี๋ยวนี้ถึงกับขายกันเลยเหรอเนี่ย"
"หึ แล้วถูกใจเขาจริง ๆ ใช่หรือเปล่า" หนุ่มต่างชาติถามอย่างรู้ทันก็นะเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
"ก็จริงนั่นแหละ แต่เขาค่อนข้างอันตราย"
"ยังไง"
"ก็...พิงคิดว่าเขาเหมือนป๋าน่ะ" นั่นคือสิ่งที่พะพิงสัมผัสได้ตลอดหลายอาทิตย์ที่เขาตามสืบเรื่องของแผ่นดิน
"หืม อืม ฮ่า ๆ ก็น่ากลัวจริง ๆ นั่นแหละ" พอไอเซยาห์ลองนึกย้อนกลับไปตอนที่เจออนุรักษ์แรก ๆ ก็แอบขนรุกอยู่เหมือนกัน ก็นะโจรกับตำรวจจะเอาอะไรมาไม่กลัวกันจริงไหม
"ใช่ไหม" ทั้งสองก็คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยจนถึงที่พัก ก่อนจะเดินเข้าที่พักขนาดสามชั้นที่ไอเซยาห์ซื้อทิ้งไว้
"ไปนอนพักก่อนก็ได้เดี๋ยวตื่นมาค่อยออกไปหาอะไรกิน"
"ไม่ ๆ" คนอายุน้อยกว่าส่ายศีรษะจนผมสีบรอนด์ยาวสลวยสะบัดไปมา "พิงอยากกินอาหารฝีมือไอ"
"หึ ก็ได้เดี๋ยวทำไว้ให้"
"ไอจะไปไหน"
"หึ ยังไม่ทันบอกเลยว่าจะไม่อยู่บ้าน" เจ้าของบ้านพูดอย่างขำ ๆ เมื่อเด็กรู้ทันถามดักทาง "ไปรับลูกจ้างน่ะ" ลูกจ้างที่ไอเซยาห์แอบคนแถวนี้จ้างมา
"เดี๋ยวนี้ไอทำงานกับคนแปลกหน้าแล้วเหรอ" ปกตินักโจรกรรมที่ใช้ลายเซ็นว่า Black Rose จะมีผู้ช่วยแค่สองคน และไอจะไม่ทำงานกับใครมั่ว ๆ ด้วย
"ไม่แปลกหรอก ไปนอนซะหนูน้อย"
"หนูอีกแล้ว" เมื่อวันนั้นป๋าก็เรียกเขาแบบนี้ไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นอะไรถึงชอบแกล้งเรียกเขาแบบนี้ทุกที
"ฝันดีเด็กน้อย" เห้อ เอากับเขาสิ พะพิงเลิกสนใจว่าหนุ่มต่างชาติว่าจะพูดอะไรอีกก็ชิงหอมแก้มก่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องพักที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้
"นี่คือลูกจ้างที่ไอพูดถึงเหรอ" หลังจากตื่นนอนพะพิงก็จัดการกับอาหารที่อ้อนให้ไอเซย่าห์ทำให้จนหมด ก็พบว่าเจ้าของบ้านพาลูกจ้างที่เจ้าตัวอ้างว่าจะไปรับเข้ามาในบ้าน พะพิงหรี่ตามองไอ้ลูกจ้างสองคนที่ไอเพิ่งรับมาแล้วคันมืออยากจะโบกศีรษะสักคนละทีสองที
"ใช่ ไม่แปลกหน้าเลยเห็นไหม" คนแอบจ้างว่าอย่างขำ ๆ
"ไหนว่าจะไปมัลดีฟไงล่ะไอ้เก่งไอ้ภัทร" จะไม่ให้อยากโบกหัวพวกมันได้ไงในเมื่อก่อนมาเขาก็ชวนพวกมันสองคนแล้ว แต่กลับบอกว่าจะไปเที่ยวมัลดีฟ แล้วทำไมตอนนี้มาเป็นลูกจ้างของไอเซยาห์ได้ล่ะ
"แหะ เหมือนเจ้จะโกรธเลยว่ะไอ้ภัทร"
"ไม่ผิด ๆ ควันออกหูแล้วนั่น"
"ไม่ต้องแอบกระซิบเสียงดัง" ร่างบางเริ่มรำคาญกับความกวนประสาทของสองลูกน้อง "เดี๋ยวนี้แอบรับงานเองเหรอ" แกล้งทำเสียงดังใส่ด้วยความหมันไส้
"เปล่านะเจ้ ม้าเจ้บอกว่าเจ้ไม่ว่าหรอก" คนที่ถูกเรียกว่าม้าถึงกับคิ้วกระตุกก่อนที่มือบางจะโบกหัวไอ้คนชอบกวนไปคนละหนึ่งที่
"โอ๊ย คุณไอตบซะสมองไหลมารวมกันเลย"
"หึ น้อยไป" พะพิงก็ได้แต่ส่ายหน้าเมื่อคนในทีมดันพูดคำต้องห้ามออกไปเสียได้ "คืนนี้หาข้าวกินกันเองเลยนะ" ว่าจบคนเคืองก็รีบเดินหนีขึ้นไปชั้นสามทันที
"แล้วพิงเกี่ยวอะไรเนี่ยไอ" เมื่อรู้ว่าไอเซยาห์เดินหนีไปแล้วก็หันกลับมาจัดการกับไอ้สองแสบนี่ต่อ "พวกนายนี่นะ"
"โอ๊ย/โอ๊ย เจ้" เสียงโหยหวนดังขึ้นมือถูกนิ้วเรียวบิดใบหูคนละข้างอย่างไร้ปรานี
"โทษฐานที่ทำให้ฉันอดกินอาหารฝีมือไอ"
"เจ้ไปไหน" ร่างบางปรายตามองคนถามก่อนจะไหวไหล่แล้วจึงเปิดประตูเดินออกไป
ร่างบางเดินออกมาจากบ้านพักโดยไม่มีจุดหมายเลยตกลงกับตัวเองว่าจะเดินเล่นแถวนี้สักรอบก่อนจะขึ้นเรือไปหาอะไรกินอีกฝั่งหนึ่ง
สาเหตุที่ไอเซยาห์ให้เขามาเจอที่นี่คงมีงานใหญ่ให้ช่วยทำนั่นแหละ แถมยังหลอกไอ้สองแสบนั่นมาช่วยงานอีก
กริ๊ก!
"ในที่สุดก็เจอตัวจนได้นะยัยโจรตัวแสบ" เสียงทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้นหลังจากที่ข้อมือบางโดนล็อกด้วยกุญแจมือ
"คะ คุณจำคนผิดแล้ว" ทำไมแผ่นดินถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หญิงสาวเก็บสีหน้าตกใจก่อนจะปั้นหน้าใสซื่อใส่ "ไขกุญแจให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
"หึ ผมจำกลิ่นคุณได้" คนตัวโตกว่าเอ่ยเสียงเข้ม เขาจดจำทุกอย่างได้ดีแม้กระทั่งความรู้สึกอับอายตอนเดินไปขอให้พนักงานของโรงแรมโทรเรียกคู่หูให้นำเสื้อผ้ามาให้
"นี่คุณตำรวจเป็นหมาหรือไงฉันไม่เคยรู้จักคุณ" พะพิงพยายามดึงมือที่ถูกล็อกไว้ด้วยกุญแจมือออกแต่นายตำรวจดันล็อกอีกข้างติดไว้กับข้อมือของตัวเอง
"แต่ผมจำทุกสัดส่วนของคุณได้ดีเลยแหละ" ไม่พูดเปล่าเขายังใช้สายตาคมมองเรือนร่างเพรียวแสนเย้ายวนภายใต้โค้ชสีครีมอย่างจาบจ้วง
"คุณอย่ามาพูดมั่ว ๆ เดี๋ยวนี้โรคจิตเขาเปลี่ยนวิธีเข้าหาเหยื่อยแล้วเหรอ" คนถูกกล่าวหาว่าเป็นโจรแกล้งพูดเสียงดัง แต่แถวนี้คนผ่านไปผ่านมาน้อยเกินไปเลยไม่เป็นที่สนใจอย่างที่คิดไว้เท่าไร
"นี่คุณ!"
"ฉันไม่เคยรู้จักคุณ"
"แต่ผมจำคุณได้" จะเอาอะไรมาจำได้ก่อนพะพิงยืนยันเลยว่าร่างสูงเห็นหน้าเขาแค่ครึ่งหน้าแล้วจะมาบอกจำเขาได้อย่างไร
"นี่มุกจีบของคุณหรือเปล่า" รอยยิ้มหวานวาดขึ้นบนใบหน้าสวยก่อนที่นิ้วเรียวจะลูบไปตามแผ่นอกแน่นที่อยู่ภายใต้เสื้อยืดสีพื้น "ไม่ใส่โค้ช ไม่หนาวเหรอครับ" เมื่อเห็นว่าโค้ชสีเข้มถูกพาดไว้บนแขนแกร่ง
"หึ พอดีคุณไม่ตรงสเปก" ร่างบางได้แต่ 'เหอะ' ในใจ แบบไหนกันเถอะเรียกว่าถูกสเปกนะ
"ฉันก็มั่นใจว่าฉันได้อยู่นะ" คนมั่นใจทำแกล้งยื่นใบหน้าไปใกล้ใบหน้าหล่อคมที่สูงกว่าตัวเองเกือบยี่สิบเซน พะพิงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เตี้ยแต่คนตรงหน้าของเขาสูงเกินมาตรฐานต่างหาก
"เหอะ!"
"เสียมารยาทชะมัด"
กริ๊ก!
ข้อมือบางข้างที่ถูกล็อกอยู่ก็เป็นอิสระอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือระดับเทพของลูกศิษย์นักโจรกรรม กุญแจมือข้างนั้นถูกนำไปล็อกเข้ากับพนักเก้าอี้เหล็กดัดโดยที่นายตำรวจหนุ่มไม่ทันรู้ตัว
"ฉันก็ต้องรีบไปทำธุระเสียด้วย" ไม่ว่าเปล่าลูกกุญแจมือที่ควรอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ชกลับอยู่ในมือบาง พะพิงถอยห่างจากนายตำรวจหนุ่มสามก้าว "มาต่างแดนก็ระวังตัวเองหน่อยนะ" รอยยิ้มยียวนถูกส่งไปให้อีกครั้งก่อนที่มือบางจะจัดการโยนเจ้าลูกกุญแจทิ้งลงน้ำไป
"โธ่ เว้ย!!" ร่างสูงสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อร่างบางเดินจากไปแล้ว พลาดท่านั่นคือสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ไม่มีหลักฐานจับโจร แถมยังถูกโจรล็อกไว้กับเก้าอี้สาธารณะอีก "อย่าให้เจอกันอีกรอบนะยัยตัวแสบ"
แค้นนี้ต้องชำระ แผ่นดิน ทดไว้ในใจ แต่ตอนนี้ต้องพาตัวเองกลับที่พักก่อน ดีที่เขาเอากุญแจสำรองมาด้วยแต่มันอยู่ในกระเป๋าผ้าที่ห้องพักน่ะสิ
"ไอ้กวิน" เสียงเข้มกรอกใส่โทรศัพท์มือถือทันทีที่ปลายสายกดรับ
/ออกไปซื้อของถึงไหนเนี่ย ทำไมยังไม่กลับมาอีกครับพี่/ ปลายสายถามกลับ
"ช่างของเถอะ มึงช่วยเอาลูกกุญแจสำรองออกมาให้หน่อย"
/ลืมกุญแจห้องพักเหรอพี่/ กวินถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจท่านรองจะเอากุญแจสำรองห้องพักไปทำไม
"ไม่ใช่ ลูกกุญแจมือ!!"
/หืมมมม/
"ไม่ต้องสงสัยแล้ว รีบมาเดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้"
"ฮ่า ๆ ใครกันช่างกล้าทำแบบนี้กับท่านรอง" หลังจากรอกวินภพประมาณสิบห้านาทีเจ้าคู่หูตัวดีก็หัวเราะเสียงดังเรียกสายตาคนแถวนั้นให้หันมาสนใจ ก่อนที่จะเดินมาไขกุญแจให้
"เหอะ หุบปากไปเลยไอ้กวิน"
"หูย แค่นี้ต้องทำเสียงเข้มใส่" ก่อนจะได้ทีนเป็นรางวัลนายตำรวจรุ่นน้องก็ถอยออกห่างจากรัศมีแข้งของรุ่นพี่ "ว่าแต่นึกอย่างไรถึงล็อกตัวเองไว้กับเก้าอี้ได้ล่ะพี่"
"ไม่ได้ล็อกเอง"
"ฮะ" แผ่นดินรู้สึกคิ้วกระตุกเมื่อรุ่นน้องทำเสียงตกใจเกินจริง
"ฝีมือโจรแสบ"
"โจรปล้นสวาทที่รูดทรัพย์พี่รอบก่อนอ่ะนะ"
"เออ" พอปลดล็อกเสร็จก็เดินนำรุ่นน้องหนีสายตาคนแถวนั้นไปยังที่พัก
"เจอที่นี่เนี่ยนะ" คนอยากเผือกก็เดินตามไปติด ๆ
"เออ"
"เนื้อคู่แท้ ๆ"
...คงใช่ละมั้ง
"เจ้ หายไปไหนมาตั้งนาน" ณภัทรที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่ห้องรับแขกถามขึ้นเมื่อเห็นคนที่อารมณ์ไม่ดีตอนออกไป พอกลับเข้ามากลับอารมณ์ดีเสียอย่างนั้น
"ยุ่ง ไปเรียกไอกับเก่งมากินมื้อเย็น" พิซซ่าถาดใหญ่สี่ถาดจากร้านขึ้นชื่อพร้อมกับพาสต้าอีกสองกล่องถูกคนซื้อเอาเข้าไปวางในห้องครัว
"ไอรอบนี้รับงานอะไร" เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าพะพิงก็เริ่มยิงคำถามทันที
"อันนี้" บัตรเชิญเข้างานประมูลเพชรที่จะจัดขึ้นในคืนพรุ่งนี้ถูกส่งมาให้คนถามดู
"ปล้นเพชรเหรอ"
"แค่มาเอาไปคืนเจ้าของเฉย ๆ " ความหมายเหมือนกันนั่นแหละพะพิงคิดในใจ
"ทำไมต้องเรียกสองคนนี้มาล่ะไอ แล้วทีมไอไปไหน" ที่สงสัยเพราะปกติถ้าเป็นงานใหญ่ไอจะทำงานกับทีมของเขา แต่ถ้าเป็นงานเล็ก ๆ ไอจะทำแค่คนเดียว แต่ครั้งนี้ไอถึงเรียกคนของเขามาด้วยล่ะ
"ก็อยู่แต่จะมาฝึกพวกนี้เพิ่มน่ะ" ความจริงก็อย่างที่ไอเซยาห์พูดนั่นแหละ ตัวไอเองก็ไม่ได้เจอเด็ก ๆ กลุ่มนี้หลายปีแล้วเลยอยากเจอก็เลยหาเรื่องชวนมาทำงานนี้ซะ แต่น่าเสียดายตรงที่กันยาติดภารกิจที่พะพิงมอบให้เลยมาไม่ได้
"คิดถึงพูดแบบนี้นะไอ" คนฟังไหวไหล่ก่อนจะหยิบพิซซ่าชิ้นที่สองไปกิน "พรุ่งนี้นายสองคนก็ตามจิมกับโรเจอร์ไปดูพื้นที่"
"ได้เลยเจ้" ณภัทรรับปากด้วยแววตาที่ตื่นเต้นที่สุด
"ในที่สุดก็ได้ทำงานแบบนี้บ้าง" ตลอดสามปีที่ผ่านมาพะพิงไม่ค่อยรับงานโจรกรรมเท่าไหร่เลยทำให้สมาชิกในทีมรู้สึกคันไม้คันมือเป็นพิเศษ
"ที่รักไม่รับงานโจรกรรมเหรอเดี๋ยวนี้" ไอถามอย่างสงสัย
"ทำ แต่ส่วนมากจะเป็นด้านข้อมูลมากกว่า" พะพิงตอบเพื่อไขข้อสงสัย
"อ๋อล่าสุดเจ้ก็ทำนะ" ณภัทรแซวแต่กลับทำให้ผู้ใหญ่ที่สุดในโต๊ะทำหน้าสงสัย
"งานอะไร"
"หึ ๆ รูดทรัพย์นายตำรวจยศใหญ่" ณภัทร
"แถมรูดทรัพย์เขามาหมดตัวไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน" เก่งกล้าเสริม
"อ๋อ ไอ้หนุ่มคนนั้นอ่ะนะ"
"ใช่" พยักหน้ารับไปอย่างจำนนในใจคืออยากจะฟาดไอ้สองแสบนี่ให้เข็ดโทษฐานแซวไม่เลิก
"แบบนี้เขาจะจำฝังใจสินะ" ไอเซยาห์พูดอย่างรู้ทัน เขาชักอยากเห็นหน้าแผ่นดินเสียแล้วสิ ว่าจะหล่อขนาดไหนถึงทำให้พะพิงตัวแสบฝากวีรกรรมไว้ขนาดนั้น