อวิ๋นมู่หลันนึกว่าตนฝันไป เมื่อลืมตาตื่นนางก็รู้ว่ากำลังนอนซุกซบร่างกายอีกฝ่าย ที่เรียกว่าเกือบจะเปลือยเปล่า
นางตกเป็นของเขาแล้ว!?!... เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร!
เมื่อแสงตะวันแรกโผล่พ้นขอบฟ้าอาการไข้ของชายหนุ่มก็เหมือนจะลดลง สีหน้าเขาแต้มสีเลือด ไม่ดูซีดจัด
ดวงตาไม่ได้เจือความน่าหวาดหวั่นเหมือนกลางดึก ทว่าสิ่งที่ทำให้หญิงสาวต้องก้มหน้าต่ำคือกึ่งกลางลำตัวเขา แท่งหยกใหญ่โตที่กราดเกรี้ยวหนักเมื่อคืนกลับตั้งผงาด ถึงจะมีผ้าปิดไว้ ทว่าภาพดังกล่าวชวนให้นางครั่นคร้ามใจ นางบอกตนเองว่าอย่าอยู่ใกล้เขาให้มาก มิเช่นนั้นเรื่องน่าละอายอาจเกิดขึ้นอีก
เสียงครางกระเส่า เสียงหอบหายใจหนักหน่วง ซึ่งเป็นจังหวะแสนรัญจวนยังดังย้ำย้อนในหัว
และแรงกระแทกพร้อมความเข้มข้นจากเรือนกายสูงใหญ่ที่แทรกเข้าสู่ความนุ่มนิ่มอันชุ่มชื่นในเนื้อสาว มันคือสิ่งที่อวิ๋นมู่หลันยังสับสน ร่างกายนางตอบรับเขาทุกหยาดหยด!
“เจ้าบีบและรัดข้าแน่นกว่าสตรีใด ๆ ในใต้หล้านี้”
ถ้อยคำของเขาแฝงความนัยเยี่ยงไร นางไม่ใช่คนปัญญาทึบ ทว่าเมื่อได้ยินกลับมืดแปดด้าน
“หากเจ้ายังถวิลหาความรู้สึกเลิศล้ำ ข้าจะป้อนความหอมหวานให้อีกครา ดีหรือไม่...”
อวิ๋นมู่หลันตัวแข็งทื่อ เขาต้องบ้าไปแล้วอย่างมิต้องสงสัย นางบอบบางเพียงนี้คงมิอาจทนรับการเอาแต่ใจของบุรุษมักมากได้เกินสามครั้งในหนึ่งราตรี!
อวิ๋นมู่หลันสลัดจากเสียงและภาพเมื่อคืน พอมองกวนเฉินหลางจึงเห็นว่าดวงตาคมมีประกายพราวระยับ หญิงสาวรีบถอยหนีจากเขา ทว่ากวนเฉินหลางกลับคว้าร่างบอบบางไปกอด เขากลายเป็นแมวตัวโตแทนเสือร้ายที่จ้องขย้ำคอนางกวางน้อยตั้งแต่เมื่อใดกัน
ยามนี้หนวดเคราของเขาขึ้นตอเล็ก ๆ ชวนให้จั๊กจี้ทั้งหวามไหว เมื่อเขาใช้จมูกไซ้ศอกคอขาวผ่อง อวิ๋นมู่หลันก็ส่งเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ คลายความซ่านสยิว
จมูกโด่งหอมลำคอ ริมฝีปากบางอุ่นจัดขบไล้ไปเรื่อยก่อนดูดบริเวณติ่งหูนาง และลิ้นของเขาซุกซนไม่หยุด ชวนให้อวิ๋นมู่หลันอยากหวีดร้องระบายความร้อนฉ่าในร่างกาย
กวนเฉินหลางกระทำราวกับนางเป็นผู้หญิงของเขา และ อวิ๋นมู่หลันอดขนลุกไม่ได้ ชายผู้นี้คือมัจจุราชกวน นางมั่นใจแล้วหรือที่จะใกล้ชิดเขา ยอมให้เขาเย้าหยอกและใช้ร่างกายนางระบายความใคร่
“ข้าช่วยชีวิตเจ้าสองครา ยามนี้เราจึงมีแต้มเสมอกัน ไม่มีผู้ใดเสียเปรียบ แต่... เมื่อมีบุญคุณแล้ว เฉินหลาง ก็ใจกว้างเป็นบุรุษชาตินักรบ ดังนั้นย่อมไม่เอาเปรียบใคร”
อวิ๋นมู่หลันส่งเสียงหึ ๆ ในลำคอ ก่อนทำปากขมุบขมิบ
‘ข้าไม่ได้ข้อร้องท่านให้ตอบแทนสิ่งใด!’
“เหลวไหล ข้าผู้เป็นแม่ทัพใหญ่เมื่อคิดจะลงมือทำสิ่งใด สาวใช้ห้องข้างเช่นเจ้ากล้าขัดหรือ!”
‘ใครเป็นสาวใช้ ขะ… ข้าคือแม่นางอวิ๋น ผู้ที่ช่วยชีวิตท่านต่าง หาก!’
ต่อว่าเขาแล้ว อวิ๋นมู่หลันก็เหมือนถูกมนตร์สะกด นางนิ่งอยู่เช่นนั้นในอ้อมกอดเขาและไม่รู้ว่าอวิ๋นมู่หลันคิดมากหรือไม่ แต่ยามนี้กวนเฉินหลางน่ากลัวกว่าเดิมหลายขุม ทั้งเจ้าเล่ห์มากด้วยแผนการ เหนืออื่นใด เขาคือบุรุษซึ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจสตรี!
อวิ๋นมู่หลันลงมาจากต้นไม้สูงพร้อมแม่ทัพหนุ่ม ทั้งคู่หิวโซเลยทีเดียว นางไม่ได้เอ่ยปากบอกเขา แต่เรื่องชวนขายหน้าคือท้องของนางร้องเสียดัง
ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาว ถึงจะเป็นใบ้สติไม่ดีทั้งใบหน้าด้านหนึ่งมีเส้นเลือดดำอัปลักษณ์แปะอยู่เห็นแล้วก็เป็นอัปมงคล ทว่านับแต่นางป้อนน้ำให้เขาเมื่อคืนชายหนุ่มก็เปลี่ยนความรู้สึกใหม่ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาสตรีที่ปรารถนาดีต่อเขาโดยไม่หวังชื่อเสียงและลาภยศมีเพียงมารดาซึ่งจากไปแล้ว และเจียงเฟยผู้น่าสงสารซึ่งบัดนี้นางเป็นเพียงนกน้อยในกรงทองที่รัชทายาทขังเอาไว้ในตำหนักเพื่อเชยชมความงาม
ด้วยรู้ว่าอวิ๋นมู่หลันคงหิวและอ่อนแรง นางอยู่ที่นี่มาสามวันสามคืน อีกทั้งเขาโถมแรงกายกับเรือนร่างอรชรมิน้อย ดังนั้นต้องบำรุงนางเสียหน่อย
“กระต่าย หรือ นก เลือกเอาสักอย่าง”
หญิงสาวส่ายหน้าหวือ นางไม่ต้องการกินสัตว์พวกนั้น
“ไส้เดือน หนอนไม้ไผ่ หรือจะเป็นงู ก็รสชาติดีเยี่ยม!”
เขาอำมหิตยิ่งนัก เห็นนางเป็นตัวอะไรถึงจะสรรหาของกินเช่นนั้นมาให้!!
อวิ๋นมู่หลันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางเป็นผู้มีความอดทนเป็นเลิศ ทว่ากวนเฉินหลางกลับทำให้ธาตุไฟนางคล้ายจะแตกซ่านได้ทุกลมหายใจเข้าออก
‘ข้าต้องการผลไม้ หรือไม่ก็... ปลาตัวโต ๆ ในลำธาร’
อวิ๋นมู่หลันชี้มือไปยังสายน้ำที่ห่างออกไป ดวงตาคมกริบมองตาม เขาเหนียวตัวมิน้อยอยากล้างเนื้อล้างตัวเช่นกันแต่กลับไม่เห็นด้วย
“เราไม่มีเวลาจับปลา ข้าต้องรีบพาเจ้าออกจากที่นี่ และยังมีอันตรายจากเหล่าเชลยที่อาจเหลือรอด เจ้าไม่กลัวหรอกหรือ”
‘ยังมีผู้อื่นอีก!?’
กวนเฉินหลางไม่อยากให้อวิ๋นมู่หลันตื่นตระหนก แต่เพื่อให้นางระแวดระวังภัยเขาจึงเอ่ยว่า
“หญิงใบ้ เราอยู่ตรงกลางค่ายกลของปรมาจารย์จาง... รู้เช่นนี้ เจ้ายังอยากอยู่ห่างจากข้าหรือไม่”
อวิ๋นมู่หลันนิ่วหน้าพลางใช้ความคิดว่า เหตุใดบุคคลที่เขาเอ่ยถึงนางรู้สึกคุ้นเคยนัก!