ยามนี้นางเข้าใจแล้วว่ามีคนเห็นชีวิตผู้อื่นเป็นของเล่น ทั้งลูกธนู ทั้งสุนัขดุร้าย กำลังไล่ล่าหมายเอาชีวิตพวกเขา
หญิงสาวไม่รอช้า นางสืบเท้าไปข้างหน้าโดยไร้จุดหมาย กระทั่งมีเด็กสาวคนหนึ่งยื่นมือมาจับข้อมือนางหมับแล้วฉุดให้ออกวิ่งตาม
อวิ๋นมู่หลันหันไปมองอีกฝ่ายเห็นว่าซีกหน้าของนางข้างหนึ่งมีแผลลึก ซึ่งอาจเกิดจากของมีคม บาดแผลเช่นนี้น่ากลัวและชวนให้ขนลุก
“ปะ… ไป... อย่าอยู่ที่นี่ พวกมันจะฆ่าเราทุกคน”
‘ตะ… แต่พวกเขาเป็นทหาร เหตุใดถึงทำกับผู้อื่นเช่นนั้น!’ อวิ๋นมู่หลันถาม แต่เสียงนางไม่อาจสื่อความหมายให้อีกฝ่ายเข้าใจ
เด็กสาวไม่สนใจฟัง เร่งฉุดให้อวิ๋นมู่หลันไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ กระทั่งพวกนางหายใจหายคอสะดวกจึงเอ่ยว่า
“หาก ‘หนานหยาง’ ยังไม่ล่มสลาย พวกข้าคงไม่ต้องพบความบัดซบเช่นนี้ เมื่อวานน้องสาวข้าถูกชาวต้าเหอข่มเหงจนเสียชีวิต นางคิดโง่ ๆ ที่จะรับใช้ในค่ายทหาร แต่กลับถูกจับใส่ป้ายแขวนคอเพื่อให้ทหารเลวระบายความใคร่ พวกมันตั้งสิบสี่คนรุมโทรมนางจนถึงแก่ชีวิต!”
อวิ๋นมู่หลันตัวสั่น ไม่ใช่ว่ากลัว แต่นางเกลียดทหารในค่ายนี้จับใจ ทั้งที่เกิดเป็นชาวต้าเหอ ทว่าเหตุใดชีวิตนี้เพิ่งจะรับรู้ได้ว่าพวกมีอำนาจช่างชั่วช้า กระทำต่อผู้อื่นราวกับไม่ใช่มนุษย์!
ขณะที่หลบอยู่ตรงนั้น มีทหารคลั่งนายหนึ่งตามไล่ฆ่าเชลยที่ถูกยิง ทว่ายังไม่สิ้นลมหายใจ เสียงร้องโหยหวนดังอยู่ใกล้ ๆ พร้อมเสียงคำรามและเห่ากรรโชกของสุนัขหลายตัว
“เจ้าถูกจับตัวมาได้อย่างไร...”
อวิ๋นมู่หลันพยายามใช้ภาษามือสื่อสารกับเด็กสาวคนนั้น
“เป็นใบ้หรอกหรือ... แต่ถึงจะมีปานอัปลักษณ์บนหน้า ทว่าพี่สาวยังงดงามถึงเพียงนี้ หากถูกจับตัวคงกลายเป็นของเล่นให้พวกมันย่ำยี”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นมู่หลันก็แจ้งชัดว่านางต้องหาโอกาสหนีไปให้ไกล กระทั่งทหารคลั่งเข้ามาใกล้ เด็กสาวก็คว้าเอาก้อนหินก้อนใหญ่และเตรียมใช้มันทำร้ายเขา
พริบตาต่อมา เด็กสาวจึงอ้อมไปข้างหลังทหารคนหนึ่ง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นบาดเจ็บ ส่งเสียงร้องเบา ๆ เพื่อเรียกอีกฝ่าย
“บาดเจ็บหรือ... ถ้ายอมให้ข้าปล่อยความสุขใส่ข้างในตัวเจ้าก็จะมีชีวิตรอด อย่างน้อยก็ให้ข้าเย่อสักหนึ่งถึงสองชั่วยามเถิด”
เด็กสาวแสร้งทำท่าตื่นตระหนก
“อ้าขาให้กว้าง ๆ ซี ข้าจะได้เย่อเจ้าให้ถึงใจ แลกกับการต่อลมหายใจอีกสักหน่อย”
ทหารเอ่ยจบก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากหนา ๆ ของตน พร้อมแกะสายรัดเอวออก
ภาพเบื้องหน้านั้นอวิ๋นมู่หลันไม่อยากดูด้วยซ้ำ แต่นางก็ต้องฝืนทนพร้อมคิดจนหัวแทบระเบิดว่าจะช่วยเด็กสาวอย่างไรเพราะอีกฝ่ายไม่ได้บอกแผนการใด ๆ ต่อนาง
กระทั่งทหารหนุ่มขึ้นคร่อมเด็กสาว เขาใช้มืออันหยาบกร้านลูบไล้ตัวนางอย่างหื่นกระหาย เด็กสาวก็ใช้โอกาสนั้น จับหินที่วางไว้ใกล้ ๆ ตัวทุบใส่ท้ายทอยเขาเต็มแรง
อวิ๋นมู่หลันเห็นภาพดังกล่าวชัดเจน นางค่อนข้างเสียขวัญ แต่ไม่รอช้าพุ่งเข้าไปจับดาบของนายทหารที่วางไว้เพื่อใช้มันเป็นอาวุธไม่ให้อีกฝ่ายเข้าทำร้ายเด็กสาว
“รวมหัวหลอกข้าหรือ!”
ทหารคลั่งว่าและพยายามลุกยืน กระทั่งทรงตัวได้เขาก็เป่าปากส่งสัญญาณเรียกทหารอีกคนที่แยกตัวออกไป จัดการกับเชลยคนอื่น
ช่วงเวลาดังกล่าวตึงเครียดเหลือเกิน แต่เด็กสาวไม่ได้แสดงท่าทีเกรงกลัว นางยื่นมือมาขอดาบจากอวิ๋นมู่หลัน และกวัดแกว่งไปข้างหน้าหมายปลิดชีพทหารคลั่ง ทว่านางอาจช้าไปเสียหน่อย เพราะไม่ทันได้ทำร้ายทหารคลั่งลูกธนูก็พุ่งเข้ามาปักที่เนินหน้าอกซ้ายของนาง!
แรงจากลูกธนูมีพลังมากจนทำให้ดาบในมือเด็กสาวล่วงหล่น
อึดใจต่อมา คนที่ยิงธนูจึงเผยกายให้เห็น
“นะ… นั่น... เป็นนังใบ้หรอกหรือ.... ฮ่า ๆ ๆ สวรรค์เป็นใจให้ข้าได้เล่นสนุกกับเจ้าจริง ๆ”
ซ่งเถียน ทหารที่ดูแลสุนัขโผล่มา เขาหัวเราะอย่างร้ายกาจ พร้อมย่างสามขุมไปกระชากแขนของอวิ๋นมู่หลันจนนางหวิดล้มคะมำลงพื้น
“จงเป็นสุนัขตัวเมียให้ข้าเย่อเสีย เจ้ารู้หรือไม่เหตุใดแม่ของลูกสุนัขพวกนั้นถึงตาย!”
อวิ๋นมู่หลันไม่อยากฟังสิ่งใด ยิ่งมองดวงตาของทหารชั่วนางยิ่งขยะแขยง และนางไม่อยากคาดเดาเรื่องชวนให้คลื่นเ**ยนใด ๆ
“เวลาที่ข้าเข้าไปในตัวมัน ทั้งลื่น ทั้งอุ่น!”
หญิงสาวได้ยินคำดังกล่าวแล้วพลันเดือดดาล แต่นางถูกบีบข้อมือไว้และเขาก็มีอาวุธ ไฉนนางจะกล้าทำเรื่องบุ่มบ่าม
“พี่สาวอย่าได้ยอมพวกเดรัจฉานนี้” เด็กสาวตวาดลั่นและฮึดสุด กำลังที่จะสู้
“ดี... ข้าจะฉีดน้ำเข้าทั้งปากและก้นพวกเจ้าให้หนำใจ”
ทหารผู้ดูแลสุนัขว่าแล้วก็หัวเราะอย่างสาแก่ใจ ทว่าเขาไม่ทันได้ระวังตัวเมื่อเด็กสาวดึงธนูออกจากร่างของตน นางก็สกัดจุดห้ามเลือด จากนั้นจึงใช้มันแทงทะลุคอทหารคลั่งที่ได้รับบาดเจ็บ พอเขาร้องโหวกเหวกพยายามจัดการนาง เด็กสาวก็ถีบอีกฝ่ายสุดแรง แต่นางกลับพลาดท่าเมื่อดาบในมือซ่งเถียนฟันเข้าใส่กลางหลังนาง
อวิ๋นมู่หลันเห็นภาพดังกล่าวเต็มสองตาและนางเดือดดาลจัดจนอดทนไม่ไหว แรงที่มีเท่าไหร่นางเค้นออกมาจนสามารถสะบัดตนหลุดจากทหารชั่ว ดาบที่ตกอยู่บนพื้นก่อนหน้านางเอื้อมไปหยิบมา แต่มือนางสั่นจนเกือบจะจับไว้ไม่ไหว
“นังใบ้ ถ้าไม่อยากตายจงทิ้งดาบเสีย ถอดเสื้อผ้าออก และใช้กลีบของเจ้าแลกกับชีวิต”
โทสะของอวิ๋นมู่หลันเดือดจัดขึ้นไปอีก นางรวมรวบพลังของตนตั้งใจว่าหากชายผู้นี้คิดทำร้ายเด็กสาวอีก นางจะฆ่าเขาด้วยมือของนางเอง
“พี่สาว หนี ไป... อย่าให้มันจับตัวได้”
เด็กสาวเอ่ยจบก็บ้าเลือด นางพุ่งเข้าใส่ทหารชั่ว พร้อมลูกธนูในมือ เสียงต่อสู้และเสียงกรีดร้องโหยหวนดังไม่หยุด ขณะเดียวกัน อวิ๋นมู่หลันก็เห็นเงาของสุนัขหลายตัวเคลื่อนไหว ก่อนที่พวกมันจะรุมเข้ากัดศพคนตายที่นอนอยู่บริเวณนั้น
“หนีไป!”
เสียงเด็กสาวยังดังก้องอยู่ในหัว และขณะที่บ่ายหน้าไปอย่างรวดเร็ว อวิ๋นมู่หลันร้องไห้ด้วยมิอาจเก็บกลั้นอารมณ์อ่อนไหวได้อีก น้ำตานางไหลนองหน้า กระทั่งวิ่งไปจนเข้าไปใกล้แนวหน้าผาสูงและไม่ทันสังเกตสิ่งใดจึงเซเสียหลักแล้วพลัดตกลงไปเบื้องล่าง
เนื่องจากมีทั้งเถาวัลย์และกิ่งไม้มากมายร่างอวิ๋นมู่หลันจึงไม่ได้รับแรงกระแทกรุนแรง กระนั้นก็จุกเจ็บหลายที่ อีกทั้งได้แผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ขาและแขน มีอาการเคล็ดขัดยอกพอสมควร นางนอนนิ่ง ๆ อยู่บนพื้นดินจวบจนแน่ใจว่ากระดูกไม่ได้หัก
ซึ่งขณะที่นางพลัดตกเหวลึกนั้น นางหลับ ๆ ตื่นอยู่สามวันเต็ม ๆ เมื่อลุกยืนได้ก็กวาดตามองไปโดยทั่ว จุดที่นางยืนทั้งเย็นชื้นและมีกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า อวิ๋นมู่หลันยื่นมือไปข้างหน้า กระทั่งได้ท่อนไม้มาหนึ่งท่อนแล้วใช้มันเป็นสิ่งช่วยพยุงเดิน
นางสืบเท้าออกจากจุดที่ตกลงมาไปไกลพอสมควร ตอนนี้รู้ว่าดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว เสียงแมลงกลางคืนดังอึงอล พร้อมกันนั้นก็มีเสียงร้องของสัตว์ป่าอยู่มิห่างตัว อวิ๋นมู่หลันกลัวจับใจ แต่นางคิดว่าอย่างน้อยก็รอดพ้นจากทหารชั่ว ทว่าอยู่ที่ใดหญิงสาวไม่อาจล่วงรู้ เมื่อก้าวไปได้อีกเล็กน้อย ร่างอรชรพลันถูกมือใหญ่ของใครบางคนรั้งเอวคอดไปแนบชิดร่างอุ่นซ่าน!
อวิ๋นมู่หลันไม่ทันดิ้นรนเพื่อให้ตนหลุดพ้นจากร่างกายอีกฝ่าย ด้วยเป็นตอนนั้นที่ดวงตากลมโตได้เห็นว่า รอบ ๆ ตัวนางมีงูนับร้อยตัวนอนจำศีลอยู่!
เหงื่อกาฬผุดท่วมร่างอวิ๋นมู่หลัน เลือดในกายเหมือนจะจับตัวแข็งจนสองขาไม่อาจขยับไหว กระทั่งได้ยินเสียงทุ้ม ๆ ซึ่งกระซิบข้างหู ก็เป็นนางที่ไม่รู้ว่าควรเลือกเผชิญหน้ากับงูเหล่านั้นหรือบุรุษผู้นี้ดี!