ในช่วงเช้าของประเทศไทยวันนี้อากาศนอกรอบก็ยังคงร้อนอบอ้าวไม่ต่างจากเดิม ดีหน่อยที่ในที่พักอาศัย ห้องของหอศิลป์ติดแอร์ไว้ทุกห้อง ไม่อย่างงั้นล่ะก็เขาคงละลายดับคาห้องไปแล้ว
"อื้อ..เธอขา อย่ามาทับหน้าพี่.."
หอศิลป์ตื่นแต่เช้าเพราะเขาหายใจไม่ออก แต่พอเริ่มรู้สึกตัวก็พอเดาได้ไม่ยากว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
เจ้าไวท์เดย์ตัวน้อยเลื้อยมานอนทับหน้าของเขาอีกแล้ว เจ้าตัวเล็กขดเป็นก้อน นอนนิ่งแปะเป็นตุ๊กแกอยู่บนหน้าเจ้าของเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแมวตัวหนึ่ง ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ไวท์เดย์มันเป็นงู
เจ้าตัวเล็กยังคงนิ่งไม่ไหวติง อันที่จริงเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะฟังภาษามนุษย์รู้เรื่องแต่บางทีก็ทำหูทวนลมไม่ได้ยินไปซะอย่างงั้น
ชายหนุ่มแงะเจ้าขาวของตัวเองออกจากหน้า พองูน้อยถูกจับออกมาเจ้าตัวก็ถึงกับเงยหัวมามองเจ้านานที่รบกวนเวลานอนของมันด้วยตาแป๋วๆ
"คนสวยอรุณสวัสดิ์นะ วันนี้เรามีงาน ต้องตื่นได้แล้วแหละ"
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาว่าพลางเอางูขาวมาถูไถแนบแก้ม แม้ว่าหอศิลป์อยากจะหอมจะจุ๊บงูน้อยของตัวเองอย่างที่ทำกับหมาแมวไม่ได้ เจ้าตัวก็ไม่ลดละความพยายาม เอาใบหน้าซุกลงไปกับเจ้าขาวจนงูน้อยต้องดิ้นหนี
"มาจุ๊บพี่ก่อน เดี๋ยวพี่ปล่อย"
หอศิลป์ว่าพลางยื่นหน้าเข้าหาเจ้าขาว ไวท์เดย์ตัวน้อยที่เหมือนจะฟังภาษาคนรู้เรื่องเลยขยับหัวเข้ามาเอาปากแตะๆกับปากเจ้านาย
เช้านี้หอศิลป์ก็ใจฟูอีกแล้ว เจ้าตัวเล็กของเขาเก่งจริงๆ ไม่ดื้อไม่ซนบอกอะไรก็ฟัง
ในวันนี้เวลาราวๆ10โมงหอศิลป์มีงานแข่งเกมพบปะแฟนคลับที่ห้างดัง วันนี้เขาจึงต้องตื่นเช้ากว่าทุกๆวันและเตรียมตัวไปข้างนอก
"เข้าไปชิ้งฉ่องในกรงก่อน เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จจะออกมาป้อนข้าวให้นะคะ"
ตกลงกับไวท์เดย์เสร็จสรรพ เขาก็วางเจ้าตัวน้อยไว้ในกรงก่อนจะเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกาย งูขาวตัวน้อยเองก็เชื่อฟังเจ้านาย จัดการทำธุระในกรงของตัวเองให้เสร็จแล้วเลื้อยมารอเจ้านายที่เตียง
ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปทางประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท ไวท์เดย์งูสีขาวเกล็ดเงางามเนียนผ่องอย่างหิมะมันนอนขดเป็นก้อนกลมเพื่อรอคอยผู้ที่อยู่หลังบานประตู
ดวงตาทั้งสองข้างพราวระยับอย่างกลุ่มดาวและท้องฟ้า ดวงตาข้องนึงมีสีทองอร่ามอย่างอย่างกับพระจัทร์เต็มดวง ส่วนอีกข้างเป็นสีฟ้าใสเหมือนท้องฟ้าที่ไร้เมฆบดบัง
'รอนานแล้วนะ'
เสียงในหัวบ่นอุบเพราะคนที่เข้าไปข้างในไม่ยอมออกมาสักที ดวงตาคู่สวยจึงได้ค่อยๆปิดลง ยังไงซะเขาก็ต้องออกมาเพราะฉนั้นในตอนนี้ขอหลับรอก่อนละกัน
ณ ห้างใหญ่ใจกลางเมืองกรุง ในวันปกติที่นี่ก็มีคนเข้าออกกันไม่ขาดสายอยู่แล้ว ยิ่งวันนี้มีกิจกรรมเหล่าผู้คนจึงนัดรวมตัวกันจนห้องที่ใหญ่โตคับแน่นไปหมด
ดีหน่อยที่หอศิลป์ได้ที่จอดรถวีไอพีสำหรับแขกรับเชิญ ไม่อย่างงั้นล่ะก็เขาคงต้องวนหาที่จอดอีกสักสิบยี่สิบนาทีเห็นจะได้
ทันทีที่บานเลื่อนใสของประตูห้างเปิดออก ด้วยความโดดเด่นและชื่อเสียงที่มีมากแต่เดิมอยู่แล้ว คนที่เป็นแฟนคลับของหอศิลป์โดยเฉพาะก็ต่างพากันสะกิดเรียกเพื่อนแล้วเดินกรูเข้ามาขอถ่ายรูปขอลายเซ็นไม่ขาดสาย
ร่างสูงรีบดึงกล่องเจ้าตัวน้อยของตัวเองเข้าหาตัว เขากลัวว่าการที่ผู้คนแห่เข้ามาแบบนี้อาจจะทำให้คนสวยของเขาตกใจกลัวได้
และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ไวท์เดย์แม้จะเคยถูกพาไปออกงานอยู่บ้างแต่กับคนเยอะๆแบบนี้เจ้าน้องก็ไม่เคยชินสักที เจ้าตัวน้อยปกติจะได้อยู่แค่ในห้องกับเจ้านาย มีบ้างที่จะได้ออกไปไหนด้วยกันแต่เจ้าน้องก็จะเอาแต่หลบอยู่ในเสื้อ
"สวัสดีครับๆ ขออนุญาตผ่านทางหน่อยน้า ขอลายเซ็นไปที่บูธนะครับ ตรงนี้ขวางทางเดินเขาเนอะ"
หอศิลป์ว่าพลางเดินแหวกฝูงชนมาเรื่อยๆ โดยที่ระหว่างทางเองก็มีคนตามเขามาติดๆเป็นพรวน ห้างนี้ค่อนข้างใหญ่และมีหลายโซน ถึงเขาจะอยู่จังหวัดนี้มาตั้งแต่เกิด แต่ก็ไม่ได้มาห้างนี้บ่อยนัก เลยต้องอาศัยถามน้องๆหนูๆที่ตามเขามาด้วยเป็นคนนำทาง
"โหพี่ศิลป์ เด็กเดินตามมาเป็นลูกเลยนะ"
หลังจากเดินมาถึงบูธจัดงาน หนึ่งในแขกรับเชิญที่เป็นเพื่อนเล่นเกมของหอศิลป์ก็เอ่ยทักขึ้นมาทันที
ใต้ฝุ่นเป็นรุ่นน้องของหอศิลป์ที่อายุห่างกัน2ปี แต่ก็สนิทกันมาตั้งแต่ช่วงมหาลัย ได้เล่นเกมและเติบโตด้วยกันมาตลอด
"สวัสดีครับหนูๆ ขอทางให้พี่ชายผมหน่อยค้าบ"
เด็กหนุ่มตรงหน้าหอศิลป์ค่อนข้างเป็นคนสดใส มีรอยยิ้มประดับหน้าเสมอ อีกทั้งฝีปากแพรวพราวยิ่งกว่าเขาซะอีก ใต้ฝุ่นย้อมผมสีฟ้าน้ำเงินทั้งหัว โดยที่เจ้าตัวบอกว่าที่ยอมสีนี้คนจะได้หาตัวเจอง่ายๆ ซึ่งมันก็โดดเด่นอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ
หอศิลป์เข้าโซนแขกรับเชิญเพื่อไปนั่งประจำที่ตัวเอง พอเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ เหล่านักแข่งและพวกสตรีมเมอร์ชื่อดังก็พากันเข้ามาไม่ขาดสาย โดยที่ระหว่างนั้นเองก็มีคนมาเสิร์ฟน้ำและขนมแก้หิวให้คนที่รอ
"ไง"
หลังจากที่พวกเขานั่งรอกันไปไม่นาน ชายร่างสูงผมสีเทาเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งเอ่ยทักทายหอศิลป์ก่อนลำดับแรก
"พี่เมษ!"
ใต้ฝุ่นโบกมือหยอยๆเจ้าของชื่อจึงได้เดินไปนั่งเก้าอี้ใกล้ๆกับอีกฝ่าย
เมษ คือเพื่อนสนิทของหอศิลป์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมหาลัย ถึงเจ้าตัวจะเป็นคนนิ่งๆไม่ค่อยพูด แต่เมษก็เป็นคนนึงที่เล่นเกมเก่งมากเจ้าตัวเลยพลอยถูกลากมาเข้าตี้เกมด้วยบ่อยๆ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนที่นั่งแขกรับเชิญถูกจับจองจนครบ ทางฝั่งของหอศิลป์มีสมาชิกในทีมราวๆ4คน เพราะคนที่5จะมาจากแขกรับเชิญที่ร่วมกิจกรรม
การจัดแข่งเกมในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการแข่งเกมจริงจังชิงเงินรางวัลมากมายอะไร แต่การแข่งนี้จัดมาเพื่อให้เหล่านักแข่งและสตรีมเมอร์ชื่อดังได้มาพบปะแฟนคลับ หลังแข่งจบก็จะมีการแจกลายเซ็นถ่ายรูปสำหรับแฟนคลับที่ตั้งใจมารอไอดอลของตัวเองโดยเฉพาะ
"สวัสดีครับทุกท่าน ยังไม่เอาไวท์เดย์ออกนอกกล่องน้า เดี๋ยวคนสวยของผมโดดหนีแล้วโดนเหยียบ"
หลังจบเกมการแข่งที่สนุกสนาน หอศิลป์ก็ลงมาประจำบูธของตัวเองเพื่อแจกลายเซ็นและพบปะพูดคุยกับเหล่าผู้ติดตาม
ไวท์เดย์งูขาวตัวน้อยถูกบรรจุในกล่องใสโดยที่หอศิลป์วางกล่องงูน้อยของตัวเองไว้ข้างกายเพื่อที่จะได้ดูแลง่ายๆ
เจ้าตัวเล็กในกล่องเริ่มเบื่อหน่ายพื้นที่แคบ งูขาวเอาหัวเคาะกล่องบอกกับเจ้านายของตัวเอง หอศิลป์ที่เห็นแบบนั้นเลยวางปากกาลงแล้วเริ่มแกะกล่องออก
"ใครกลัวงูเชิญด้านนู้นก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวพี่เอาน้องงูออกมาแล้ว ถ่ายรูปได้แต่ห้ามเปิดแฟลชนะครับ"
ในที่สุดเจ้าตัวน้อยในกล่องก็ได้ออกมาสูดหายใจข้างนอก และพองูขาวได้เผยโฉม คนโดยรอบที่ยกกล้องรอถ่ายก็รัวชัตเตอร์มาที่ทั้งคู่ทันที
ไวท์เดย์รีบเลื้อยเข้าเสื้อหอศิลป์ งูน้อยไม่ชอบกลิ่นคนแปลกหน้าเอาซะเลย การได้มุดเจ้านายจึงทำให้เจ้าน้องรู้สึกปลอดภัยที่สุด
งูขาวมาไว้ไปไว หอศิลป์จึงได้แต่ยิ้มตอบแฟนๆที่มารอดูเจ้าน้อง คนตัวสูงหันมาจับปากกาเซ็นลายเซ็นต่อแล้วกลับมาพูดคุยกับผู้ติดตามอย่างเดิม
ชีวิตของหอศิลป์วนลูปอย่างนี้อยู่บ่อยครั้ง ถ้าในวันปกติไม่มีอะไรทำก็จะหมกตัวอยู่ในห้องแล้วตรีมเกม พองานตรงนั้นเสร็จก็จะตัดต่องานตัวเองแล้วปล่อยคลิปลง วนไปเรื่อยๆ พร้อมกับออกงานอีเว้นที่จะมาแบบนานๆที
เป็นแบบนี้มาตลอด3-4ปี โดยที่ข้างกายหอศิลป์เองก็มีงูขาวตัวน้อยไปเป็นเพื่อนด้วยตลอด ไวท์เดย์แทบจะกลายเป็นมาสคอตประจำช่อง มีหอศิลป์ที่ไหนมีงูขาวที่นั่น เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร
งานกิจกรรมจบลงในเย็นวันนั้น หอศิลป์ที่นั่งหลังขดหลังแข็งตั้งนานในที่สุดก็ได้ฤกษ์กลับบ้านกลับช่องของตัวเองสักที
ร่างสูงเก็บของของตัวเองใส่กระเป๋า ก่อนจะโบกมือลาเหล่าแฟนคลับที่ตอนนี้บางตาลงไปมาก
"ขอบคุณที่มาหากันวันนี้นะครับ ไว้กิจกรรมหน้ามาอีกนะ"
เสียงทุ้มเข้มบอกน้องๆหนูๆทั้งหลายก่อนที่หอศิลป์จะปลีกตัวออกไปยังที่จอดรถ เพื่อนั่งรถของตัวเองกลับบ้าน
คนตัวสูงความหาไวท์เดย์ที่ไปมุดอยู่ส่วนไหนสักส่วนของตัวเองออกมา พร้อมกับบอกเจ้าน้องว่าถึงเวลากลับบ้านแล้ว เจ้าตัวเล็กจึงเลื้อยมาพันที่แขน งูขาวผงกหัวมองเจ้านายตาแป๋ว ไวท์เดย์หลับรอหอศิลป์ไปตั้งหลายตื่น อันที่จริงเจ้าน้องไม่อยากออกมาข้างนอกสักเท่าไหร่ แต่ด้วยที่ว่าตามใจหอศิลป์ หอศิลป์อยากทำอะไรไวท์ก็ยอมหมด
ร่างสูงเดินตามทางสลัวๆของที่จอดรถมายังรถของตัวเอง ทว่ายังไม่ทันจะปลดล็อคเขาก็ได้ยินเสียงคนทักขึ้นมาซะก่อน
"ไม่ได้เจอกันนาน โตขึ้นเยอะเลยนะ"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มฟังสบายหูดังขึ้น คนตัวสูงคุ้นกับเสียงนี้ไม่น้อย แต่นึกแล้วนึกอีกก็ยังจำไม่ได้สักที
ไวท์เดย์มีปฏิกิริยาทันทีที่ได้ยินเสียง งูขาวรีบเลื้อยออกจากแขนเสื้อเจ้านายหันมองตามร่างเจ้าของเสียงไป
ดวงตาสีรัตติกาลหันสบมองร่างของคนพูด ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างเมื่อคนที่เขาได้เห็นตรงหน้าคือคนๆเดียวกับที่เขาได้เจอเมื่อสี่ปีก่อน
ด้วยความมีเอกลักษณ์ชายร่างโปร่งยังคงพันผ้าปิดตา แต่เจ้าตัวไม่คล้ายกับคนตาบอดหรือคนมีปัญหาทางด้านสายตาเลยสักนิด คนๆนี้คือคนที่หลายปีก่อนเอาไวท์เดย์มาให้เขา ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะได้มาเจอกันอีก
"สวัสดีครับไม่ได้เจอกันนานเลย"
หอศิลป์ตอบกลับอย่างเก้ๆกังๆ เขาเองก็ไม่รู้จะทักทายอีกฝ่ายยังไงเหมือนกัน คนตรงหน้ายิ้มตอบ ภายในลานจอดรถที่มีเพียงแสงไฟสลัวเขาเห็นคนตรงหน้าไม่ชัดเท่าใดนัก แต่ก็ยังพอมองเห็นได้
"เราขอจับน้องงูหน่อยได้มั้ย"
เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มถาม หอศิลป์จึงได้พยักหน้ารับ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ตอบกลับง่ายขนาดนี้ แต่ด้วยสัญชาตญาณบางอย่างบอกกับเขาว่าคนตรงหน้าไม่ได้คิดร้าย อีกทั้งยังไม่ได้คิดจะขโมยงูน้อยของเขาไปไหน หอศิลป์เลยตอบรับได้ไม่ยาก
"ได้ครับ แต่ไม่รู้ว่าน้องจะยอมมั้ย"
ทันที่พูดจบหอศิลป์ก็ยื่นงูขาวไปที่มืออีกฝ่าย โดยปกติแล้วไวท์เดย์จะไม่เข้าใกล้ใครเลยนอกจากหอศิลป์ กับบางคนเจ้าน้องก็แค่ให้จับๆลูบๆเฉยๆ
ทว่ากับคนตรงหน้าแตกต่างโดยสิ้นเชิง
ไวท์เดย์เลื้อยไปพันแขนเรียวขาวที่ยื่นมา คนตรงหน้าจึงลูบหัวมันเหมือนกับว่าคุ้นชิน หอศิลป์ถึงกับนิ่งค้าง เขาไม่เคยเห็นใครที่สามารถจับงูขาวของเขาได้เต็มมือขนาดนี้มาก่อน
ไวท์เดย์ไม่ใช่งูที่จะให้ใครแตะต้องตัวง่ายๆถ้าหากมันไม่คุ้นชินจริงๆ การที่คนตรงหน้าสามารถทำให้งูขาวของเขาเชื่องได้ มันจึงทำให้หอศิลป์ค่อนข้างอึ้งไปอยู่บ้าง
"คุณคงจะสอนมันมาดีน่าดูเลยนะ เชื่องเชียว" น้ำเสียงทุ้มนุ่มเย็นวาบขึ้นมาช่วงหนึ่งก่อนที่จะว่าต่อ
"รักมันมากเลยหรอ เจ้างูตัวนี้น่ะ"
"รักมากสิครับ"
คำถามที่ถูกถามมาหอศิลป์ตอบกลับได้อย่างไม่ติดขัด ถ้าถามเขาว่ารักไวท์เดย์มากมั้ยก็คงต้องตอบว่ารักมากถึงรักที่สุดเลย
เจ้าของใบหน้าขาวซีดที่สวมผ้าปิดตายิ้มตอบ รอยยิ้มบางที่ประดับหน้าทำให้เจ้าตัวดูมีเสน่ห์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หอศิลป์มองอีกคนนิ่งอย่างทำตัวไม่ถูก แต่คนตรงหน้าก็ไม่ปล่อยให้บทสนทนาเงียบลงไปกว่านี้
"เจ้าตัวเล็กได้เจ้านายที่ดีเราก็ดีใจ ถ้าตอนนั้นเราตัดสินใจเอาให้คนไม่ดี เราก็คงต้องเสียใจไปตลอดแน่ๆ"
เจ้าของน้ำเสียงทุ้มนุ่มว่าพลางยื่นงูขาวกลับคืนสู่เจ้าของ ไวท์เดย์ตัวน้อยรู้หน้าที่ มันเลื้อยกลับหาเจ้านายพันช่วงแขนของหอศิลป์แล้วเงยหน้ากลับมามองทั้งสอง
"ผมเองก็ดีใจที่ตัวเองรับไวท์เดย์มาเลี้ยงครับ"
หอศิลป์ตอบกลับขณะรับงูขาวมาจากมืออีกคน ใบหน้าเรียวของอีกฝ่ายยิ้มตอบ ก่อนที่คนตรงหน้าจะโบกมือให้พลางกล่าวคำลาแล้วเดินจากไป
"ถ้างูตัวนั้นเป็นคนก็ดีสินะ"
น้ำเสียงนุ่มแผ่วเบาลอยมาตามลม แต่ร่างของคนๆนั้นลับตาไปแล้ว
หอศิลป์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ยกเจ้าขาวของตัวเองขึ้นมาระดับสายตา จะว่าไปแล้วถ้าไวท์เดย์เป็นคนขึ้นมาจริงๆจะเป็นยังไงนะ คงจะสวยมากๆเหมือนกับที่ตอนนี้เป็นอยู่แน่ๆเลย
งูขาวมองเจ้านายตาแป๋ว มันไม่รู้ว่าในใจของผู้เป็นนายคิดอะไรอยู่ แต่เจ้าน้องก็ขยับหน้าเข้าไปจุ๊บปากเจ้านายที่ยื่นมาอย่างเคยชินเพราะนึกว่าเจ้านายอยากจะขอจุ๊บมันนั่นเอง
"แหมคนสวย พิศวาสพี่ซะเหลือเกินน้าา"
หอศิลป์ก้มลงฟัดเจ้าน้องของตัวเองอีกครั้ง ส่วนงูขาวก็ดิ้นหนีอย่างเช่นเคย พลันเสียงในหัวเจ้าน้องก็บ่นอุบตอบกลับอีกคน
'คอยดูเถอะเจ้านายถ้าเราตัวใหญ่เมื่อไหร่ เราจะไม่ยอมเจ้านายแล้วนะ!'
ไวท์เดย์จะไม่ยอมคุณอีกต่อไป!
พยายามปูทางมาให้แบบรัดรวบที่สุดละนะ ปุ๊บปั๊บรับโชค เราจะได้เห็นเจ้าน้องเร็วๆ ฮ่าๆ