การใช้ชีวิตประจำวันของหนึ่งมนุษย์หนึ่งงูยังคงเป็นไปโดยเรียบง่ายในทุกๆวัน หลังจากตอนนั้นที่ไวท์เดย์กลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ตอนนี้ก็ผ่านมาระยะนึงได้แล้ว
หอศิลป์เริ่มปรับตัวให้ชินกับขนาดตัวเจ้างูขาวของตัวเอง อีกทั้งยังพยายามเรียนรู้พฤติกรรมหลายๆอย่างของเจ้าน้องมาตลอด
ไวท์เดย์ตอนเป็นงูไม่ได้ต่างกับตอนที่เป็นครึ่งงูเท่าไหร่นัก แต่ที่เห็นได้ชัดๆก็แค่ร่างกายเปลี่ยนไปกับสามารถพูดได้เท่านั้นเอง
ทั้งลักษณะนิสัย ความน่ารัก ขี้อ้อน ก็ยังคงเป็นไวท์เดย์งูขาวของเขาไม่เปลี่ยนแปลง แม้แต่นิสัยที่พยายามจะกินเจ้านายตัวเองตั้งแต่เป็นงูน้อยด้วยเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเจ้าไวท์หิวหรือยังไง หอศิลป์เผลอไม่ได้เจ้าน้องเป็นต้องเข้ามาแง่งตลอด ถึงจะไม่ได้เป็นการกัดกินจริงจังแต่มันก็สร้างความเจ็บปวดให้เขาไม่น้อย
วันนี้หอศิลป์จึงคิดว่าตัวเองควรมีมาตรการเด็ดขาด เพื่อให้เจ้าน้องเลิกหาลู่ทางมาฉกเขาสักที และสมองอันชาญฉลาดของเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เจ้าขาวของตัวเองมีของโปรดที่ชอบกินมากๆอยู่
เพราะฉะนั้นหอศิลป์จึงตัดสินใจใช้สิ่งนั้นเป็นเหยื่อล่อเจ้าน้อง
"เธอขา วันนี้พี่ซื้อของโปรดมาให้เธอกินด้วย"
ไวท์เดย์ที่กำลังวุ่นอยู่กับการดูการ์ตูนที่หอศิลป์เปิดให้ไม่ได้หันมาสนใจเจ้านายตัวเองเลย เจ้าน้องยังคงจ้องหน้าจอทีวีอันใหญ่ที่เชื่อมต่อกับแอพที่สามารถเปิดวิดีโอสารพัดนึกไม่วางตา
เนื่องจากบางทีอยู่บ้านเฉยๆเจ้าน้องก็ดูเบื่อ ถ้าจะให้งูขาวตัวน้อยมานั่งเฝ้าหอศิลป์สตรีมตัดคลิปทั้งไวท์เดย์คงต้องเฉาตายแน่ๆ เจ้านายคนดีคนเดิมของน้องเลยพาน้องไปดูการ์ตูน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแมวสีฟ้าไม่มีหูที่มาจากอนาคต หรือพวกการ์ตูนแนวสืบสวนซึ่งมีเด็กเวรใส่แว่นที่ไปไหนก็จะมีแต่คนตาย ทว่าการ์ตูนที่เจ้าน้องชอบดูที่สุดกลับเป็นแนวที่เขาคาดไม่ถึงสักเท่าไหร่
"ตัวแทนแห่งคลองตัน จะโฮมรันแกเอง!"
ร่างสีขาวนอนสบายใจอยู่บนโซฟาตัวใหญ่พลางกระดิกหางไปมาอย่างอารมณ์ดี อนิเมชั่นแนวสาวน้อยเวทย์มนต์แปลงร่างสู้กับปรศาจดูจะเป็นสิ่งที่งูขาวชอบใจไม่น้อย
แต่บางทีเพื่อที่จะไม่ให้เจ้าน้องเสพสื่อผิดๆเข้าไป เจ้านายอย่างหอศิลป์เลยต้องคอยอยู่ข้างๆและชี้แจงเรื่องต่างๆในการ์ตูน เรื่องไหนเป็นเรื่องสมมติเรื่องแต่งหรือเรื่องที่ไม่ควรทำตาม
ทางไวท์เดย์แน่นอนว่าเชื่อฟังเป็นอย่างดี ดูเฉยๆเพื่อความบันเทิงระหว่างรอเจ้านายอย่างเรียบร้อยน่ารัก
"เธอขา รักของพี่มันเก่าแล้วหรอคะ เธอถึงได้สนใจไอ่จอสีเหลี่ยมๆนี่มากกว่าพี่"
หอศิลป์ว่าพลางขยับเข้าไปใกล้ เจ้าน้องเลยลุกขึ้นนั่งเพื่อที่จะให้อีกคนนั่งข้างๆ ร่างสูงล้มตัวนั่งลงข้างกายร่างสีขาวพลางซบหัวลงกับลาดไหล่เนียน
ไม่สงสัยเลยว่างูขาวเอานิสัยขี้อ้อนมาจากไหน ก็คงไม่พ้นเจ้านายตัวเองอย่างหอศิลป์นี่แหละ
"พี่น้อยใจอะไร พี่เป็นคนเอาให้เราดูเองไม่ใช่หรอ"
เจ้าน้องว่าด้วยเสียงนุ่มเอียงคอน้อยๆมองร่างสูงก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่ห่อบางอย่างที่เจ้านายถือมา
"นั่นถุงหรอไรอะพี่ศิลป์"
ในที่สุดเจ้าน้อยก็ยอมสนใจเขาสักที หอศิลป์ปาดน้ำตาที่อย่างน้อยตัวเองก็ยังอยู่ในสายตาเจ้าน้อง คนตัวสูงวางกล่องบางอย่างที่บรรจุอยู่ในถุงบนโต๊ะต่ำๆหน้าทีวี เจ้าน้องเองก็ขยับมาหาอย่างสนใจ
"ของเธอค่ะ"
"ของเรา? พี่ซื้อมาให้เราหรอ"
"ใช่แล้วค่ะแม่พิกกี้บูของพี่ แต่ถ้าเธอจะเอาเธอกับพี่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันก่อนนะคะ"
งูขาวขมวดคิ้วใบหน้าสวยบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เข้าใจที่อีกคนจะสื่อเท่าไหร่ หอศิลป์จึงค่อยๆนำกล่องออกจากถุง และด้วยความที่มันเป็นกล่องใส จึงสามารถเห็นของข้างในได้แม้ยังไม่เอาออกมา
"สตอเบอรี่!"
ไวท์เดย์ถึงกับตาลุกวาวเมื่อได้เห็นลูกมนๆสีแดงอันใหญ่ตรงหน้า งูน้อยจำได้ว่าตัวเองชอบกินเจ้าลูกๆนี้มาก ตอนที่เป็นงูหอศิลป์ก็เคยเอาให้กิน ขนาดว่าตอนนั้นต่อมรับรสของงูไม่ได้ดีเท่ามนุษย์เจ้าน้องยังรู้สึกว่ามันอร่อยมากๆเลย แล้วนี่น้องได้ครึ่งบนเป็นมนุษย์แล้ว มีหรือจะไม่อยากลิ้มลองเจ้าลูกสีแดงนั่น
หอศิลป์มองอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดูอย่างปิดไม่มิด ก็ร่างสีขาวตาวาวกระดิกหางเหมือนลูกหมาได้ขนมขนาดนั้น จะไม่ให้ผู้ปกครองอย่างเขาใจฟูได้ยังไง
"พี่จะให้เธอกิน แต่เธอต้องทำข้อตกลงกับพี่ก่อน"
"ได้เลยว่ามาเลย!"
ไวท์เดย์ตอบอย่างหนักแน่น เมื่อเหยื่อติดกับหอศิลป์จึงได้ยื่นข้อเสนอทันที
"ถ้าจะกินอันนี้ต้องห้ามมาแทะเนื้อพี่แล้วนะคะ แต่ถ้ายังจะดื้อกัดพี่อีก อันนี้ไม่ต้องก็"
หอศิลป์ว่าพลางดันกล่องลูกสีแดงออก เจ้างูขาวเองก็มองตามตาละห้อยอย่างน่าสงสาร แต่แค่นั้นไม่ได้ทำให้หอศิลป์ใจอ่อนหรอก หัวใจเขาถูกฝึกมาให้แข็งดั่งหินผา อะไรมาเคาะก็ไม่แตก!
"เรากินพี่ศิลป์ไม่ได้จริงๆหรอ"
ร่างสีขาวบางว่าพลางเลื้อยเข้าหาร่างสูง หอศิลป์มองตามไปอย่างไม่ละสายตา ไวท์เดย์ค่อยๆกดเขาราบกับโซฟาไปทีละน้อยอย่างไม่ทันตั่งตัว
ดวยตาสีรัตติกาลสั่นไหวก้วยความไม่เข้าใจ เขามองตามผู้ที่คร่อมบนร่าง ซึ่งดวงตาคู่สวยก็มองกลับมาด้วยสายตายากจะคาดเดา แต่แววตาคู่นั้นดูออดอ้อนอย่างลูกแมวตัวน้อยๆ และเหมือนจะล่อลวงให้เขาเข้าไปติดกับอยู่เรื่อยไป
"กินพี่ได้ค่ะ"
หอศิลป์ตอบกลับหนักแน่นแน่ชัดพร้อมกับพูดต่อ
"แต่ถ้าเธอเลือกพี่สตอเบอรี่ก็งดนะคะ"
"อะไรทำให้พี่มั่นใจว่าเราจะเลือกเจ้าลูกแดงๆนั่นมากกว่าพี่"
หนุ่มมนุษย์ถึงกับชะงักกึก ถึงจะไม่ได้อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ยังไงซะไวท์เดย์ก็ต้องเห็นเขาสำคัญกว่าอยู่แล้ว ไม่อย่างงั้นจะจ้องกินเช้ากินเย็นหรอ
"แต่เธอขาพี่เจ็บนะ เธอกัดพี่ทีเลือดซิบเลย ดูสิ แผลบางจุดก็ยังอยู่"
หอศิลป์ว่าอย่างตัดพ้อพลางเอื้อมมือไปถกคอเสื้อลงให้เห็นรอยเขี้ยวมากมายที่ฝังอยู่เต็มลำคอ ดวงตาสีอัญมณีเองก็จดจ้องอย่างไม่ละสายตา แต่เจ้างูขาวก็ยังไม่ได้พูดอะไร
ร่างสีขาวโน้วใบหน้าลงไปบริเวณช่วงคอของมนุษย์ตรงหน้า หอศิลป์แทบจะดิ้นตายเพราะกลัวไวท์เดย์จะมากัดซ้ำที่แผลเดิม แต่เหมือนมือเขาจะช้ากว่าเจ้าตัวไปหน่อยงูขาวจึงฉกลงมาที่แผลของเขาไปแล้ว
ดวงตาคู่คมปิดสนิทรอรับความเจ็บปวด ทว่าก็ไม่มีความรู้สึกเจ็บใดๆแล่นเข้ามาในร่างกายเลย กลับกันสัมผัสที่เขาได้รับ ดันกลายเป็นสัมผัสชื้นๆ เหมือนกำลังโดนแมวเลีย
และใช่ เจ้าของร่างสีขาวกำลังไล่เลียไปบริเวณแผลของมนุษย์หนุ่มตรงหน้า ลิ้นนุ่มๆของอีกฝ่ายทำให้คนใต้ร่างรู้สึกร้อนลุ่มไม่น้อยแต่มันก็ผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
ลิ้นร้อนลากไล้ไปตามลำคอเลื่อนลงมายันช่วงอกที่มีแผลเป็น เนื่องจากงูขาวกัดไม่เลือกที่ บนกายของหอศิลป์จึงมีร่องรอยเต็มตัวไปหมด
"เรารักษาแผลให้พี่ น้ำลายงูรักษาได้"
ใบหน้าสวยเงยขึ้นมาสบมองมนุย์ในห้องที่ตอนนี้แข็งค้างเป็นหินไปแล้ว ระยะห่างของใบหน้าทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือกั้น ใบหน้าสวยจึงคลี่ยิ้มบางออกมาพาเอาคนตัวสูงใจกระตุก
ร่างสีขาวค่อยๆโน้มหน้าเข้าหาอีกคนเรื่อยๆ จนในที่สุดริมฝีปากบางประกบกับอวัยวะเดียวกันของอีกคน ทั้งคู่เคยทำแบบนี้ด้วยกันอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มีครั้งไหนเลยที่จากการจุ๊บธรรมดามันจะลามไปเหมือนการจูบมากขึ้น
ไม่มีการสอดใส่แต่ริมฝีปากทั้งสองถูกบดคลึงจนกลายเป็นการจูบที่ลึกซึ้ง มือหนาลูบเส้นผมสีขาวแผ่วเบาตอบรับสัมผัสเหมือนกับว่าตัวเองต้องมนต์สะกด
เรือนร่างสีขาวถูกดันตัวลงไปด้านใต้ จากคนที่อยู่ใต้ร่างตอนนี้ร่างสูงพลิกตัวขึ้นมาคร่อมอีกคนไว้แล้ว ริมฝีปากหนากดลงบนริมฝีปากบางอีกครั้งก่อนจะลากไปทั่วไปหน้าสวยและลงมาบริเวณช่องคอขาว
หอศิลป์มัวเมาอย่างคนไม่มีสติแต่จู่ๆก็ดันมีบางอย่างถูกยัดใส่ปากเขาจนเขาต้องเงยหน้ามองตาม
เป็นไวท์เดย์นี่เองที่หยุดอะไรที่กำลังจะเกินเลยกว่านี้ด้วยเจ้าลูกสตอเบอรี่ ใบหน้าสวยกดยิ้มอย่างชอบใจ หอศิลป์ที่เหมือนพึ่งมีสติก็ถึงกับรีบดีดตัวออก
"เอ่อ.."
"ไม่เห็นจะรู้ว่าพี่เองก็มีรสนิยมชอบกินเนื้องูด้วยนะ แต่ว่าถ้าพี่จะกินเราจริงๆ เราก็ยอมให้พี่กินทั้งตัวอยู่แล้ว"
ไม่ว่าเปล่าร่างสีขาวบางก็รวบผมที่ปรกบริเวณร่างกายมาไว้ฝั่งนึง ช่วงลำคอขาวและเรือนร่างที่เคยถูกทาบทับด้วยเส้นไหมจึงถูกเปิดเผยขึ้นมา
แล้วสิ่งที่มันเด่นชัดที่สุด ก็คงไม่พ้นรอยสีแดงจางๆที่เกิดจากรอยดูดขบของมนุษย์หนุ่มนั่นแหละ
หอศิลป์ตอนนี้สติแทบเตลิด คิดไม่ตกว่าเมื่อครู่ตัวเองทำอะไรกับงูขาวลงไป เจ้าน้องคนสวยขาที่เขาเฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ เขาจะมาเป็นตาแก่โรคจิตฉวยโอกาสเจ้าน้องหรอ
เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลยีผมตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะขอตัวพาตัวเองไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำเพราะทนสายตาคู่สวยที่มองมาไม่ไหว
ไม่เห็นจะรู้ว่าไวท์เดย์ยั่วเก่งขนาดนี้ งูทุกตัวมีวิธีการยั่วยัวแบบนี้ซะทุกตัวเลยรึเปล่า
ดวงตาสีอัญมณีฟ้าเหลืองมองตามร่างใหญ่ไปจนสุดสายตา ร่างสีขาวหัวเราะในลำคออย่างชอบใจที่เหมือนตัวเองค่อยๆทำให้มนุษย์หนุ่มขยับความรู้สึกเข้ามาได้
น้ำลายงูไม่ได้มีผลแค่การรักษา ทว่ามันสามารถเป็นยาปลุกกำหนัดชั้นยอดได้ด้วย อีกทั้งยังแรงกว่าที่พวกมนุษย์ทำขึ้นมาเป็นสิบเท่า ไม่แปลกเลยที่เจ้านายของเขาจะสติเตลิด
บนโลกนี้น่ะไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญหรอก รวมถึงการที่งูชั้นสูงอย่างไวท์เดย์เลือกหอศิลป์ให้เป็นเจ้านายเมื่อสี่ปีก่อน
มีหรอที่มนุษย์ธรรมดาๆที่ไม่สนใจเลี้ยงงูจะยอมปลดเปลื้องทุกอย่างเพื่อสัตว์เลี้ยงตัวเดียว มีหรอที่คนที่ไม่มีอะไรเลยจะมีชีเสียงและร่ำรวยมั่งคั่งได้จนถึงตอนนี้
หอศิลป์ในตอนนี้ถูกตีตราว่าเป็นของงูขาวเป็นที่เรียบร้อย และจะเป็นของงูขาวตนนี้เพียงตนเดียว ตลอดจนชีวิตจะหาไม่เลยล่ะ
ฉันได้กลิ่นตุๆน้า น้องแพรวพราวไม่ไหว พี่ตามทันหรอจ๊ะ
ใครที่ชอบเรื่องนี้ก็เป็นกำลังใจให้กันหน่อยน้า เราจะได้ผลิตนิยายต่อๆไปอีกก?✨️