“ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะครับ น้ำเล่าทุกอย่างให้ผมฟังแล้วครับ”
“เล่าเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกล่ะ มันตอแหลจะตายไป”
“ไม่เอานะครับคุณแม่ ผมสั่งเขาเองแหละครับว่าไม่ให้เขาทำงานบ้าน ให้เขาดูแลผมอย่างเดียว เขาเป็นเมียผมนะครับ”
“ก็ดีไม่ต้องหยิบจับอะไร อยู่เป็นคุณนายชี้นิ้วสั่งแต่คนอื่น สบายไปเถอะนะเมียเรา ถ้าคิดจะอยู่บ้านหลังนี้แล้วไม่ช่วยอะไรใครก็หาเงินใช้เองสิ จะมาเกาะแกกินทำไม”
“น้ำไม่ได้เกาะผมกินนะครับ น้ำเขาเรียนเก่ง เรียนจบเกียรตินิยมเหรียญทองนะครับ มีบริษัทใหญ่ ๆ จองตัวอยากให้เขาไปทำงานเยอะแยะ”
“มันโกหกน่ะสิคะพี่แดน” ดาริกาพูดอย่างอิจฉา ในขณะที่ตัวเธอเองเรียนจบมาแบบทุลักทุเลเต็มที ที่เรียนจบมาได้เพราะพ่อแม่มีเงิน เธอเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนไม่มีชื่อเสียงเพราะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหนไม่ได้เลย เธอจบมาไม่มีความรู้อะไรเลย เอาแค่วุฒิปริญญามาประดับบารมีเท่านั้น ยิ่งบิดาอยากให้ไปทำงานที่บริษัท เธอก็ยิ่งรำคาญ เลยบอกว่าเพิ่งเรียนจบจะขอพักผ่อนก่อน เพราะตอนเรียนมันเหนื่อย มันเครียด พักผ่อนจนพอใจแล้วค่อยไปหางานทำ
“ใช่ มันโกหกน่ะสิ มีบริษัทใหญ่ ๆ ดัง ๆ อยากได้ไปทำงานแล้วทำไมไม่ไปทำ มาเกาะแกกินอยู่ทำไม ที่เรียนจบมาด้วยเกียรตินิยมคงเอาตัวเข้าแลก แกเคยเห็นข่าวไหม พวกนักศึกษาขายตัวมั่วอาจารย์ นอนกันเพื่อแลกเกรดน่ะ”
“จะไปกันใหญ่แล้วครับคุณแม่ สงสัยอยู่กับยายดาเยอะไป เลยฟุ้งซ่าน ขานี้ก็อีกคนงานการไม่รู้จักทำ”
“อย่าไปพาลน้องนะ น้องเรียนมาเหนื่อยก็ให้น้องพักผ่อนหน่อยสิ งานน่ะก็งานบริษัทของเรา จะไปทำตอนไหนก็ได้ ไม่เห็นต้องไปสอบแข่งขันแย่งงานเหมือนคนอื่นเขา”
“คุณแม่ให้ท้ายแบบนี้ไงครับยายดาเลยได้ใจ พูดจาเลอะเทอะไร้สาระ แล้วที่สำคัญยายดาเรียนเอกชน ค่าเทอมแพงลิ่วแค่มีเงินก็เรียนได้แล้วนะครับ”
“แกมาบ่นให้น้องไปทำงาน ทำไมไม่ไปบ่นให้เมียแกทำงานบ้าง” คุณดารุณีที่นอนอยู่บนเตียงผุดลุกขึ้นมานั่งอย่างหงุดหงิดใจ
“มันไม่เหมือนกันไงครับ”
“ไม่เหมือนกันยังไงฮะ ไหนแกลองสารยายมาซิ”
“ใช่ค่ะพี่แดน ไม่เหมือนกันยังไง ดาเป็นลูกเจ้าขอบบริษัทจะทำงานตอนไหนก็ได้ แต่เมียพี่น่ะเป็นแค่ลูกคนใช้ มันคนระดับกัน ต้องกรอกใบสมัครงาน เดินไปของานเขานะคะ”
“เขาไม่จำเป็นต้องวิ่ง มีแต่บริษัทอยากได้เขาด้วยกันทั้งนั้น และที่เขาไม่ไปทำงานเพราะพี่ขอไม่ให้เขาไปทำเอง จริง ๆ เขาอยากไปทำงาน”
“ก็ไปทำสิ ที่ไม่ไปทำก็เพราะอยากอยู่สบาย ใช้เงินแกไปวัน ๆ น่ะสิ น้ำหน้าอย่างมันจะทำงานได้เงินเดือนสักกี่บาทกันเชียว อย่างต่ำให้หมื่นห้าหรือไม่ถึงเสียด้วยซ้ำ เงินเดือนปริญญาตรีน่ะ”
“ผมหวงของผมครับ ไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นมาจีบ”
“อีโธ่เอ๊ย ถึงผู้ชายคนอื่นมาจีบ แต่ถ้าเมียแกเขารักเดียวใจเดียวไม่นอกกายนอกใจแก เขาก็ไม่ทำ ที่แกกลัวไม่อยากให้เขาไปทำ กลัวใจเขาเหรอ” คุณดรุณีเอ่ยถามและนั่นทำให้แดนไทยถึงกับอึ้งไป สองแม่ลูกมองหน้ากันอย่างมีแผนการในทันที
“ถ้ามันนอกใจลูกได้ ก็แสดงว่ามันไม่รักลูกจริง แต่ถ้ารักจริงแม้จะมีผู้ชายหล่อ ๆ รวยๆ มาจีบมันก็ต้องปฏิเสธไม่ไปยุ่งกับเขา แต่อย่างว่าแหละมันก็หน้าตาดี แม่เห็นมีผู้ชายมาเทียวไล้เทียวขื่อมันตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ที่มันจับลูกเพราะลูกเป็นของใกล้มือไง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นเหรอครับคุณแม่” แดนไทยอึ้งไปครู่ใหญ่ เขารู้ดีว่าเขาได้พรนัชชามาแบบรวบหัวรวบหาง แต่เพราะเธอบอกว่ารักเขาด้วยเลยยอม
เธอมีผู้ชายมากหน้าหลายตามาติดพันธุ์ เขาเลยทั้งหึงทั้งหวงเธอเหลือเกิน ทนไม่ได้ที่เธอจะตกไปเป็นของคนอื่น เลยจับเธอทำเมียตั้งแต่เพิ่งเรียนจบ ผู้ชายคนอื่นจะได้หมดสิทธิ์ แต่ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือมารดา เขาขอร้องไม่ให้เธอไปทำงาน แต่ถ้าเธออยากจะไปทำงานจริงๆ เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากต้องยอม เพราะพรนัชชาก็ไม่ใชคนหัวอ่อน เธอเด็ดเดี๋ยวและมีความคิดเป็นของตัวเอง เขารู้จักเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำไมจะไม่รู้นิสัยของเธอ
“ไปเถอะ แม่ให้อภัยลูก แต่ที่แม่ทำลงไปเพราะเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกโดนหลอก แม่อยากพักผ่อนลูกก็ไปพักผ่อนเถอะ”
“แล้วคุณแม่ไม่ทานอาหารเย็นเหรอครับ”
“แม่ไม่ค่อยหิว รู้สึกปวดหัว เราไปกินกับเมียเราเถอะ” ประโยคนั้นของมารดาทำให้แดนไทยต้องล่าถอยออกมาก่อน อย่างน้อยมารดาก็ยอมอ่อนลง เขารู้ดีว่ามารดาห่วงใยเขา เขาเองก็รักและห่วงใยมารดาเช่นกัน และจะทำทุกอย่างให้มารดากับภรรยาของเขาเข้ากันให้ได้
“เป็นยังไงบ้างคะคุณแดน”
“คุณแม่พักผ่อนไปแล้วละ ท่านไม่ได้ว่าอะไร”
“ไม่ได้ว่าอะไรจริงๆ เหรอคะ” พรนัชชาที่จัดโต๊ะอาหารอยู่เอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ
“จริง ๆ ฉันขอโทษไปแล้ว บอกว่าน้ำไม่ได้ตั้งใจ”
“ค่ะ” เธอรับคำ ไม่ค่อยอยากเชื่อแต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้อีก