ในยามนั้นต่างคนต่างไม่ได้สนทนากันและที่สำคัญเมิ่งลี่เฟยเห็นว่าเฉียนมี่อ่อนหวานปานนี้จึงไม่เคยคิดว่าเฉียนมี่คือคู่แข่งของตนเองแม้แต่น้อย
ทว่าตอนนี้นางรู้แล้วว่าที่แท้คนผู้นี้ภายในนั้นย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่
เมิ่งลี่เฟยถอนหายใจยาวออกมา เวลานี้ร่างกายยังไม่ฟื้นจึงคิดถนอมกายใจของตัวเองให้มาก ปากเอ่ยขับไล่พวกเขาทันใด
"ท่านอ๋องท่านพาพระชายารองกลับไปเถิด อย่าอยู่เรือนเย็นเช่นนี้เลย หม่อมฉันมีเรื่องต้องทำเพคะ"
กล่าวจบเมิ่งลี่เฟยพลันไม่สนใจผู้อื่น นางคุกเข่าดูบาดแผลที่หลังของเสี่ยวเหลียน พบว่าเสื้อของเสี่ยวเหลียนยังไม่ขาด แรงตีคงจะยั้งอยู่บ้าง ห่วงเพียงแต่ข้างในร่างกายที่อาจจะบอบช้ำ คงต้องให้ทหารไปรบกวนท่านหมอมาแล้ว
ในขณะที่เมิ่งลี่เฟยห่วงเสี่ยวเหลียนยิ่งนัก คนใจดำพวกนี้กลับยืนดูด้วยสายตาว่างเปล่า ราวกับเสี่ยวเหลียนเป็นสิ่งของไร้ค่าที่หาได้มีความสำคัญ
เต๋อลู่หานมองดูสตรีร่างเล็กในอาภรณ์ขาวซีดราวกับกระดาษด้วยแววตาสนใจเล็กน้อย ตั้งแต่ถูกทำโทษนางไม่เคยขอพบเขา ไม่ได้มีคำอ้อนวอนหลุดออกมาจากปากของนาง มีเพียงน้ำเสียงเหย่อยิ่งถือตัวและมิหนำซ้ำยังขับไล่เขาเสียด้วย เต๋อลู่หานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาจึงกัดฟันเอ่ยเย็นชา
"จวนนี่เป็นของเปิ่นหวาง เปิ่นหวางจะไปที่ใดก็ย่อมได้ พระชายาคงลืมไปแล้วกระมัง"
เมิ่งลี่เฟยไม่ตอบเขา นางชิงชังเกินกว่าจะสนทนา เต๋อลู่หานมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พลางคิดว่าตนเองจะคอยดูว่า นางจะเก่งไปได้มากน้อยเพียงใด
เฉียนมี่ไม่ชอบใจที่เต๋อลู่หานสนทนากับเมิ่งลี่เฟย นางจึงดึงความสนใจทันใด
"พี่หญิง น้องได้สั่งให้คนทำอาหารบำรุงมาให้ท่าน คนพวกนี้ท่านอย่าได้ถือโทษที่ลงโทษบ่าวผู้นั้น เพราะคนของน้องเคารพกฎยิ่งนัก น้องจะกลับไปสั่งสอนนางเองว่าอย่างไรพี่หญิงก็เป็นพระชายาจะล่วงเกินบ่าวของพี่หญิงไม่ได้เป็นอันขาดเพคะ"
เมิ่งลี่เฟยมิได้สนใจสักนิดว่าเฉียนมี่กำลังข่มนางต่อหน้าต่อตาผู้เป็นสามีและคนผู้นั้นก็ถือหางเฉียนมี่เสียด้วย สีหน้าของเมิ่งลี่เฟยราบเรียบและเอาแต่จ้องมองร่างของเสี่ยวเหลียนอย่างพิจารณา
เมิ่งลี่เฟยคิดว่าตนเองยังมียาที่ท่านหมอให้ไว้ในตอนนั้นอยู่ จึงอยากจะปิดประตูไล่คนพวกนี้ออกไปโดยไว ก่อนที่ปากของเมิ่งลี่เฟยจะไวเท่าความคิด อาหารชั้นดีก็อยู่ในมือของบ่าวที่หน้าประตู
"พี่หญิงท่านเสวยให้มาก ๆ นะเพคะ ร่างกายอย่างไรก็ต้องแข็งแรงโดยไว น้องทำสุดฝีมือเลยเพคะ"
อูเจ๋อทำตาโตลอบมองท่านอ๋องเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขยี้ขึ้นมาว่า
"ทูลพระชายารอง ไม่ได้นะเพคะกฎอย่างไรก็คือกฎ จะให้พระชายาเสวยได้อย่างไร บ่าวเห็นชัดแล้วว่าทูนหัวของบ่าวงดงามเพียงใด แม้ตนเองร่างกายอ่อนแอยังคิดถึงผู้อื่น โถ่คนดีของบ่าวช่างมีน้ำพระทัยประเสริฐยิ่งนัก"
เฉียนมี่ที่แสดงออกว่าเป็นคนมีน้ำใจ เอ่ยตำหนิอูเจ๋อทันใด
"อูเจ๋อ เจ้าไม่เห็นหรือว่าพระชายาประชวรอยู่ กฎเกณฑ์ละเว้นได้ก็ละเว้นเถิด อย่างไรก็เป็นสตรีด้วยกัน ข้าแค่ทำอาหารไม่กี่อย่างไม่ลำบากเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงพี่หญิงของข้าได้เสวยของอร่อยข้าก็ยินดียิ่ง"
เต๋อลู่หานกลับมีโทสะ เขาไม่รู้ว่าอาหารเหล่านี้เฉียนมี่ลงมือทำด้วยตนเอง พระชายาป่วนผู้นี้ก่อเรื่องเหตุใดต้องลำบากเมียรักของเขาด้วย
ความจริงเขาไม่อยากมาที่ตำหนักนี้เลยแม้แต่น้อย แต่เพราะความใจดีของเฉียนมี่ที่อยากมาเยี่ยมคนป่วยเขาไม่อาจปล่อยให้มาเพียงลำพังได้ด้วยกลัวถูกเมิ่งลี่เฟยรังแกจึงได้ติดตามมาดูแลไม่ห่าง
เต๋อลู่หานจึงใช้สายตาตำหนิเมิ่งลี่เฟยอย่างเปิดเผย
"ก่อกวนความสงบของคนในจวนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา จนบัดนี้ยังมารบกวนหมี่เอ๋อร์ของข้าอีก เจ้าสำนึกบ้างหรือไม่"
หัวใจของเมิ่งลี่เฟยหดเกร็งอย่างรุนแรง นางกัดฟันแล้วเอ่ยเสียงดังห้ามปรามบ่าวพวกนั้นไม่ให้นำของเข้ามา
"ช้าก่อน"
บ่าวที่ยกอาหารเข้ามาพลันหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ ท่ามกลางสายตาของอ๋องเจ็ดและคนอื่น ๆ เมิ่งลี่เฟยกลับดึงตะกร้าอาหารจากมือของคนพวกนั้นออกมาอย่างแรงแล้วโยนทิ้งต่อหน้าทุกคนโดยไม่ไยดี
เพล้ง!
อาหารในตะกร้าล้วนเป็นของดีราคาแพง บัดนี้หล่นกระจายเต็มพื้น เมิ่งลี่เฟยเห็นชัดว่าทุกคนกำลังตกตะลึง นางเอ่ยเสียงเย็นและหนักแน่น
"กฎก็คือกฎในเมื่อถูกลงโทษแล้วก็ทำตามนั้น ก่อนหน้าข้าเองไม่รู้กฎพวกนี้และบ่าวของข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ดังนั้นจึงทำผิดพลาดไป เรื่องเงินทองที่มอบก็เป็นสินน้ำใจเล็กน้อย ทว่าเสี่ยวเหลียนของข้าก็ได้รับโทษแล้วเช่นกัน อาหารพวกนี้ข้าก็ไม่คิดจะแตะต้องเลยสักนิด ท่านอ๋องท่านคงไม่คิดโกรธข้าใช่หรือไม่เพคะ ที่ทิ้งอาหารพวกนี้เสีย บัดนี้คนที่ละเลยกฎก็คือพระชายารองแล้ว นางทำผิดคิดทำอาหารให้ข้ายังมาส่งมอบให้ถึงเรือน หลักฐานการทำผิดกฎนี้คาตาใช่หรือไม่ ข้าเองอยากรู้ว่าคนที่เคร่งครัดกฎเกณฑ์หนักหนาจะลงโทษพระชายารองเช่นไร หรือว่าจะทรงปล่อยเรื่องนี้ไปเล่าเพคะ ท่านอ๋องท่านตรองดูเองเถิดว่าท่านมีความยุติธรรมและเคร่งครัดกับภรรยาอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่ ท่านคงมิปล่อยให้บ่าวไพร่หัวเราะเยาะลับหลังกระมัง"
หลังจากสาดคำพูดออกไป เมิ่งลี่เฟยพลันผลักคนพวกนี้ออกให้พ้นทาง สองมือจับบานประตูแน่นแล้วปิดดังปัง ทิ้งคนเหล่านั้นไว้หน้าเรือนเย็น หันมาสนใจเสี่ยวเหลียนที่ยังนอนอยู่บนพื้นโดยไม่คิดชายตามองคนเหล่านั้นอีกต่อไป