เจย์เดนคนหล่อ พ่อเกือบรวย และกรวยใหญ่มาก
สวัสดีครับผมชื่อ “เจย์เดน” อายุสิบแปดปี รูปหล่อ พ่อเกือบจะรวย และกรวยผมก็ใหญ่มาก อันนี้ไม่ได้อวด ไม่ได้อวยนะครับ มีคนคอนเฟิร์มแล้วจริงๆ อ้อ..ลืมบอกไปอีกเรื่องคือผมเป็นคนที่ชอบและหมกมุ่นในเรื่องอย่างว่ามาก พวกคุณพร้อมที่จะไปติดตามรับฟังเรื่องของผมหรือยังครับ ใครรับไม่ได้กับการอวดอวยกรวยใหญ่ของผมกดออกได้นะครับ ไม่รักผมไม่ว่าแต่อย่าด่าผมนะครับ เพราะผมเป็นคนอ่อนไหวง่าย แตะปุ๊บติดปั๊บเอ๊ะ.. ยังไงนะ ฮ่า ฮ่า ก็อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ
ผมขออนุญาตย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ย้อนนานไปไหมนะ ไม่หรอกมั้ง เพราะผมอยากให้ทุกคนรู้จักผมทุกซอกทุกมุมจริงๆ
ครอบครัวของผมเรามีกันอยู่สามคน พ่อแม่และผมซึ่งในตอนนั้นผมมีอายุน่าจะประมาณเพียงห้า-หกขวบ พ่อผมเป็นชาวอเมริกันที่มาทำงานและมาพบรักกับแม่ผมที่เมืองไทย ความกรวยใหญ่ของผมก็น่าจะมาจากพ่อผมนี่แหละครับ ตอนเด็กๆ ผมกับพ่อจะอาบน้ำด้วยกันประจำ เราสองคนล่อนจ้อนกันทั้งคู่ ครั้งแรกที่ผมเห็นกรวยของพ่อผม ผมตกใจมากทำไมมันใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ อันเท่าแขนผมในตอนนั้นเลย
“แด๊ดดี๊ทำไมจู๋แด๊ดดี๊ใหญ่จัง แล้วทำไมของเจย์เดนอันนิดเดียว”
ผมเคยถามพ่อผมไปอย่างนั้น ก็ผมสงสัยนี่นา พ่อก็ได้แต่ตอบผมมาว่า
“เดี๋ยวพอเจย์เดนโตขึ้น จู๋ของเจย์เดนก็จะใหญ่เหมือนของแด๊ดนั่นแหละครับ ไม่ต้องห่วงนะเจย์เดน”
ตอนนั้นผมก็ยังงงว่ามันจะใหญ่ขึ้นมาได้อย่างไร เพราะพ่อผมไม่ได้อธิบายอะไรต่อ แล้วมันจะหนักมากหรือไม่ ก็ตัวผมแค่นี้เองแต่ต้องแบกเจ้าจู๋อันท่อนเท่าแขน
ผ่านมาตอนนี้ผมในวัยสิบแปดปี ผมแม่งโคตรจะมั่นใจเลยว่า กรวยของผมนั้นใหญ่จริงอะไรจริง ใหญ่ที่สุดในรุ่นเดียวกัน เดี๋ยวจะหาว่าผมโม้ ผมเคยเอามาเทียบกันกับเพื่อนๆในรุ่น ของผมใหญ่ที่สุดจริงๆ งงล่ะสิว่าผมไปเปรียบเทียบกันตอนไหน ก็ตอนช่วงเวลาพักเบรคของผมกับเพื่อนๆ ไง พวกผมมักจะไปเข้าห้องน้ำพร้อมๆกัน แล้วยืนฉี่เรียงรายกันเป็นแถวหน้าโถฉี่ พวกเพื่อนๆ ก็มักจะชะโงกหน้ามามองกรวยของผม
“โห.. อิจฉานายจังเลยเจย์เดน ของนายใหญ่มาก”
“นั่นสิ .. นายนี่เป็นลูกรักของพ่อจริงๆ ได้เชื้อพ่อมาตั้งเยอะ”
“ทำไมพ่อฉันไม่เป็นฝรั่งเหมือนพ่อนายบ้างนะ ไอ้จ้อนน้อยของฉันจะได้เป็นมังกรผงาดเหมือนนายบ้าง ดูสิทุกวันนี้เป็นแค่งูเขียวตัวจิ๊ดเดียว สาวที่ไหนเขาจะมามอง อย่างเซ็งเลย”
นี่คือบทสนทนาของพวกผมระหว่างที่เข้าห้องน้ำกัน แล้วจะไม่ให้ผมภูมิใจถึงความใหญ่โตของผมได้อย่างไรกัน แหม่.. พูดถึงเรื่องกรวยกับผมไม่ได้เลยนะ ผมสามารถคุยโวได้เป็นวันวัน อ้าว..แล้วผมเล่าเรื่องในวัยเยาว์ของผมไปถึงไหนแล้วเนี่ย มาต่อกันดีกว่า
ครอบครัวของผมย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่ในหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านหนึ่งอยู่ห่างออกจากใจกลางเมืองกรุงนิดนึง ซึ่งบ้านของผมเป็นบ้านแฝด โดยบ้านอีกหลังที่เป็นแฝดคู่กันกับบ้านผมเป็นบ้านของน้าปิ่นที่เป็นคุณครูสอนหนังสือในโรงเรียนที่ผมกำลังจะย้ายเข้าไปเรียน น้าปิ่นอยู่บ้านสองคนกับลูกสาว ลูกสาวน้าปิ่นชื่อ “พี่แป้ง” ซึ่งพี่แป้งเป็นเด็กผู้หญิงตัวขาวจั๊วเลย ถักผมเปียสองข้าง ยิ้มน่ารักและใจดีกับผมมาก และนี่ก็คือ “รักแรก” ของผม พูดแล้วก็ผมก็อดที่เขินไม่ได้
พี่แป้งเขาจะโตกว่าผมประมาณหนึ่งปี แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ผมย้ายตามพ่อกับแม่ไปอยู่ที่ต่างประเทศไปไปกลับกลับอยู่พักหนึ่ง ทำให้ผมเข้าเรียนช้าไปหนึ่งปี พออยู่ที่โรงเรียนผมเลยกลายเป็นรุ่นน้องห่างจากพี่แป้งสองปี และผมก็เนียนเลยทำตัวเป็นเด็กตัวเล็กตัวน้อยกับพี่แป้งตลอด
พอน้าปิ่นรู้ว่าผมจะไปเป็นสมาชิกใหม่ในโรงเรียนที่น้าปิ่นสอนและพี่แป้งเรียนอยู่นั้น น้าปิ่นก็อาสาพาผมไปโรงเรียนและพากลับบ้านพร้อมกันทุกวัน ผมเลยกลายไปเป็นลูกชายคนเล็กของน้าปิ่นไปโดยปริยาย ใครบอกว่าผมไม่ใช่ลูกน้าปิ่นเนี่ยผมนี้เถียงใจขาดดิ้นเลยนะ ตอนเช้าก็ไปโรงเรียนด้วยกัน พอตอนเย็นก็กลับพร้อมกัน ตอนกลับมาถึงบ้านพ่อกับแม่ผมก็ยังไม่กลับมาจากที่ทำงาน ผมก็ฝากท้องมื้อเย็นไว้กับน้าปิ่นทุกวัน บางครั้งพ่อแม่ผมกลับดึกมาถึงผมก็คอพับนั่งหลับนอนหลับไปแล้ว พ่อผมก็ต้องมาอุ้มผมกลับบ้านไปทั้งอย่างนั้น และนั่นก็ทำให้ครอบครัวของเราทั้งสองยิ่งสนิทกันมาก น้าปิ่นนี่สบายเนอะ ไม่ต้องทำลูกก็มีลูกชายที่น่ารักอย่างผม
ผมติดน้าปิ่นกับพี่แป้งมากโดยเฉพาะกับพี่แป้งเรียกได้ว่าตัวแทบจะติดกันตลอดเวลา เนี่ยถ้าสิงพี่แป้งได้ผมสิงไปแล้ว ก็พี่แป้งทั้งน่ารักและใจดีกับผมแบบนี้ จะไม่ให้ผมเอาตัวเอาไปติดได้อย่างไรล่ะ ผมยังจำเหตุการณ์วันแรกที่เราเจอกันได้เลย
“อุ๊ย.. เจ้าตัวเล็กน่ารักจัง ผมสีทองด้วย ตัวเล็กชื่ออะไรคะ พี่ชื่อพี่แป้งนะคะ”
พี่แป้งเดินเข้ามาจับดึงแก้มย้วยของผมแล้วยิ้มให้ผม ผมเองก็ยิ้มตอบแล้วเอามือไปจับแก้มพี่แป้งบ้าง
“ผมชื่อเจย์เดนครับพี่แป้งคนจ๋วย”
แค่จับแก้มพี่แป้งไม่พอ ผมยังยื่นปากและจมูกไปจุ๊บแก้มพี่แป้งอีก
“อุ๊ยตายแล้ว เจย์เดนทำไมทำตัวเจ้าชู้ตั้งแต่เด็กเลยนะเนี่ยได้เชื้อจากใครมานะ”
แม่ผมตกใจทำตาโตแล้วรีบดึงตัวผมออกมาจับหัวผมเขย่าขยี้ผมไปทีหนึ่งแล้วหันไปสบตาพ่อผม พ่อผมก็ยักไหล่ให้
“พี่คนจ๋วยแก้มหอมจังเจย์เดนชอบฮับ”
“ไม่เป็นไรค่ะน้าเดือน น้องเจย์เดนน่ารักดีค่ะ แป้งอยากมีน้องชายมานานแล้วแต่แม่ไม่ยอมมีให้สักที”
พี่แป้งคนสวยคนน่ารักของผมหันไปคุยกับแม่ผม เห็นไหมล่ะทุกคน พี่แป้งเขาชมผมว่าน่ารักด้วย แสดงว่าพี่เขาต้องชอบและตกหลุมรักผมแล้วแน่เลย ผมยังคิดอะไรไปได้ไม่ไกลเท่าไร พี่แป้งเข้ามาดึงตัวผมไปหอมแก้มซ้ายที ขวาที แล้วยังเอาจมูกมาเขี่ยกับจมูกผมอีก
“นี่แน่ะ เจ้าตัวเล็กแอบมาขโมยหอมแก้มพี่ได้ไงคะ มาให้พี่ขอเอาคืนเสียดีดี”
พี่แป้งฟัดแก้มผมอย่างมันเขี้ยว
“น้องเจย์เดนน่ารักจังเลยค่ะแม่ น้าเดือนขาแป้งขอไปเล่นกับน้องเจย์เดนบ่อยๆ ได้ไหมคะแป้งอยากมีน้องผู้ชายค่ะ”
“ได้สิจ๊ะหนูแป้ง”
ในที่สุดผมก็ตก “รักแรก” ของผมได้แล้ว